สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1211 ห้องทดลอง
พวกเขาล้วนเป็นคนที่ถูกฝึกมาอย่างเข้มงวด แบ่งเป็นสองทีม ล้อมเข้ามาจากทั้งสองด้าน
เย้นหว่านสายตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ล้วนโทษเธอ ส่งเสียงออกมา ถึงเรียกพวกเขามา
บอกว่าจะตามมาช่วย สรุปเพิ่งจะเข้ามา ก็ก่อเรื่องซะแล้ว
เธอโทษตัวเองไม่หยุด
“ไม่โทษคุณหรอก ลูกสมุนพวกนี้ แป๊บเดียวก็จัดการได้แล้ว”
โห้หลีเฉินลูบผมของเย้นหว่าน สีหน้าปกติเหมือนเดิม ไม่เห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ท่าทางที่สงบนิ่งและแน่วแน่นั้น ทำให้เห็นแล้วรู้สึกสบายใจ
อารมณ์หดหู่ของเย้นหว่านถูกเขาปลอบให้สงบลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงชิดผนังอย่างกังวล
สายตาของเด็กหนุ่มก็นิ่งขรึมตามไปด้วย
เขาเคยบอกแต่แรกแล้ว จะต้องอาศัยการลอบโจมตีไปข้างหน้าตลอดทาง มิฉะนั้นแค่ถูกคนพบเข้า ต่อ ให้จะเป็นการต่อสู้แบบเผชิญหน้ากัน ขอแค่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายมีลมหายใจอยู่ อีกฝ่ายกดกริ่งสัญญาณเตือนภัย พวกเขาก็จะถูกเปิดเผย
ถึงตอนนั้นต่อให้มีความสามารถมากกว่านี้ ก็กลายเป็นแค่ลูกไก่ในกำมือ
ตอนนี้ถูกทีมตรวจตราเจอเข้าแล้ว อีกฝ่ายมีประมาณสิบห้าสิบหกคน ถึงแม้โห้หลีเฉินและป่ายฉีจะฝีมือดี ก็ไม่สามารถจัดการพวกเขาทั้งหมดได้พร้อมกัน
เป็นแบบนี้ต่อไป จะถูกเปิดเผยได้ง่าย
เด็กหนุ่มสีหน้านิ่งขรึม หยิบมีดพกตรงเอวออกมา พูดเสียงเบาว่า “ผมจะร่วมสู้ด้วยกันกับพวกคุณ”
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทำได้แค่สามารถช่วยได้ก็ช่วย
โห้หลีเฉินกลับส่ายหน้า “ไม่จำเป็น นายช่วยฉันปกป้องเย้นหว่านให้ดีก็พอ”
พอสิ้นเสียง โห้หลีเฉินและป่ายฉีต่างคนต่างเดินไปตรงกันข้ามกันอย่างพร้อมใจกัน
พวกเขาไม่รอให้ทีมค้นหาเข้ามาก่อนถึงจะออกไป แต่เป็นเดินออกไปตรงๆ อาวุธในมือดังปี๊บๆๆก็โยนออกไป
เพียงแค่เวลาหนึ่งวินาที
สิบกว่าคน ล้มลงกับพื้นในเวลาเดียวกัน
เด็กหนุ่มมองตะลึงตาค้าง “พวกคุณทำอะไรลงไปน่ะ?”
