สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1153 แล้วเธอถือว่าเป็นอะไร
แล้วเธอถือว่าเป็นอะไรกันแน่?
ได้มีรักใหม่และลืมรักเก่าไปแล้ว
เธอได้กลายเป็นภรรยาที่ถูกหักหลังและถูกทอดทิ้งไว้
นี่เป็นสิ่งที่เย้นหว่านไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับเธอ ทั้งสองได้ผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย พวกเขาต้องแยกจากกันเป็นเวลาสองปี ก่อนที่พวกเขาจะอยู่ด้วยกันในที่สุด
พวกเขาไม่เคยมีชีวิตครอบครัวที่สงบสุขด้วยซ้ำ
เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะทรยศเธอ
ไม่เคยคิดเลย ว่าผู้ชายที่ยอมสละชีวิตเพื่อเธอ
จะทำสิ่งนี้ได้ลงคอ
แต่ความจริงอันน่าเหลือเชื่อดังกล่าว และได้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอ มันทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
เย้นหว่านไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน และทุกอย่างในความฝันของเธอ ก็คือฝันร้าย
เธอเอาแต่ฝันร้ายทั้งคืน
เมื่อเธอลืมตาและตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกเหมือนถูกลงโทษ และในตอนนี้เธอก็เป็นอิสระแล้ว
จากนั้น เธอยังไม่ทันรู้สึกโล่งอก มันก็เหมือนเช่นเคย เธอเห็นใบหน้ายิ้มแย้มที่หล่อเหลาของผู้ชายคนนั้น
แต่มันก็ต่างจากปกติ เมื่อเห็นเขา หัวใจของเธอก็เจ็บปวดทันที
โห้หลีเฉินเก็บยิ้ม เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาทั้งอ่อนโยนและเป็นกังวล
“เป็นอะไรไป? ฝันร้ายเหรอ?”
ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ความอ่อนโยนของเขาในตอนนี้ มันคงจะทำให้เธอมีความสุขมาก
แต่ภายใต้สถานการณ์เมื่อคืนนี้ ความอ่อนโยนของเขาตอนนี้ มันเหมือนกำลังเยาะเย้ยเธอ
ภายในใจของเย้นหว่านเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย และเธอแทบรอไม่ไหวที่จะถามเขาไปเลยว่า ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้ และทำไมเขาถึงทำร้ายเธอแบบนี้?
แต่เมื่อจะพูด เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้
ถ้าถามแล้ว แล้วจะทำยังไงต่อ?
มันก็คงเป็นแค่การทำให้เขาเสียหน้าก็เท่านั้น จนต้องทะเลาะกันใหญ่โต จากคนรักก็กลายเป็นศัตรู จากคนเคยรู้จักก็กลายเป็นคนแปลกหน้า
แต่จนถึงสถานการณ์ตอนนี้ เธอก็ยังไม่อยากจะทำเขาเสียหน้า ไม่อยากจะต้องร้องไห้กับเขา และไม่อยากทะเลาะกันทำให้เขารู้สึกแย่
ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลานี้ ถ้าเธอเปิดเผยทุกอย่างทั้งสองคนก็จะรู้สึกอึดอัดต่อกัน ความสัมพันธ์ก็จะพังทลายลง และเธอก็ไม่รู้ว่าจะดูแลอาการบาดเจ็บของเขาอย่างไร
ขาของเขายังไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ
แต่ถ้าทุกอย่างชัดเจน เย้นหว่านเองก็รู้ ว่าเธอและเขาจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขอีกต่อไป และเธอก็ไม่รู้ว่าเธอจะนวดบำบัดให้เขาในสถานะอะไร
แม้ว่าเขาจะทรยศต่อความรักและการแต่งงานของพวกเขา แต่เธอก็ยังกังวลเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของเขา
“โห้หลีเฉิน คุณว่า ในสักวันหนึ่งความรู้สึกของเราจะเปลี่ยนไปหรือไม่?”
