สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1199 หนีออกไป
ผู้ชายที่นั่งตำแหน่งคนขับเปิดประตูออกมา แล้วพูดกับคนที่อยู่ฝั่งที่นั่งข้างคนขับ
“ฉันจะไปดูข้างหลังหน่อย นายจับตาดูสถานการณ์ข้างหน้าไว้ด้วย ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงให้ลงมือทันที”
“รู้แล้ว”
ผู้ชายที่นั่งเบาะหน้าก็ลงจากรถเช่นกัน แต่ตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ด้านหน้ารถ
ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากันอยู่
คนของตระกูลหยูยืนตรงข้ามพวกเขา สีหน้าของพวกเขาดูเคร่งเครียดและจริงจังมาก พวกผู้นำกำลังเจรจากันอยู่
แต่สถานการณ์มันซับซ้อนมาก เจรจากันนานมากแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในสถานการณ์แข็งกระด้าง
ไม่มีฝ่ายใดยอมให้ฝ่ายใด และไม่ยอมถอยให้กัน
ในสถานการณ์แบบนี้ จะให้เกิดปัญหาอื่นขึ้นมาไม่ได้ และจะให้คนของตระกูลหยูรู้ว่าในรถมีเด็กอยู่ไม่ได้
ชายหนุ่มหน้าดำเคร่งเครียด ก่อนจะเดินไปที่ประตูรถด้านหลัง
เขาเอื้อมมือออกไปและเปิดประตูที่ล็อกไว้ออก
ก่อนจะมีเสียงเอี๊ยด แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในรถ จนข้างสว่างขึ้นในทันที
เขามองเข้าไปก็เห็นเด็กชายคนหนึ่งนอนหงายอยู่ในกรง กำลังหันหลังให้เขา ร่างกายของเขากระตุกอยู่ตลอดเวลา
นี่มีอาการลมบ้าหมูหรือเปล่า?
ผู้ชายคนนั้นขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กที่จับมา จะมีคุณภาพต่ำแบบนี้ เดี๋ยวจะโยนมันทิ้งกลางทางซะ
“คุณลุง รีบไปช่วยเขาเร็วค่ะ เขาดูทรมานมากเลย ฮือฮือฮือ”
ดวงตาของถังเซียงแดงก่ำ แล้วพูดอย่างกังวลและหวาดกลัวมาก
ผู้ชายคนนั้นไม่สนใจเธอ เขาก้าวขาแล้วปีนขึ้นไปบนรถ
แล้วเดินไปหยุดที่หน้ากรงของเด็กคนนั้น พร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดกรง แต่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีที่สัมผัสตัวล็อก
มันถูกย้ายที่!
เขาตกใจมาก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบโต้ วินาทีต่อมา ก็มีเสียง “ปัง” กระแทกที่ด้านหลังศีรษะของเขาอย่างแรง
เขาเหลือกตา แล้วล้มลงไปกับพื้นทันที
เย้นหว่านที่กำลังถือแท่งเหล็กขนาดใหญ่อยู่ในมือ ตอนนี้ใบหน้าของเธอซีดเซียวด้วยท่าทางตกใจเป็นอย่างมาก
การตีด้านหลังศีรษะของคนอื่น แล้วยังลงมืออย่างแรง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอทำ
แต่โชคดี ที่ทำสำเร็จแล้ว
“คุณน้าเก่งจังเลย”
เด็กๆ มีสีหน้าชื่นชม ก่อนจะปีนออกจากกรงเหล็กทีละคน
เย้นหว่านปิดประตูรถด้านหลังครึ่งหนึ่ง เพื่อไม่ให้คนข้างนอกเห็นการเคลื่อนไหวภายใน จากนั้นเธอก็ยืดหน้าออกไปทางประตูอย่างเงียบๆ แล้วมองดูทั้งสองกลุ่มที่หันหน้าเข้าหากันตรงหน้าขบวนรถ
