สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1209 ภรรยาผู้ยิ่งใหญ่
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว: “ผมจะกล้าเยาะเย้ยภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ได้ยังไง?”
“แต่น้ำเสียงของคุณ ไม่ใช่บอกว่าฉันไม่ช่างสังเกตหรอ?” เย้นหว่านเหอะ
โห้หลีเฉินรีบอธิบาย: “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”
“เหอะ คุณหมายความว่าแบบนั้นแหละ”
เย้นหว่านหมุนตัวแล้วเดินไปด้านหน้า แกล้งทำเป็นโกรธ ไม่อยากสนใจเขา
โห้หลีเฉินเดินตามหลังเธอ อยากจะเรียกเธอให้หยุด แต่ที่นี่ลักษณะพื้นดินซับซ้อน อาจจะเจอคนได้ทุกเมื่อ เขาเลยไม่กล้าเสียงดัง
ได้แต่เร่งฝีเท้า พยายามตามติดด้านหลังเธอ
เดินผ่านทางเดินเส้นหนึ่ง มีหินอยู่ทุกที่ ขอบเขตมองเห็นที่จำกัด เลยมองไม่เห็นว่าข้างหน้าคืออะไร
เย้นหว่านไม่ได้สังเกต เธอเดินไปข้างหน้าต่อไป แต่พึ่งจะเลี้ยวไปได้หนึ่งโค้ง ก็เห็นด้านหน้ามีชายท่าทางดุร้ายเดินเข้ามา
เธอตกใจรีบถอยหลังหลบ
โห้หลีเฉินเห็นเธอกลับมา พูดด้วยรอยยิ้ม: “ทำไม? รู้ว่าผิดแล้วหรอ? ไม่งอนแล้ว?”
“ไม่เล่นกับคุณแล้ว ด้านหน้ามีคนมา!” น้ำเสียงเย้นหว่านตื่นตระหนกมาก
โห้หลีเฉินตระหนักได้ถึงความรุนแรง คว้ามือของเธอเดินก้าวยาวๆกลับไป
แต่เพิ่งจะเดินถึงทางโค้ง ก็เห็นทางนั้นก็มีคนเดินเข้ามาเหมือนกัน!
ตอนนี้ ซ้ายขวาล้วนมีคน! ทำยังไงดี!
เย้นหว่านร้อนรนจนแทบจะร้องไห้ ตื่นเต้นจนเหงื่อออกเต็มหน้าผาก
เธอแค่ตื่นเต้น ยิ่งไม่ระวังเตะโดนก้อนหินก้อนหนึ่งที่อยู่ข้างๆพื้น
เสียงดัง ตุบ ในห้องด้านล่างพื้นนี้ได้ยินชัดเจนเป็นพิเศษ
“ใคร!”
มีเสียงดังมาจากสองคน เย้นหว่านได้ยินเสียงฝีเท้าชัดเจน
อีกทั้งยังไม่ได้เดินเหมือนก่อนหน้า แต่เป็นวิ่ง!
ไม่ถึงสามวินาที พวกเขาจะต้องถูกเจอแน่!
ควรทำยังไงดี!
ตอนที่ตื่นตกใจจนไม่รู้จะทำยังไง เธอรู้สึกแค่ว่าข้อมือถูกคนออกแรงดึงไป
ต่อมา ทั้งตัวก็ถูกยกขึ้นมา เข้าสู่อ้อมกอดที่อบอุ่นใจดี
เย้นหว่านตกใจจนไม่กล้าหายใจแรง หันไปมองอย่างประหม่า ก็เห็นเป็นโห้หลีเฉิน!
อีกอย่าง กำแพงที่นี่ไม่ใช่กำแพงหิน แต่เป็นกำแพงทรายที่ใช้กำแพงทรายตามธรรมชาติสร้างขึ้นมา กำแพงทรายเป็นเหมือนหินตามธรรมชาติ ขรุขระ หินรูปร่างประหลาดทับซ้อนกัน
ตอนนี้ พวกเขากำลังนอนอยู่ในหลุมหลุมหนึ่งด้านบนกำแพงทราย!
