สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1218 ยังมีชีวิตอยู่
เฮลิคอปเตอร์บินขึ้น
ทุกอย่างบนพื้นดินอยู่ใต้เท้าของเย้นหว่าน เล็กลงเรื่อยๆ
เธอกอดแรบบิทบนตักของเธอ ความรู้สึกกลับหนักราวกับถูกหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งกดทับ ความรู้สึกไม่สบายใจราวกับความมืดปกคลุมทั่วหัวของเธอ
เด็กหนุ่มเห็นสีหน้าเธอไม่ดี จึงปลอบโยน “คุณโห้และป่ายฉีล้วนเป็นคนที่เก่งกาจทั้งคู่ พวกเขาจะต้องโชคดีอย่างแน่นอน”
แน่นอน
เย้นหว่านก็บอกตัวเองในใจแบบนี้เหมือนกัน
เพียงแต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งกระวนกระวาย ราวกับหัวใจจะเต้นออกมานอกลำคอได้ทุกเมื่อ
ความรู้สึกแบบนี้ แทบจะทำให้เธอเป็นบ้า
“ฮือๆๆ…แม่…”
แรบบิทที่ใกล้จะหมดลมหายใจก็ร้องไห้ส่งเสียงออกมา
มือเล็กๆของเธอจับเย้นหว่านอย่างตัวสั่น ภายในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยแดงๆ มองดูเย้นหว่านอย่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“แม่ หนูทรมาน…เหมือนกำลังจะตายแล้ว…”
เย้นหว่านตัวแข็งทื่อทันที เพียงรู้สึกถึงความเย็นจากฝ่าเท้าขึ้นมายังขมับ
เธอจับมือเล็กๆของเธอกลับ ปลอบโยนด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “อย่าพูดเหลวไหล หนูจะต้องไม่เป็นไร หนูจะต้องไม่ตาย”
แต่ว่าแรบบิทกลับไม่ดิ้นอีกต่อไป ร่างเล็กๆอ่อนแรง
เธอสายตาชัดเจน “แม่ อย่าร้องไห้…”
เธอเอื้อมมือน้อยๆของเธออยากจะเช็ดน้ำตาให้เย้นหว่าน แต่ว่าท่ายกมือขึ้นนี้ ทำได้ยากผิดปกติ
เย้นหว่านปวดใจราวกับจะแตกสลาย
เธอรีบคว้ามือเล็กๆของเธอมาวางบนใบหน้าของตัวเอง “แม่ไม่ได้ร้องไห้ แรบบิทก็ต้องเข้มแข็งตกลงมั้ย? หนูจะต้องทนผ่านมันไปให้ได้โอเคมั้ยจ๊ะ? พี่ชายยังรอหนูอยู่ที่บ้านนะ”
“พี่ชาย…”
เมื่อพูดถึงสองคำนี้ ดวงตาของแรบบิทก็เป็นประกายขึ้นมา แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น แล้วก็ริบหรี่ลงไปอย่างควบคุมไม่ได้
เธอฉีกยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก “แรบบิทคิดถึงพี่ชาย แรบบิทอยากเล่นกับพี่ชาย…”
ขณะที่เธอพูด เลือดก็ไหลออกมาจากในปากของเธอไม่หยุด
เย้นหว่านตกใจมาก ดวงตาเกือบจะทะลักออกมา
เธอรีบเช็ดเลือดที่มุมปากของเธออย่างตื่นตระหนก น้ำเสียงของเธอสั่นเทา “แรบบิท หนูอดทนไว้นะ หนูเป็นคนที่กล้าหาญที่สุด หนูจะต้องอดทนกลับบ้านไปหาพี่ชายนะ”
“หนูคิดถึง…พี่ชาย…”
แรบบิทพูดตะกุกตะกัก แต่เลือดในปากยังคงไหลออกมาไม่หยุด แม้แต่เสียงของเธอก็คลุมเครือไปหมด
สายตาของเธอเลือนลอยมากขึ้นเรื่อยๆ มือเล็กๆที่ยกขึ้น ในตอนที่คำสุดท้ายพูดจบลง ก็หมดแรง
ทั้งตัวของเธอ อ่อนไปหมด
เย้นหว่านแทบจะกอดเธอไม่อยู่ ทำให้เธอเลื่อนลงไปเล็กน้อย
เธอได้สติกลับมา ทั้งร่างก็สั่นสะท้าน
มองดูแรบบิทที่หลับตา เวลานั้น น้ำตาก็หยุดไหล การหายใจก็หยุดลง ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ หยุดลงในขณะนี้
แรบบิท แรบบิทเขา…
“บึ้ม!”
