สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1210 นรกแดนมนุษย์
“น่าจะเป็นพวกเขาตั้งใจทำให้เราหลุดพ้น อย่ากังวลไปเลย ป่ายฉีมีวิธีรับมือน่ะ”
โห้หลีเฉินขณะพูด ก็พาเย้นหว่านเดินไปอีกทางหนึ่งไม่หยุด
เป็นอย่างที่โห้หลีเฉินพูดจริงๆ ป่ายฉีมีความสามารถหลุดพ้นจากศัตรู
พวกเขาเจอกันในสถานที่ซ่อนแห่งหนึ่ง
เย้นหว่านเห็นป่ายฉีครบถ้วนสมบูรณ์ เด็กหนุ่มเสื้อผ้ายุ่งเหยิงนิดหน่อย อย่างอื่นไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็วางใจ
เด็กหนุ่มสีหน้านิ่งขรึม “ด้านหน้าก็เป็นสถานที่ขังเด็กแล้ว”
เย้นหว่านสูดลมหายใจเข้าอย่างตื่นเต้นทันที
แรบบิท น่าจะอยู่ด้านหน้านี้สินะ
เด็กหนุ่มไม่ได้เดินไปในทันที แต่หันหลังมองโห้หลีเฉิน ลองหยั่งเชิงถามอีกครั้ง
“คนที่คุณพามาเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง? อีกเดี๋ยวเราช่วยลูกสาวคุณออกมาแล้ว พวกเขาก็ต้องมาช่วยเด็กคนอื่นๆออกไปด้วย”
เขากังวลว่าหลังจากที่โห้หลีเฉินช่วยลูกสาวของตัวเองมาแล้ว ในสถานการณ์อันตรายแบบนี้ จะไม่สนใจความเป็นความตายของเด็กคนอื่นๆ
โห้หลีเฉินสีหน้าไร้อารมณ์ “ผมจะช่วยทั้งหมดแน่นอน”
เรื่องแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องลังเล
เด็กหนุ่มราวกับได้กินยาที่ทำให้จิตใจสงบเม็ดหนึ่ง ถึงจะพาพวกเขาเร่งเดินไปข้างหน้า
เย้นหว่านมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่ม จิตใจหนักอึ้งอีกทั้งยังซับซ้อน
เด็กหนุ่มคนนี้ที่จริงแล้วเป็นคนจิตใจดี สงสารพวกเด็กๆ เป็นห่วงพวกเด็กๆ ถึงขั้นยอมสละชีวิตช่วยพวกเขา นอกจากเจตจำนงที่แข็งแกร่งไปหน่อย จิตใจดีมาก
แต่ว่าคนแบบนี้ กลับถูกจับตัวมาที่นี่ตั้งแต่ยังเด็ก ใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นมาจนถึงทุกวันนี้ ถูกบังคับให้ทำเรื่องเลวๆมานับไม่ถ้วน
ในใจของเขา จะต้องทุกข์ทรมานและเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาแน่นอน
และเด็กที่เหมือนกันกับเขา อยู่ในสถานที่ที่คล้ายนรกแห่งนี้ ยังมีอีกมากมาย……
ถึงเด็กหนุ่มจะไม่พูด เธอก็จะช่วยเด็กพวกนี้ทั้งหมดออกมาแน่นอน
นำทางโดยเด็กหนุ่ม หลีกเลี่ยงกลุ่มตรวจตราที่ไม่จำเป็นมากมาย ลดความวุ่นวายไปได้ไม่น้อย
พวกเขาก็ไปถึงจุดมุ่งหมายอย่างราบรื่น
นั่นเป็นบ้านหลังใหญ่ที่สร้างมาจากกรงเหล็กและกระจก หน้าประตูมีคนเฝ้าอยู่ ข้างในมีเสียงร้องไห้ของพวกเด็กๆดังออกมาไม่หยุด
ฮึกๆฮือๆ ได้ยินแล้วก็ทำให้รู้สึกปวดใจ
เด็กหนุ่มพาพวกโห้หลีเฉินมายืนอยู่ตรงมุมมืด พูดเสียงเบาๆว่า:
“หน้าประตูหกคน ด้านในประตูแต่ละมุมล้วนมีคนเฝ้าอยู่ แล้วยังมีทีมค้นหาอีกหนึ่งทีม พวกเราจำเป็นต้องจัดการคนหน้าประตูให้เร็วที่สุด แล้วค่อยแบ่งไปจัดการคนด้านในถึงจะได้”
อีกอย่างจะผิดพลาดอะไรไม่ได้ มิฉะนั้นจะถูกคนพบเข้า พวกเขาจะรีบกดกระดิ่งเตือนภัยทันที”
โห้หลีเฉินเม้มปาก “ได้”
