สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1217 ขึ้นเครื่องบินก่อน
เด็กหนุ่มตามอยู่ข้างๆเย้นหว่าน คอยระวังคนที่อาจจะเจอเข้า ปกป้องความปลอดภัยของเย้นหว่าน
เย้นหว่านเส้นประสาทแน่นตึง วิ่งไปตลอดทาง แม้แต่หายใจก็ไม่หยุดพัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอวิ่งไปถึงห้องทดลองโดยไม่เหนื่อยหอบ กลับตกใจที่เห็น สถานที่ที่ป่ายฉีกับผู้หญิงคนนั้นต่อสู้กัน เหลือเพียงทุกพื้นที่เลอะเทอะ เครื่องมือถูกพังกระจัดกระจาย และยังมีคราบเลือดเต็มพื้น
แต่ว่าเงาของพวกเขา กลับไม่เห็นเลยสักนิด
“ป่ายฉี? ป่ายฉี คุณอยู่ไหน!”
เย้นหว่านกระวนกระวายใจ ตะโกนลั่นอย่างรีบร้อน
เด็กหนุ่มก็ไปตามหารอบๆทันที แต่รอบด้านนอกจากคนที่ถูกพวกเขาตีจนสลบลงบนพื้น ทุกที่ต่างก็ไม่มีร่องรอยของป่ายฉีและผู้หญิงคนนั้นเลย
“พวกเขาไปสู้กันถึงที่อื่นแล้วหรือเปล่า?” เด็กหนุ่มคาดเดา
เย้นหว่านลนลานอย่างมาก รีบใช้อุปกรณ์พกพาติดต่อป่ายฉีทันที แต่ว่าติดต่อไม่ได้เลย
ติดต่อไม่ได้ ทำได้แค่ต้องตามหาตัวคน
“นายไปทางนี้ ฉันจะไปหาทางนั้น”
เย้นหว่านรีบพูดออกมา แล้วก็วิ่งไปทางด้านซ้ายอย่างรีบเร่ง
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว รีบตามเธอไป “คุณคนเดียวอันตรายเกินไป ผมจะไปด้วยกันกับคุณ”
เย้นหว่านใจร้อนดั่งไฟ ไม่สนใจว่าเด็กหนุ่มพูดอะไร ตามหาคนไปทั่วทุกที่อย่างลนลาน
ทางที่พวกเขามาได้จัดการทุกคนระหว่างทางหมดแล้ว แต่ทางที่กำลังไปหาตอนนี้ กลับยังไม่เคยไป ที่นั่นมีการป้องกันอยู่มากมาย
แค่ไม่ระวังนิดเดียวก็จะถูกคนเจอเข้า และสู้กันขึ้นมา
แม้ว่าเย้นหว่านจะระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ก็ยังถูกพบเข้า
“จับพวกมัน!”
คนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเธอและเด็กหนุ่มอย่างดุร้าย
เย้นหว่านกอดแรบบิทแน่น หันกลับไปและวิ่งหนี หัวใจราวกับว่าตกลงไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็งเรียบร้อยแล้ว
หาป่ายฉีไม่เจอ ยังถูกคนตามฆ่าอีก
ครึ่งชั่วโมงใกล้จะถึงแล้ว แรบบิทดิ้นรนน้อยลงเรื่อยๆ ยิ่งเหมือนกับใกล้จะหมดลมหายใจ
เธอได้เดินเข้ามาในนรกแล้ว
ข้างหน้าเป็นฉากมืดมิดที่ทำให้คนขาดอากาศหายใจและสิ้นหวัง
“เย้นหว่าน คุณรีบหนีไป ผมจะขวางพวกมันไว้”
สายตาเห็นว่าไม่มีที่ให้หนีแล้ว เด็กหนุ่มตัดสินใจอย่างเด็ดขาด หยุดลง หยิบอาวุธออกมาตั้งใจจะเผชิญหน้ากับคนที่ไล่ตามมาโดยตรง
เย้นหว่านหยุดฝีเท้าลงพักหนึ่ง
มองท่าทางที่กล้าหาญไม่เกรงกลัวของเด็กหนุ่ม หัวใจราวกับถูกแทงด้วยเข็ม
วันนี้ที่เข้ามา ลิขิตให้จบลงด้วยการแลกมาด้วยเลือดเช่นนี้งั้นหรอ?