ดูเหมือนว่า พวกเขาจะเจรจากันไม่ค่อยราบรื่น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่เริ่มต่อสู้กันในทันที
ในสถานการณ์นี้ โดยทั่วไปแล้วมีความเป็นไปได้เพียงสองอย่าง หนึ่งคือฝ่ายหนึ่งยอมประนีประนอม และอีกอย่างคือการเจรจาล้มเหลว
ถ้าเป็นอย่างแรกไม่ส่งผลดีกับเย้นหว่านเลยสักนิด
อย่างที่สองต่างหากที่เป็นสิ่งที่เธอต้องการ แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน คงต้องรอให้พวกเขาเจรจาไม่สำเร็จ แต่ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน
แต่เธอไม่สามารถรอนานขนาดนี้ได้
เธอตีผู้ชายคนนี้จนสลบ ก่อนที่คนอื่นจะรู้สึกผิดสังเกต เธอจะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด
เธอหันกลับมานั่งยองๆ มองหน้าเด็กๆ ด้วยสายตาจริงจัง
“เด็กๆ จ๊ะ เตรียมพร้อมกันหรือยัง”
“พร้อมแล้วครับ/ค่ะ!”
เด็กๆ ตอบกลับด้วยเสียงเบา แต่มีความเก่งกาจและความกล้าหาญแฝงอยู่ในน้ำเสียงด้วย
สิ่งที่พวกเขาต้องทำต่อจากนี้ ในอายุรุ่นเดียวกับพวกเขา นี่คงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาคงไม่มีวันลืมมันไปตลอดชีวิต
เย้นหว่านให้กำลังใจพวกเขา “จำที่น้าบอกไว้นะ ออกจากรถแล้ววิ่งแยกกันไปคนละทาง ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับได้ สามีของน้าเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เขาจะรีบมาช่วยเราแน่นอน”
“พวกเราไม่กลัวครับ พวกเราเป็นฮีโร่ตัวน้อย”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งตบหน้าอกของเขา แล้วเชิดหน้าขึ้น ใบหน้าเล็กๆ ของเขาเต็มไปด้วยความกล้าหาญ
เย้นหว่านชอบเด็กกลุ่มนี้เอามากๆ เลย
หลังจากเตรียมตัวพร้อมแล้ว เธอให้เด็กๆ เดินไปที่ประตูรถด้านหลัง แล้วเปิดประตูอย่างเงียบๆ
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วสั่ง “วิ่งเร็ว!”
เด็กหลายคนรีบวิ่งออกจากรถเป็นฝูง วิ่งแยกไปคนละทิศทาง พวกเขาส่งเสียงกรีดร้องและตะโกนสุดกำลังในขณะที่วิ่งไปด้วย
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย!”
สถานการณ์นี้ไม่มีใครคิดได้ เหมือนกับว่าจู่ๆ ก็มีน้ำเย็นเทลงในกระทะที่กำลังเดือดปุดๆ
พวกผู้ชายในองค์กรตกใจจนหน้าบึ้งตึง แล้วตะโกนสั่งอย่างเร่งรีบ
“จับตัวพวกมันไว้!”
ตระกูลหยูที่ยืนอยู่ไกลไป พวกเขาเองก็ตกใจกับสถานการณ์นี้เช่นกัน
หัวหน้าหรี่ตาลง แล้วพูดอย่างโมโห “ไหนคุณบอกว่าไม่มีอะไรอยู่ในรถของคุณไง แล้วทำไมถึงมีเด็กซ่อนอยู่เยอะขนาดนั้น! คนที่เรากำลังตามหาก็อยู่ในนั้นด้วย รีบไปจับเด็กพวกนั้นมา! ห้ามปล่อยให้หนีไปแม้แต่คนเดียว!”