ขณะพูด เขาก็มองไปทางเย้นหว่าน กำชับเสียงเบาๆ “คุณรอพวกผมอยู่ที่นี่ ผมจัดการเสร็จแล้ว คุณค่อยตามมา”
สถานการณ์แบบนี้เย้นหว่านไม่แสดงความสามารถของตัวเองแน่นอน รีบพยักหน้าทันที
โห้หลีเฉินและป่ายฉีสบตากันแวบนึง ส่งสายตาแลกเปลี่ยนสัญญาณ ทั้งสองคนค่อยๆเข้าใกล้หน้าประตูทันที
ในตอนที่คนเฝ้าประตูทั้งหกยังไม่ทันรู้สึกตัว ลงมือราวกับสายฟ้า จัดการพวกเขาทั้งหมดจนสลบ
รวดเร็วจนไม่มีใครทันตอบสนอง
เด็กหนุ่มมองดูอยู่ข้างๆอย่างตาค้าง “ฝีมือระดับนี้เก่งกาจเกินไปแล้ว พวกเขาเป็นหุ่นแข็งแกร่งงั้นหรอ?”
“หุ่นแข็งแกร่งอะไร?”
เย้นหว่านสงสัย
เด็กหนุ่มเห็นเย้นหว่านท่าทางเหมือนไม่เคยได้ยินศัพท์นี้มาก่อน ก็เข้าใจ เขาพูดอย่างนิ่งขรึม:
“ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะบอกคุณยังไง อีกสักพักคุณก็รู้แล้ว”
อีกสักพัก?
เย้นหว่านครุ่นคิด ขณะนั้น โห้หลีเฉินโบกมือเบาๆให้เธอ
เย้นหว่านเก็บความคิดในใจไปทันที เดินเข้าไปด้วยกันกับเด็กหนุ่มอย่างระมัดระวัง
พวกเขาค่อยๆเข้าไปด้านในประตู
สิ่งแรกที่เห็นคือโถงทางเดินมืดๆ มีอยู่หลายทาง พื้นที่ด้านในกว้างใหญ่มาก
เด็กหนุ่มคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี หลังจากเข้ามาในนี้ กล้ามเนื้อทั้งตัวเขาก็เกร็งขึ้นมา ราวกับต่อต้านอย่างรังเกียจสุดๆ นี่ดึงความทรงจำอันทรมานและเลวร้ายที่สุดในก้นบึ้งหัวใจของเขาขึ้นมา
เย้นหว่านนิ่งเงียบไม่พูดจา
พวกเขาค่อยๆเดินเข้าไปข้างใน อย่างแรกก็ต้องระวังคน จากนั้นก็ลงมือโดยโห้หลีเฉินและป่ายฉี จัดการพวกเขาอย่างเงียบเชียบ
หลังจากที่เดินมาได้สักพัก เสียงของเด็กเล็กก็ดังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เย้นหว่านสูดหายใจแรงตามไปด้วย
ในที่สุด หลังจากเดินผ่านผนังทางหนึ่ง เธอก็เห็นพวกเด็กๆ
ภาพนี้ เธอไม่ลืมตลอดชีวิต
เห็นแค่ในกรงเหล็กขนาดใหญ่ พวกเด็กๆราวกับสัตว์ในสวนสัตว์ถูกขังอยู่ข้างใน บนพื้นเป็นหญ้าแห้งที่วางเรี่ยราด บนนั้นยังย้อมไปด้วยเลือดสีคล้ำ
และเด็กหลายสิบคน ขดอยู่กันเหมือนกับนกกระทา ตัวสั่นไม่หยุด
พวกเขาทั่วร่างล้วนมีแต่บาดแผล มีรอยแผลเป็น มีที่เพิ่มมาใหม่ยังคงเลือดออกอยู่ มีแม้กระทั่งแผลเน่า
ด้านในกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นเน่ารวมด้วยกัน ทำให้รู้สึกคลื่นไส้
และที่ทำร้ายจิตใจ คืออีกฝั่งของเด็กที่รวมอยู่ด้วยกัน ตรงอีกมุมหนึ่ง เด็กหลายคนกำลังนอนอยู่
พวกเขานอนแน่นิ่ง ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด ไม่มีลมหายใจอยู่แล้ว
น้ำเสียงของเด็กหนุ่มแหบพร่า “นี่เป็นเด็กที่พึ่งตายวันนี้”
พึ่งตาย……
เด็กหนุ่มพูดอีก: “เด็กพวกนี้ตายแล้วก็จะทิ้งไว้ที่นี่24ชั่วโมง แล้วก็ให้พวกเด็กคนอื่นๆเห็นทุกเวลา ให้พวกเขารับรู้อย่างชัดเจนว่าอะไรคือความตาย ทำไม่ดี ก็คือตาย”
“แต่พวกเขาทั้งหมดเป็นเด็กที่พึ่งจะแค่สองสามขวบเองนะ!”