โห้หลีเฉินทิ้งไว้ข้างหลัง ตอนนี้เป็นหรือตายก็ไม่รู้ ป่ายฉีก็ไม่รู้หายไปไหน แรบบิทก็กำลังจะตาย แม้แต่เด็กหนุ่มก็รวมไปด้วย…
เธอสั่นไปทั้งตัวไม่หยุด ราวกับว่าหัวใจจะถูกความมืดกลืนกิน
ทำไม ถึงน่าเวทนาได้ถึงขั้นนี้?
เธอควรจะยอมรับยังไง?
เย้นหว่านรู้สึกสับสน สติคลุมเครือ เห็นอีกทางด้านหนึ่ง ชายชุดดำที่ดุร้ายกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งตามเข้ามา
ซ้ายขวาโดนล้อมรอบ เธอและเด็กหนุ่มหนีไม่พ้นสักคน
เย้นหว่านยืนตัวแข็ง กอดแรบบิท ทันใดนั้นก็รู้สึกหมดอาลัย และปล่อยวาง
เป็นแบบนี้ ก็ดีเหมือนกัน…
เธอก้มหน้าลงจูบหน้าผากของแรบบิท หลับตาลงอย่างหมดหวัง
“ขอโทษนะ แม่ไร้ความสามารถเกินไป”
ช่วยหนูไม่ได้
ช่วยเหลือใครไม่ได้เลย
ข้างหู เสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาดังขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ…
ขณะนั้น จู่ๆเสียงตะโกนที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“ปกป้องคุณนาย!”
เย้นหว่านลืมตาขึ้นทันที ก็เห็นเว่ยชีพาคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา กำลังต่อสู้อยู่กับคนที่ไล่ฆ่าเธอ
เว่ยชีรีบวิ่งไปตรงหน้าเย้นหว่าน “คุณนาย ขอโทษด้วย ผมมาช้า คุณไม่บาดเจ็บใช่มั้ย?”
ยังมีชีวิตรอด
เย้นหว่านมองเว่ยชีอย่างมึนงง อยากร้องไห้ขึ้นมากะทันหัน
แววตาเธอเป็นประกาย มีชีวิตชีวาขึ้นมา รีบถามอย่างร้อนรนว่า:
“คุณมาจากทางไหน? ระหว่างทางพบกับป่ายฉีบ้างมั้ย?”
เว่ยชีส่ายหน้า “เหล่าพี่น้องต่างฆ่าฟันเข้ามาจากแต่ละทางเข้า ตอนนี้ที่นี่วุ่นวายไปทั่วทุกที่ คุณคลาดกับป่ายฉีงั้นหรอ? คุณชายล่ะ?”
พวกพี่น้องทั้งหมดฆ่าทุกคนบุกเข้ามา นั่นก็หมายความว่า การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว ที่นี่ไม่ใช่แค่พวกเขาถูกคุมขัง และไม่ใช่แค่อาณาเขตขององค์กรมืดแห่งนี้
เย้นหว่านรีบบอกสถานการณ์ตอนนี้ทั้งหมดให้เว่ยชีฟัง
เว่ยชีตัดสินใจส่งคนไปช่วยสนับสนุนโห้หลีเฉินทันที และสั่งคนให้สังเกตร่องรอยของป่ายฉีด้วย ขอแค่พบตัวให้รีบบอกเขาทันที
“คุณนาย ที่นี่อันตรายเกินไป คุณออกไปกับผมก่อน หาคนเจอแล้ว ป่ายฉีและคุณชายจะต้องมารวมกับคุณแน่นอน”
เสียงเข่นฆ่ารอบด้านดังไม่หยุด ถึงแม้จะมีพวกเว่ยชีคอยคุ้มครอง ก็ยังเต็มไปด้วยอันตราย
เย้นหว่านรู้ว่าการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในเวลานี้คืออะไร
เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ภายใต้การคุ้มครองของเว่ยชี อุ้มแรบบิท พาเด็กหนุ่มเดินออกไปข้างนอก
สิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้ ก็คือทำให้มั่นใจว่าเธอและแรบบิทปลอดภัย อยู่ในที่ที่ปลอดภัยเพื่อรอป่ายฉีมา และรอโห้หลีเฉินกลับมา