เวลาสั้นแค่นี้ โห้หลีเฉินก็ยังค้นพบสถานที่ดีๆแบบนี้
เย้นหว่านยกนิ้วโป้งให้เขา
ตอนนี้เอง ด้านล่างมีเสียงฝีเท้าดังมา
คนสองกลุ่มวิ่งเข้ามา ชนเข้าด้วยกันพอดี
กลุ่มหนึ่งถาม: “เห็นใครผ่านมามั้ย?”
“ไม่มีเลย พวกนายล่ะ?”
“เราก็ไม่เห็น แต่เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงมาจากตรงนี้จริงๆ”
“เราก็ได้ยินเหมือนกัน อาจจะมีอะไร หรือมีใคร ช่วงนี้ต้องระวังหน่อย รีบออกค้นหาแถวๆนี้ทันทีเลย! ไม่ว่ายังไง แม้แต่แมลงวันสักตัวก็ปล่อยให้เข้าไปไม่ได้!”
“ครับ!”
ดังนั้น คนทั้งสองทีมเลยค้นหารอบๆนี้
เย้นหว่านจ้องมองโห้หลีเฉินอย่างตึงเครียด กะพริบตาไม่หยุด ใช้สายตาถามว่า: ควรทำยังไงดี?
เป็นแบบนี้ต่อไป จะต้องถูกพบแน่
ถึงตอนนั้นเผยตัวไปแล้ว อย่าว่าช่วยคนเลย ตัวพวกเขาเองก็อย่าคิดที่จะมีชีวิตรอด
โห้หลีเฉินโอบเอวของเธอ พยายามเอาเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน
แต่ว่าหน้าตาของเขา สงบนิ่งไม่แยแส มองไม่ออกถึงความกังวลอะไร
เย้นหว่านได้กลิ่นผู้ชายจางๆบนตัวของเขา รู้สึกใจสงบอย่างบอกไม่ถูก
มักจะรู้สึกว่าเขาที่อยู่ตรงหน้า จะต้องมีวิธีอะไรแน่นอน
ขณะนั้น คนพวกนั้นได้ค้นหาโดยรอบเรียบร้อยแล้ว
มีคนพูดขึ้น: “พวกนายตรวจสอบถ้ำหินบางส่วนบนกำแพงนี้ให้ละเอียด”
“ครับ”
สิ้นเสียง เย้นหว่านได้ยินชัดเจน เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ใจของเธอเต้น ตุบๆๆ ราวกับจะหลุดออกมา
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย มือกำมีดพกที่ซ่อนอยู่บนตัวไว้แน่น
เย้นหว่านยิ่งมองยิ่งตึงเครียด ควรจะทำยังไงดี? เพียงแค่ถูกเจอเข้า แผนการทั้งหมดก็จบสิ้นแล้ว
ต่อให้ฝีมือของโห้หลีเฉินจะเก่งแค่ไหน สามารถจัดการคนสิบคนได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้คนสิบคนไม่ส่งเสียงเลยสักนิดได้หรอ?
กำลังคิดแบบนี้อยู่ ทันใดนั้น——
“หัวหน้า ดูนี่ ตรงนี้มีร่องรอย!”
แป๊บเดียว ทุกคนก็มารวมกัน ก็เห็นบนกำแพงหิน มีร่องรอยถลอกจริงๆ
“พวกมันจะต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่! รีบปีนขึ้นไปดูซะ!”
“นี่มันสูงสองเมตรกว่า เรามากันในเวลาสั้นขนาดนี้ คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครปีนขึ้นไปล่ะมั้ง? อีกอย่างพวกนายดูรอยนี่ ไม่ใช่รอยเท้า ถ้าคนจะปีนขึ้นไป เป็นไปได้ยังไงที่จะเหลือร่องรอยเล็กๆไว้เพียงแค่นี้?” มีคนพูดอย่างขี้เกียจ
เย้นหว่านฟังอย่างหวาดกลัวไม่สบายใจ คนคนนี้เกรงว่าจะมีพิษ แต่ว่าพูดได้ถูกต้อง พูดได้ถูกใจเธอ!