เย้นหว่านมองไปที่เขา และถามอย่างเรียบๆ
มันสงบมาก
โห้หลีเฉินไม่ลังเลเลย “ไม่มีทาง”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เขาก็พูดอีกครั้งว่า “แม้วันหนึ่งคุณจะเปลี่ยนไป แต่ยังผมก็จะไม่เปลี่ยนไป”
คำพูดที่หนักแน่นก็เหมือนคำสัญญา
แต่เมื่อได้ยิน กลับทำให้รู้สึกว่าถึงการเยาะเย้ย
สิ่งเหล่านี้เคยเป็นความมั่นใจที่ทำให้เย้นหว่านเชื่อเขา แต่ตอนนี้ มันทำให้เธอได้รู้ว่า คำพูดของผู้ชายมันก็เป็นเพียงแค่คำโกหกดีๆ นี่เอง
พวกเขาสามารถพูดโกหกในขณะที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไป น้ำเสียงก็ดูเป็นปกติ
เย้นหว่านรู้สึกทรมานราวกับมีบางอย่างแทงเข้ามาในใจเธอ เธอไม่สามารถฝืนทำเป็นเข้มแข็งได้อีกต่อไป เธอผลักโห้หลีเฉินออก ก่อนจะลงจากเตียงไป
โห้หลีเฉินถูกผลักออกเล็กน้อย เขารู้สึกประหลาดใจมาก
เขาถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “คุณภรรยา คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นอะไร…” เย้นหว่านหันหลังให้เขา “อาจเป็นเพราะความรู้สึกของฝันร้ายเมื่อครู่นี้มันยังอยู่น่ะ ฉันจะไปอาบน้ำล้างหน้าก่อนนะ”
เย้นหว่านรีบเข้าห้องน้ำ
ทันทีที่ประตูปิด น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอปิดปากและร้องไห้อย่างขมขื่นในความเงียบ
ที่แท้ความรู้สึกเจ็บปวดจนใจจะขาดมันเป็นแบบนี้นี่เอง
และการที่ฝืนทำมันก็ทรมานแบบนี้นี่เอง
การเผชิญหน้ากับโห้หลีเฉินในทุกวินาที มันไม่ใช่ความสุขและความหวานอีกต่อไปแล้ว มันมีแต่ความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดที่มองไม่เห็น
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเย้นหว่านก็ยืนขึ้น เธอล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และแต่งหน้าหนาๆ เพื่อปกปิดดวงตาที่บวมเพราะการร้องไห้
จากนั้นถึงออกจากห้องน้ำ
โห้หลีเฉินกำลังนั่งอยู่รถเข็น เขามองดูใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและสวยงามของเย้นหว่าน เหมือนครุ่นคิดบางอย่างอยู่
“ทำไมจู่ๆ ถึงอยากแต่งหน้าล่ะ”
ปกติแล้วเย้นหว่านจะไม่ชอบแต่งหน้าสักเท่าไหร่ และใบหน้าเล็กที่เนียนใสของเธอก็ดูดีมากด้วย ในช่วงนี้ ก็มีแต่เรื่องวุ่นวายมากขึ้นไปอีก ซึ่งเธอก็ไม่มีเวลาและความต้องการในการแต่งหน้าเลย
เย้นหว่านแสร้งทำเป็นยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย “ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรให้ยุ่งเป็นพิเศษ แค่อยากแต่งหน้าแล้วออกไปเดินเล่นน่ะ”
โห้หลีเฉินคิดว่าเธอเบื่อเพราะอยู่ในนี้ทุกวัน ดังนั้นเขาจึงพูดว่า
“เดี๋ยวผมออกไปเป็นเพื่อนคุณเอง”
เย้นหว่านส่ายหัว “ถนนด้านนอกไม่ดี รถเข็นของคุณออกไปไม่สะดวก ฉันจะให้ป่ายฉีไปเป็นเพื่อนฉันเอง”
หลังจากพูดจบ เย้นหว่านก็ไม่ให้เวลาโห้หลีเฉินในการพูดอีกต่อไป เธอได้เข็นเขาเข้าไปในห้องน้ำ
“รีบไปล้างหน้าแปรงฟันนะ ฉันจะไปรอข้างนอก”
โห้หลีเฉินมองไปที่แผ่นหลังของเย้นหว่าน เขาหรี่ตาลง ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเย้นหว่านดูผิดปกติ?