สิ่งเดียวที่เธอทำได้ ก็มีแค่รอ
เป็นอย่างที่เว่ยชีพูด เย้นหว่านระหว่างทางกลับออกไป เห็นการต่อสู้เข่นฆ่ากันทุกหนทุกแห่ง โกลาหลวุ่นวาย
มีคนกลุ่มหนึ่งคุ้มครอง อีกทั้งมีเว่ยชีแจ้งล่วงหน้าเพื่อเปิดทาง เย้นหว่านถึงออกจากที่นี่ไปได้อย่างราบรื่น
เธอออกจากช่องทางเดินภายในขององค์กร ถูกส่งขึ้นมายังพื้นข้างบน
ข้างบนก็เป็นกองเพลิงขนาดใหญ่ สู้กันไม่จบสิ้น
เว่ยชีพาเย้นหว่านส่งขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์โดยตรง หมายถึงให้เธอไปก่อน
เย้นหว่านอึ้งไป เธอนึกว่าเธอแค่มารออยู่ด้านบนก่อน ไม่ใช่จะขึ้นเฮลิคอปเตอร์หนีไปจากที่นี่
ไปไกลแล้ว ป่ายฉีก็จะเสียเวลาตามหาเธอ เธอก็จะไม่เห็นโห้หลีเฉินออกมาเป็นอย่างแรก
เย้นหว่านไม่เต็มใจ “ฉันจะรอพวกเขาอยู่ที่นี่”
“ไม่ได้ ที่นี่อันตรายเกินไป ผมควบคุมมันไม่อยู่ ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของคุณได้”
เว่ยชีรีบร้อนจะส่งเย้นหว่านจากไป
เขาท่าทางรีบร้อนจนเย้นหว่านรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าตรงไหน ถึงอย่างไรคนขององค์กรที่อยู่รอบๆก็สังเกตเห็นเธอแล้ว ต่างตั้งใจโจมตีเข้ามา
เว่ยชีพูดขึ้นอีก: “คุณผู้หญิงตัวคนเดียว อุ้มเด็กหนึ่งคน ใครต่างก็รู้สถานะของคุณ ว่าเป็นบุคคลสำคัญ คุณยิ่งอยู่นานมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งหาวิธีมาจับตัวคุณ แค่เพียงคุณถูกจับ พวกเราก็หมดหนทางแล้วจริงๆ”
เย้นหว่านขมวดคิ้ว “แต่ว่า…”
เธอยังพูดไม่จบ ทันใดนั้นกระสุนปืนใหญ่ก็ถูกขว้างเข้ามา และระเบิดห่างจากเฮลิคอปเตอร์ไปสามเมตร
ทรายกระเด็นว่อน ฝุ่นตลบเต็มท้องฟ้า
เย้นหว่านแข็งทื่อไปทั้งตัว หน้าซีดราวกับกระดาษ
เว่ยชีเร่งอย่างรีบร้อน “คุณนาย คุณจะต้องออกจากที่นี่ตอนนี้ พวกเขาเห็นคุณเป็นเป้าหมายแล้ว”
หัวใจของเย้นหว่านจมลงราวกับตกลงไปยังก้นบึ้งของทะเลสาบ
เธอมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดพลาด แต่ว่าสถานการณ์ตรงหน้า กลับไม่เหลือทางเลือกใดให้แก่เธอเลย
“เว่ยชี”
เย้นหว่านจับมือเว่ยชีแน่น ใบหน้าขอร้อง “ต้องพาโห้หลีเฉินออกมาอย่างปลอดภัยให้ได้ ต้องรีบหาป่ายฉีให้เจอโดยเร็วที่สุด แรบบิทไม่มีเวลาแล้ว”
เว่ยชีพยักหน้า “ครับ คุณนาย ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
พูดจบ เขาก็ถอยหลังไป ปิดประตูเฮลิคอปเตอร์ และออกคำสั่งกับคนอื่นๆบนเครื่องบิน
“บินขึ้นทันที พาคุณนายไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย พวกนายจะต้องปกป้องความปลอดภัยของคุณนายและคุณหนู แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของพวกนายก็ตาม”
“ครับ!”
เหล่าผู้ชายบนเครื่องบิน รับปากกันอย่างพร้อมเพรียง