เขาออกคำสั่ง คนของตระกูลหยูที่เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ก็เริ่มลงมือทันที
แน่นอนว่าคนในองค์กรลักพาตัวไม่ยอมให้ตระกูลหยูแย่งเด็กไปได้ พวกเขาก็โต้กลับอย่างรวดเร็ว
ผลก็คือ ประกายไฟสงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงลุกโชนขึ้นมาทันที การสู้รบก็ไม่มีการหยุดพัก
ทั้งต้องต่อสู้และจับเด็กไปด้วย คนของทั้งสองฝ่ายปนเปกันไปหมด ทำให้เหตุการณ์ดูวุ่นวายมาก
เด็กๆ ยังเล็ก วิ่งเล็ดลอดไปได้ทุกที่ จนพลุกพล่านไปหมด
เธอใช้ประโยชน์จากตอนที่ทั้งสองฝ่ายกำลังให้ความสนใจไปที่การต่อสู้และจับเด็ก เย้นหว่านพาโห้หยูเซิงออกจากรถอย่างเงียบๆ เธอคลำไปจนถึงท้ายรถอีกคัน ถือโอกาสตอนที่คนคุมไปจับเด็ก รีบเปิดประตูท้ายรถ
มีเสียง “แกร๊ก” ประตูรถก็ถูกเปิดออก เย้นหว่านมองไปที่เด็กๆ ที่มีอยู่เต็มรถ
น่าจะมีประมาณห้าสิบหรือหกสิบคน
เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก
เด็กเหล่านี้ขี้ขลาดและเชื่อฟังคำสั่ง แค่ข่มขู่นิดหน่อยพวกเขาก็กลัวแล้ว เลยถูกขังไว้ด้วยกัน
พอพวกเขาเห็นมีคนมาเปิดประตู พวกเขาก็กลัวมากจนหดเข้ารวมกันตัวสั่น
เย้นหว่านรู้สึกสงสารมาก
เธอขอบตาแดง แต่ก็พยายามยิ้มอย่างอ่อนโยนที่สุด “เด็กๆ น้ามาช่วยแล้ว พวกหนูรีบลงมาจากรถ แล้ววิ่งหนีให้เร็วที่สุด อย่าให้คุณลุงใจร้ายพวกนั้นจับได้นะ”
วิ่งหนีเหรอ?
พอได้ยินแบบนั้น เด็กๆ ก็กระวนกระวายใจ แต่ก็ยังไม่กล้าโต้ตอบในทันที
เย้นหว่านรีบพูดอีกครั้ง “วิ่งหนีเร็ว ไม่อยากกลับไปหาพ่อกับแม่เหรอ พวกหนูยังอยากโดนคุณลุงใจร้ายพวกนี้จับไปอีกเหรอ?”
พ่อกับแม่ที่อ่อนโยน กับคุณลุงใจร้าย ความแตกต่างนี้ง่ายต่อการเลือกมาก
แม้ว่าพวกเขาจะขี้ขลาด แต่เด็กๆ ก็คาดหวังถึงอิสรภาพมากกว่า
โลกภายนอกประตู สิ่งล่อตาล่อใจที่ไม่อาจต้านทานได้ อย่างความหวังที่จะได้กลับบ้าน
“หนูอยากกลับบ้าน ฮือฮือฮือ หนูอยากกลับบ้าน”
เด็กคนหนึ่งลุกขึ้นยืน
ร้องไห้และวิ่งออกไปข้างนอก
ตามมาด้วย เด็กคนอื่นๆ ก็พากันลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปข้างนอก
หนึ่งไปสอง สองไปสาม สามไปเจ็ด เด็กหลายสิบคนพากันวิ่งออกไป จำนวนเยอะกว่ารถคันแรก
เหมือนน้ำป่าที่พัดลงบนคันนา ทำให้พวกผู้ชายที่กำลังตามจับเด็กอยู่เริ่มทำอะไรไม่ถูก
“SHIT! พวกมันหนีออกมาได้ยังไง”
ผู้ชายคนนั้นตะโกนด่า แล้วรีบไปตามจับเด็ก