ขณะนั้น เสียงดังกึกก้องก็ดังขึ้นมาจากด้านล่าง
เย้นหว่านหันไปมองโดยจิตสำนึก ก็เห็นว่า ฐานทัพระเบิด ไฟลุกโชนรุนแรง พื้นที่ทั้งหมดของฐานทัพถล่มลงมาเสียงดังก้อง…
เธอเบิกตากว้าง แม้แต่เสียงก็เปล่งไม่ออก
ฉากนี้ เป็นของปลอมใช่มั้ย?
เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้าขาวซีด “พระเจ้า ฐานทัพองค์กรถูกระเบิด คนข้างในนั้นคงจะไม่…”
เขาพูดไม่จบ แต่ความหมายนี้ ไม่พูดก็รู้
“พรูด!”
เลือดคำหนึ่ง กระอักออกมาอย่างกะทันหัน เย้นหว่านด้านหน้าดำมืด สลบลงไป
……
ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เย้นหว่านจ้องไปที่เพดานนิ่งๆ สีหน้ามึนงง เป็นเวลานานก็ไม่ตอบสนอง
เหมือนเธอจะฝันร้าย
ในความฝัน แรบบิทตายแล้ว โห้หลีเฉินก็ตายแล้ว
โชคดีที่มันเป็นแค่ความฝัน ก็แค่ความฝัน!
เย้นหว่านคิดอย่างนั้น แล้วก็ลุกจากเตียงขึ้นมานั่ง ทันทีที่ขยับ ก็รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว ราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างไรอย่างนั้น
ในเวลาเดียวกัน กงจืออวีเดินเข้ามาจากนอกประตูอย่างรีบร้อน
“เสี่ยวหว่าน ลูกฟื้นแล้ว? ในที่สุดลูกก็ฟื้น แม่ร้อนใจแทบแย่”
กงจืออวีน้ำตาคลอเดินมาที่ข้างเตียง กอดเย้นหว่านอย่างดีใจ
เย้นหว่านปล่อยให้เธอกอดนิ่งๆ ผ่านไปสักพัก ถึงจะถามเสียงแหบแห้งว่า:
“หนูเป็นอะไรงั้นหรอคะ? หนูก็แค่นอนหลับไปก็เท่านั้นเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กงจืออวีก็แข็งทื่อไปทั้งตัว แววตาของเธอสั่นไหว มองเย้นหว่านอย่างไม่สบายใจอย่างมาก
“เสี่ยวหว่าน ลูกอย่าทำแม่ตกใจสิ ลูกจำไม่ได้แล้วหรอ?”
“จำอะไรคะ?”