ฝีมือของโห้หลีเฉินไม่มีใครเทียบได้ หากเป็นหน่วยลับธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะปีนรูกำแพงสูงสองเมตรขึ้นมาได้ในเวลาสั้นๆ และดึงเธอขึ้นไปด้วย แถมยังไม่ทิ้งร่องรอยไว้มากเกินไป
แต่ว่า พวกเขาต่างพบแล้ว ถ้าหากทั้งหมดคิดแบบชายขี้เกียจคนนั้น ก็คงจะดี
น่าเสียดาย——
คนที่เป็นผู้นำสบถเหอะ: “ทุกๆวันก็ดีแต่หาข้ออ้าง เกิดเรื่องขึ้นนายรับผิดชอบไหวมั้ย รีบปีนขึ้นไปดูเร็วๆ!”
“อ่อ ได้ครับ”
มีคนเริ่มปีนกำแพงแล้ว
เส้นประสาทของเย้นหว่านแน่นตึงจนใกล้จะขาดออกจากกันแล้ว เธอจับเสื้อของโห้หลีเฉินไว้แน่น ใช้สายตามองเขาไม่หยุด
โห้หลีเฉินหยิบมีดพกที่ซ่อนไว้ออกมา
ขณะนี้เอง “รีบมาเร็วเข้า! เร็วเข้า!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตกใจออกมาไม่ไกล
หัวหน้าขมวดคิ้ว ทุกคนต่างก็สงสัยเช่นกัน ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนว่า:
“เร็ว! จับเขาไว้! แฝงตัวเข้ามาในนี้ รนหาที่ตายจริงๆ! ตกลงว่าแฝงตัวมาจากไหน! จับเขาไว้!”
มาพร้อมกับเสียงตะโกนทีละเสียง ร่างหนึ่งวิ่งเข้ามาจากตรงนั้น แล้ววิ่งไปทางอีกทางหนึ่ง
หัวหน้ายืนอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว ตะโกนเสียงดัง:
“มันวิ่งไปด้านนั้นแล้ว เร็ว! ตามฉันไล่ตามไป!”
ทุกคนหยุดมองที่หลุมทันที รีบไล่ตามชายคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว
ยังไง หลุมอันนี้ก็ไม่มีร่องรอยของคนจริงๆ ถ้ามีคนจริงๆจะอดทนได้นานขนาดนี้ได้ยังไง?
บนกำแพงก็ไม่ใช่รอยเท้าจริงๆ
เย้นหว่านได้ยินเสียงฝีเท้าไกลออกไปแล้ว ถึงจะถอนหายใจแรง ใจที่เต้นขึ้นไปบนลำคอ ก็ตกลงไปอีกครั้ง
โห้หลีเฉินก็เก็บมีดพกกลับไป เขาหลุบตาต่ำมองเธอ:
“แนบชิดผมขนาดนี้ทำไม?”
เย้นหว่านได้สติกลับมา ถึงพบว่าเมื่อกี้เธอตื่นเต้นเกินไป ทั้งตัวทรุดลงราวกับเป็นท่อนไม้แนบอยู่บนตัวเขา
เธอแก้มแดงในพริบตา ร้อนจนเกือบจะทอดไข่ให้สุกได้ รีบผลักเขาออก:
“เวลาแบบนี้แล้ว อย่ามาล้อเล่นได้มั้ย?”
“ไม่ใช่นะ เมียจ๋าเข้ามาแนบเองนะ ผมก็นึกว่าคุณมีความคิดแล้วซะอีก” โห้หลีเฉินยิ้ม
แก้มของเย้นหว่านยิ่งร้อนขึ้นไปอีก ใช้แรงบิดแขนของเขาเล็กน้อย:
“สุขุมหน่อย!”
“อ่อ มีภรรยาอยู่ในอ้อมแขน เกรงว่าเป็นผู้ชายจะสุขุมไม่ไหวนะ” โห้หลีเฉินหน้าตาไร้ซึ่งความผิด
เย้นหว่านรู้สึกว่าอยู่ด้วยกันกับเขา หมดคำพูดจะต่อกรจริงๆ เลยเปลี่ยนบทสนทนาถามว่า:
“จริงสิ คุณเห็นคนเมื่อกี้นั่นมั้ย เห็นชัดหรือเปล่าว่าเป็นใคร? ในเวลานี้ ยังจะมีคนอื่นแฝงตัวเข้ามาอีกหรอ? จะเป็นพวกป่ายฉีหรือเปล่า?”
ถ้าเป็นพวกป่ายฉี ควรทำยังไง…