ในมือโห้หลีเฉินถืออาวุธสีดำชิ้นหนึ่งอยู่ เป็นของที่เด็กหนุ่มไม่เคยเห็นมาก่อน
เขาพูดว่า: “มาที่นี่ ก็ต้องพกของป้องกันตัวมานิดหน่อยเป็นธรรมดา”
เด็กหนุ่ม:”……”ของป้องกันตัวอันนี้ค่อนข้างสุดยอดจริงๆ
“เจ้าหนุ่ม อย่าแสดงสายตานับถือขนาดนั้นออกมาเลย ของแบบนี้ตระกูลเย้นของเรามีเยอะแยะ หลังจบเรื่องนี้ นายตามฉันกลับไป ฉันจะพานายไปเพิ่มความรู้”
ป่ายฉีหมุนอาวุธในมือรอบหนึ่ง แล้วเก็บเข้าตรงเอวอย่างเรียบร้อย
ท่วงท่านั้นตามอำเภอใจซะไม่มี
เด็กหนุ่มมองเขาอย่างประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ทำให้เขารู้สึกเหนือความคาดหมายอย่างมาก
ไม่ใช่เหนือความคาดหมายเพราะอาวุธแบบนี้ในตระกูลเย้นมีอยู่มากมาย แต่ประทับใจที่ป่ายฉีพูดว่า จะพาเขากลับไปตระกูลเย้น
หลายปีที่ทำงานให้องค์กร เขาเคยได้ยินถึงชื่อเสียงของตระกูลเย้นมาบ้าง นั่นเป็นตระกูลใหญ่ที่ลึกลับหายากมากที่สุดตระกูลหนึ่ง นอกจากคนในตระกูล ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกันแน่
เพราะเหตุนี้ แม้ว่าหลังจากการอพยพครั้งใหญ่เมื่อสองปีที่แล้ว ตำแหน่งใหม่ของตระกูลเย้น ก็ยังคงเป็นปริศนาของโลก
ถึงแม้จะเป็นตระกูลหยูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็ยังหาไม่เจอ
สถานที่แบบนี้ คนธรรมดาเข้าไปไม่ได้ เข้าไปได้ ก็หมายความว่าเป็นคนกันเอง
เมื่อกี้ ป่ายฉีบอกว่าจะพาเขาเข้าไป…
ความหมายก็คือ ตระกูลเย้นยอมรับเขาผู้ที่เต็มไปด้วยบาปงั้นหรอ?
เขาไม่เคยคิดเลย มาถึงขั้นนี้จนถึงทุกวันนี้ เขาจะยังสามารถมีจุดจบอีกแบบ…
เด็กหนุ่มขณะนี้จิตใจสับสนวุ่นวาย
จัดการทีมค้นหาแล้ว นอกจากไม่กี่คนที่เฝ้าไม่กี่มุมตรงหน้าแล้ว ที่นี่ไม่มีใครสามารถคุกคามพวกเขาได้อีก
ป่ายฉีพูด: “ผมไปจัดการคนพวกนั้นเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวหว่าน พวกคุณไปตามหาแรบบิท”
เย้นหว่านสูดหายใจเข้าลึก เช็ดน้ำตา พยายามตามหาคนอย่างใจเย็น
เธอทนความเจ็บปวดและความสงสารในใจเอาไว้ สายตามองหน้าพวกเด็กๆในกรงเหล็กทีละคน
ไม่ใช่
ไม่ใช่
ล้วนไม่ใช่
แรบบิทไม่อยู่ในกรงนี้
เย้นหว่านอดไม่ได้ที่จะดูพวกเด็กๆอีกหลายครั้ง ถึงจะกัดฟันแล้วพูดว่า: “ไปกรงถัดไป”
เธออยากจะช่วยพวกเด็กๆ แต่ว่าเวลานี้ยังไม่ได้
พวกเขาแฝงตัวเข้ามาน้อย สะดวกแค่พาแรบบิทออกไปเท่านั้น ถ้าช่วยเด็กทั้งหมด เป้าหมายใหญ่เกินไป จะต้องถูกพบร้อยเปอร์เซ็นต์
ถึงตอนนั้นช่วยคนไม่ได้ แถมยังเดือดร้อนพวกเด็กๆอีก
พวกเขาครั้งนี้ได้แต่ช่วยแรบบิทออกไปก่อน ขอแค่หลังจากคนขององค์กรไม่ได้จับกุมลูกสาวของพวกเขาไว้แล้ว ก็ไม่มีไพ่ใบสุดท้ายแล้ว
โห้หลีเฉินค่อยเริ่มโจมตีพร้อมกับคนอื่นๆที่แฝงเข้ามา ประสานกันภายในและภายนอก ทำลายองค์กรนี้ให้สิ้นซาก
ถึงตอนนั้น ถึงจะปลอดภัยอย่างแท้จริง พาพวกเด็กๆทั้งหมดออกไป