เย้นหว่านซักถาม
กงจืออวีสีหน้าซีดขึ้นไปอีก เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะพูดอย่างตะกุกตะกัก แต่ยังไม่ทันจะได้พูด เย้นหว่านก็หัวเราะขัดจังหวะเธอ
“หลับครั้งนี้ยาวนานไปหน่อย รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยเลย หนูอยากออกไปเดินเล่นสักหน่อย จริงสิ โห้หลีเฉินยุ่งอยู่ในห้องหนังสือหรือเปล่าคะ? หนูอยากจะไปหาเขา”
กงจืออวีน้ำตาคลอในพริบตา
เธอลูบผมของเย้นหว่าน ร้องสะอึกสะอื้น “เสี่ยวหว่าน แม่รู้ว่าลูกได้รับกระทบกระเทือนจากการโจมตีครั้งนี้ ยอมรับมันไม่ได้ ลูกอย่าเป็นแบบนี้เลยนะ ถ้าลูกรู้สึกแย่ก็ร้องไห้ออกมาได้”
“สบายดีทำไมหนูจะต้องร้องไห้ด้วยล่ะ? หนูไม่ร้องไห้หรอก” เย้นหว่านส่ายหน้า ยิ้มสุดแรง ดึงผ้าห่มออกจะลุกลงจากเตียง “หนูจะไปหาโห้หลีเฉิน หนูไม่ชอบเวลาตื่นขึ้นมาแล้วเขาไม่อยู่ข้างๆ หนูจะไปด่าเขาสักรอบ”
กงจืออวีดึงเธอไว้ด้วยมือที่สั่นเทา น้ำตาหยดลงมาจากริมขอบตาอย่างกลั้นไม่อยู่
“เสี่ยวหว่าน แม่รู้ว่าลูกจำได้ ลูกอย่าเป็นแบบนี้เลย แม้ว่าฐานทัพที่ทะเลทรายจะระเบิดแล้ว แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าจะต้องตาย โห้หลีเฉินมีฝีมือร้ายกาจ เขาจะต้องหาวิธีหนีออกมาได้อย่างแน่นอน ลูกอย่าหลอกตัวเองแบบนี้เลย ลูกต้องเข้มแข็ง ลูกต้องรอเขากลับมา”
ฐานทัพ
ระเบิด
รอเขา…
ความมึนงงในตัวเองทั้งหมดของเย้นหว่าน ล้วนถูกคำพูดของกงจืออวี ทำลายไปหมดสิ้น
ทุกอย่างที่น่ากลัวและน่าเศร้า ล้วนไม่ใช่ฝันร้าย เป็นความจริง
แรบบิทตายแล้ว
โห้หลีเฉินถูกฝังในทะเลทราย
น้ำตาคลอบดบังสายตาทันที ใจเจ็บปวดราวกับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แต่เย้นหว่านกลับร้องไห้ไม่มีเสียง เหมือนกับตุ๊กตาที่ร้องไห้ได้
และร่างกายของเธอ ระงับไว้พร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา
“พี่ชายของลูกออกเดินทางไปตามหาคนที่ทะเลทรายด้วยตัวเองแล้ว จะต้องพาโห้หลีเฉินกลับมาได้แน่นอน ลูกต้องมีความเชื่อมั่น อย่าหมดหวัง แรบบิทก็ยังไม่ตายเหมือนกัน เธอยังสบายดีอยู่”
เย้นหว่านตกใจอย่างหนัก มองกงจืออวีด้วยความช็อค
“แม่ว่ายังไงนะ? แรบบิทไม่ตาย? เธอยังมีชีวิตอยู่?”
นี่อาจเป็นคนที่เดินอยู่ในขุมนรกสิบแปดชั้น ได้รับการไถ่ถอนอย่างกะทันหัน
เย้นหว่านไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนร่างกายเลยแม้แต่น้อย รีบมุ่งไปหาแรบบิทอย่างรีบร้อน
ฉากที่แรบบิทหลับตาลงนั้น ชัดเจนอยู่ในหัวสมองของเธออย่างมาก ยากที่จะลืม เธอไม่กล้าคิดเลยว่า แรบบิทจะยังมีชีวิตอยู่
กระทั่ง เธอเห็นร่างเล็กๆของเธอนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ยังมีชีวิตอยู่ เธอถึงจะเชื่อจริงๆ
เธอไม่ตาย
ยังมีชีวิตอยู่
“อุบ…”
เย้นหว่านปิดปาก ร้องไห้ออกมาทันที
เธอร้องไห้อย่างเจ็บปวด ควบคุมความกลัวและความหวาดกลัวทั้งหมดในใจไม่ได้อีกต่อไป แล้วก็ขอบคุณ
ขอบคุณ ที่แรบบิทยังมีชีวิตอยู่
ขอบคุณ ที่เธอยังอยู่
เธอคุกเข่าลงบนพื้นร้องไห้อย่างขมขื่นเป็นเวลานาน เหมือนจะร้องไห้จนน้ำตาแห้งแล้ว ถึงจะสะอึกสะอื้นและหยุดร้อง
เพียงแต่ว่า เธอร้องไห้นานขนาดนี้ แรบบิทที่ใส่ใจผู้อื่นมาเสมอ ก็ไม่ตอบสนองหรือปลอบเธอเลยแม้แต่น้อย