น้ำเสียงเย้นหว่านสะอึกสะอื้นและร้องไห้ออกมา
ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
อะไรคือนรกแดนมนุษย์? นี่ยังไงล่ะ!
บนโลกนี้ทำไมถึงมีคนที่ใจคอโหดร้ายได้ขนาดนี้ ทำกับเด็กน่าสงสารบริสุทธิ์พวกนี้ได้ลงคอ นี่มันชีวิตที่สดใหม่แต่ละชีวิตเลยนะ
“สถานที่นี้ เป็นแบบนี้มาตลอด พวกเด็กๆสองสามขวบส่วนมากจำความไม่ได้ ก็จะถูกลักพาตัวมา เริ่มโดนตี ฝึกฝน ทนผ่านไป มีชีวิตเหมือนฝึกหมูฝึกหมา ทนผ่านไปไม่ได้ ก็โยนทิ้งในหลุมฝังศพ”
“หลายปีมานี้ ศพในหลุมฝังศพ น่าจะสูงประมาณภูเขาลูกหนึ่งแล้ว”
น้ำเสียงของเด็กหนุ่มเบามาก
นี่ก็คือสภาพการใช้ชีวิตของเขาตอนเด็ก เป็นฝันร้ายที่ยากจะลืมไปตลอดชีวิตของเขา
ความกลัวที่เพื่อนข้างกาย คนวัยเดียวกันตายไปทีละคนทีละคน แล้วก็ความกลัวที่ต้องนอนอยู่ร่วมกับศพเย็นๆทุกวัน
เป็นฝันร้าย เป็นนรก
“ควรตาย คนพวกนี้ควรตาย ควรตาย”
เย้นหว่านปิดปากร้องไห้ น้ำตาไหลไม่หยุด
เธอสงสารเด็กพวกนี้ อดไม่ได้ที่จะฆ่าคนที่ทำเรื่องพวกนี้ให้ตายไปให้หมด
เด็กพวกนี้เป็นคน ไม่ใช่เครื่องมือ ไม่ใช่ตุ๊กตา ไม่ใช่เหยื่อ
“เสียงอะไร? ฉันเหมือนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้”
ขณะนั้น ชายตรวจตราที่อยู่ที่ไม่ไกลหยุดลงอย่างกะทันหัน
เย้นหว่านสะดุ้งตกใจ รีบเอามือปิดปากสนิท ไม่กล้าส่งเสียงใดๆออกไปอีก
จากนั้น คนตรวจตราก็พาทีมเดินมาทางนี้
“หัวหน้า ฟังผิดหรือเปล่าครับ ที่นี่จะมีผู้หญิงได้ยังไง? มีแต่เสียงร้องไห้ของพวกเด็กเล็ก”
“เสียงร้องไห้ของเด็กเล็กไม่เหมือนกัน น่าจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง”
“หรือว่าจะมีคนบุกเข้ามา?”
“อาจจะ หยิบอาวุธขึ้นมา เราไปดูกัน”