รอฉันนะ…
เย้นหว่านภาวนาถึงพวกเด็กๆในใจ เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ห่างไม่ไกลก็เป็นกรงอีกอันหนึ่งแล้ว สภาพภายในเหมือนกับกรงเหล็กก่อนหน้าทุกอย่าง เด็กที่มีแผลเป็นหลายสิบคน แล้วยังมีเด็กที่ตายแล้วอีกสองสามคน
ฉากนั้นนองเลือดและโหดร้าย ราวกับนรกบนดิน
เย้นหว่านทนเก็บความเจ็บปวดในใจเอาไว้ และเริ่มหาลูก
แต่ว่า ในกรงนี้ก็ยังไม่มี
เธอหากรงต่อไป
หลังจากหาติดๆกันมาหลายกรง ระดับอายุของเด็กก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่ใช่สองสามขวบอีกต่อไป แต่เป็นสามสี่ขวบ ห้าหกขวบ เจ็ดแปดขวบ สิบขวบขึ้นไป…
เหมือนกับเป็นโรงเรียน ระดับอายุที่แตกต่างกัน ก็อยู่ระดับชั้นที่ต่างกัน
แต่ว่าที่นี่ไม่ใช่โรงเรียน เป็นนรก เด็กที่อยู่ที่นี่ล้วนมีบาดแผลเต็มตัว มีชีวิตอย่างไร้จิตวิญญาณ
ในเวลาเดียวกันที่เย้นหว่านมองดูอย่างเจ็บปวดหัวใจ ก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจมากยิ่งขึ้น
เพราะเด็กทั้งหมดที่ถูกกักขังไว้ที่นี่ล้วนหาไปหมดแล้ว แต่ว่า ก็หาแรบบิทไม่เจอ
เธอสีหน้าซีดขาว น้ำเสียงสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“แรบบิทล่ะ? ทำไมเธอไม่อยู่ในนี้?”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “พวกเด็กๆที่ถูกฝึกต่างก็ขังไว้ในนี้ ตอนนี้ยังเป็นเวลานอนด้วย จะต้องอยู่ในนี้แน่นอน หัวหน้าก็คงจะส่งแรบบิทเข้ามาแล้วแน่นอน ถ้าเธอไม่อยู่ล่ะก็ เป็นไปได้ที่จะ…”
หัวใจของเย้นหว่านจุกขึ้นมาตรงลำคอทันที คว้าคอเสื้อของเด็กหนุ่มไว้แน่น
“เป็นไปได้ที่จะอะไร?”
เธอหวาดกลัวจนเสียงสั่น
ในระหว่างที่เธอกำลังค้นหา เธอได้เห็นเด็กที่เสียชีวิตไปแล้วหลายสิบคนเกือบจะถึงร้อยคน
เธอไม่กล้าคิด แรบบิทคงไม่ใช่…
“ที่นี่นอกจากเด็กพวกนี้แล้ว ยังมีห้องทดลองพิเศษอยู่อีกห้องหนึ่ง เด็กบางคน จะถูกส่งไปที่นั่น”
เด็กหนุ่มก้มหน้า น้ำเสียงเบาเป็นพิเศษ
เขาไม่อยากให้เป็นแบบนี้ แต่ว่า ความจริงกลับ…
“สาเหตุที่หัวหน้าพาตัวแรบบิทไป เป็นเพราะคิดว่าสภาพร่างกายของเธอแตกต่างจากคนอื่น ดังนั้นเป็นไปได้มากที่จะส่งตรงไปยังห้องทดลอง”
“ห้องทดลองอยู่ไหน? รีบพาฉันไปเร็ว”
เย้นหว่านเร่งอย่างใจร้อน
เธอถึงขั้นไม่กล้าถาม ห้องทดลองนั่นเอาไว้ทำอะไร ทำอะไรกับเด็ก
แต่ว่าห้องทดลองสามคำนี้ ก็เต็มไปด้วยการทำร้ายแล้ว
เด็กหนุ่มปลอบด้วยน้ำเสียงทุ้ม “หัวหน้าก็รีบมาก่อนพวกเรา ไวกว่าแค่ไม่กี่ชั่วโมง แค่ไม่กี่ชั่วโมงบางทีอาจจะยังไม่ทันทำอะไร”
อาจจะ…ล่ะมั้ง
เย้นหว่านสมองขาวโพลนไปชั่วขณะ ไม่กล้าคิดถึงความเป็นไปได้ใดๆ แค่อยากจะรีบไปแข่งกับเวลา
อยากเจอแรบบิท อยากเจอเธอ
เด็กหนุ่มพาพวกเขาเร่งเดินเข้าไปในองค์กร พยายามหลีกเลี่ยงคน เลี่ยงไม่ได้ก็ต้องโห้หลีเฉินและป่ายฉีตีให้สลบ สุดท้ายในที่สุดก็ถึงห้องทดลอง