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหาร
วันนี้เป็นอาหารเช้าที่แองเจล่าทำอีกครั้ง
อาหารเช้าเหมือนกันแทบจะหมด เธอวางไว้ข้างหน้าของทุกคน
เธอมองไปที่โห้หลีเฉิน และก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดเบาๆ ว่า
“คุณโห้ วันนี้ฉันไม่ได้ใส่ถั่วในอาหารเช้า คุณสามารถทานได้อย่างสบายใจเลย”
เมื่อมองไปที่แองเจล่า ร่างกายของเย้นหว่านก็เกรงทันที ความรู้สึกที่เจ็บปวดภายในใจและความโกรธ ก็เพิ่มพูนมากขึ้น
นี่เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เธอเคยไว้ใจ เธอเข้ามาในที่นี้เพราะเหตุผลที่ว่าชอบและปลื้มเขา จากนั้นเธอก็แย่งสามีของเธอไป
เรื่องมือที่สาม เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเธอ
เย้นหว่านแทบรอไม่ไหวที่จะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ
แต่ เย้นหว่านทำได้แค่กำมีดและส้อมในมือไว้ แล้วเธอก็ไม่ได้ทำอะไร
โห้หลีเฉินจ้องไปที่ดวงตาของแองเจล่า ดวงตาของเขาดูกลมลึกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หยิบมีดและส้อมขึ้นมา เพื่อเตรียมที่จะทานอาหาร
แต่หลังจากที่เห็นอาหาร เขาก็หยุดชะงักไป
เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันไม่ทานผักมัสตาร์ด”
รอยยิ้มบนใบหน้าของแองเจล่าหายไปในทันที เธอมองไปที่โห้หลีเฉินด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมทานเหรอ?
โห้หลีเฉินไม่แม้แต่จะมองเธอ สายตาที่อ่อนโยนของเขามองไปทางเย้นหว่าน
“ช่วยผมเอาออกหน่อย?”
การที่เขาให้เย้นหว่านเป็นคนเอาออก มันแสดงถึงความใกล้ชิด ยิ่งไปกว่านั้นคือการประกาศอำนาจของเธอ
เย้นหว่านมองไปยังสายตาที่จริงใจของโห้หลีเฉิน แต่หัวใจของเธอนั้น กลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ความพยายามที่แสดงออกมาทำได้เป็นอย่างดี
ต่อหน้าเธอ เขากับแองเจล่าพยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกันมากที่สุด พวกเขาไม่มีการสื่อสารใดๆ แต่ในตอนกลางคืน กลับแอบไปหากันลับหลังเธอ
ถ้าเมื่อคืนเธอไม่เห็น เกรงว่าเธอจะถูกหลอกอยู่กับเรื่องโง่ๆ แบบนี้ และเธอยังคงรู้สึกพอใจกับการแต่งงานที่สวยงามของเธอ
เย้นหว่านรู้สึกทรมานเหมือนก้อนหินทับอยู่ในหัวใจของเธอ และความอ่อนโยนของโห้หลีเฉินก็ดูไม่เข้าตาเธอเลย
เธอวางมีดและส้อมลงจนเกิดเสียงดัง “ตึก” แล้วเธอก็มองแองเจล่าด้วยความรังเกียจ
“ในเมื่อไม่รู้ว่าคนอื่นจะทานหรือไม่ทานอะไร ก็อย่ามาเข้าครัวทำกับข้าวเลย เสียเวลาคนอื่นเขา และความอยากอาหารของทุกคน ฉันจะไม่ทานแล้ว พวกคุณก็ทานกันเองแล้วกัน”
หลังจากพูดเสร็จ เย้นหว่านก็ลุกขึ้น เธอเดินออกไปข้างนอกโดยที่ไม่หันกลับมามองอีก
ร่างกายของเธอมีแต่ความรู้สึกโกรธเคือง
โห้หลีเฉินนั่งอยู่กับที่ และมองไปทางเย้นหว่านด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยเห็นเธอโกรธขนาดนี้มาก่อน และก็หาเรื่องเจาะจงไปที่คนคนหนึ่งโดยเฉพาะ
แองเจล่าน้ำตาคลอเบ้าทันที เธอรีบหันมองไปที่โห้หลีเฉินอย่างเศร้าสลด
“คุณโห้ เย้นหว่านดุจังเลย…”
เสียงที่ละเอียดอ่อนนั้น มีคำใบ้บางอย่างแอบแฝงอยู่ เธอต้องการให้โห้หลีเฉินปลอบเธอ