สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1223 ทะนุถนอมอิสตรี
หญิงสาวจ้องไปยังป่ายฉีอย่างเย็นชาและดื้อรั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเจตนาฆ่า
คนตรงหน้านี้ นอกจากจะเป็นครูผู้ฝึกแล้ว เธอแล้วยังเป็นคนที่อยากฆ่าที่สุดด้วย
เธอไม่สนใจอาการบาดเจ็บและแผลเน่าเปื่อยทั่วตัวเลยแม้แต่น้อย เธอเดินด้วยความยากลำบากและมุ่งไปหาเขาอย่างแน่วแน่
ในมือของเธอถือกริช กำลังจะปลิดชีพเขาด้วยท่าทีโหดเหี้ยม
ท่าทางดุร้าย
จิตสังหารแผ่ซ่านออกมา
เพราะการปรากฏตัวของเธอ แม้แต่อุณหภูมิรอบ ๆ ก็แทบจะลดลงหลายองศาจนเย็นยะเยือกตามไปด้วย
ป่ายฉีเตรียมรับมืออย่างเต็มที่ มาถึงทางตันแล้ว ไม่ใช่เธอตาย ก็เขาที่สิ้นชีพ
ชั่วพริบตาที่หญิงสาวโจมตี ป่ายฉีก็กระโจนไปเข้าไปเช่นกัน ทั้งสองประมือกัน….
เสียง “เคร้ง” ดังขึ้น กริชในมือของหญิงสาวหล่นลงกับพื้น เธอยืนโซเซ มุมปากซึมเลือด ร่างกายโงนเงน
การต่อสู้เมื่อครู่นี้ การตอบสนองของเธอช้ามาก เรียกได้ว่าถูกป่ายฉีเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว
อาวุธตกไปแล้ว ก็ยังกำหมัด
ด้วยพละกำลังมหาศาลและศักดิ์ศรีที่ดื้อรั้นของเธอ ถึงได้อดทนยืนอยู่โดยไม่ล้มลงได้
ป่ายฉียืนห่างออกไปสองเมตร สีหน้าเอาจริงเอาจังเปลี่ยนเป็นสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นในวินาทีถัดมา
มุมปากของเขายกสูง คิ้วเลิกโค้ง ลำพองอย่างเต็มที่
“เธอสู้ฉันไม่ได้แล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ!”
เสียงหัวเราะอวดดีน่ารำคาญดังอยู่เต็มรูหู ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด สีหน้าย่ำแย่อย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ว่าสภาพร่างกายของตัวเองในตอนนี้กำลังแย่จนเกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว แต่เธอกลับไม่คาดคิดว่ามันแตกต่างกับป่ายฉีมากขนาดนี้!
เธอสู้เขาไม่ได้แล้วงั้นเหรอ?
ไม่! ไม่!
ถึงเธอตายก็ต้องลากเขาลงนรกไปด้วย เธอจะต้องฆ่าไอ้สารเลวนี่ให้ได้
“ฉัน จะ ฆ่า นาย!”
ดวงตาของหญิงสาวแดงก่ำ เธอกัดฟันแล้วพุ่งเข้าโจมตีป่ายฉีอย่างสุดชีวิต
ดังคำกล่าวที่ว่าอูฐที่ผอมตายก็ยังใหญ่กว่าม้า มนุษย์พันธุ์แกร่งที่บาดเจ็บก็ยังอันตรายยิ่ง
ป่ายฉีใช้ความเร็วที่ค่อนข้างสบาย ๆ ยิ่งขึ้นหลบหลีกการโจมตีของหญิงสาวได้อย่างเฉียบขาด
เขาพูดพลางยิ้มยียวน
“สาวน้อย รู้แพ้ชนะกันแล้ว เธอจะดึงดันไปทำไมกันล่ะ? เธอฆ่าฉันไม่ได้ แต่ฉันฆ่าเธอได้อย่างง่ายดาย แต่เธอโชคดีนะ ที่ได้เจอกับฉันที่หล่อเหลาใจดีขนาดนี้ มีแค่เราสองคนอยู่ในสถานที่ที่ขนาดนกก็ยังไม่เข้ามาขี้นี่ ฉันยังไม่ค่อยอยากจะรีบฆ่าเธออีก”
“ถ้าเธอก็จะไม่ฆ่าฉัน งั้นเรามาจับมือเป็นพันธมิตรกันชั่วคราวไหม?”
หญิงสาวทำหูทวนลมกับคำแนะนำของป่ายฉี เมื่อไม่มีกริชแล้ว เธอก็ซัดกำปั้นใส่เขาอย่างดุร้าย
ป่ายฉี “เฮ้อ เธอจะต้องฆ่าฉันไปให้ได้ทำไมกัน? สถานที่บ้า ๆ นี้ ไม่มีอาหารไม่มีน้ำ หรือว่า เธอจะฆ่าฉันแล้วกินเนื้อฉันประทังความหิวงั้นเหรอ?”
หมัดของหญิงสาวต่อยวืดอีกครั้ง ร่างกายซวนเซไปเล็กน้อยก่อนจะฝืนยืนอย่างมั่นคง
เธอจ้องป่ายฉีอย่างจริงจังแล้วด่าทออย่างเหลือทน
“น่าขยะแขยง! นายต่างหากล่ะที่จะกินเนื้อคนลง”
เมื่อเห็นเธอยอมพูดแล้ว แววตาของป่ายฉีก็ฉายแววหยอกล้อแล้วพูดขึ้นอีก “ในเมื่อเธอไม่คิดจะกินเนื้อฉัน งั้นหลังจากที่ฆ่าฉันแล้วเธอจะตายไปด้วยกันกับฉันที่นี่งั้นเหรอ? จิ๊ ๆ นี่เธอรักฉันแต่แรกพบไปแล้ว แล้วอยากจะตายร่วมโลงกับฉันงั้นเหรอ?”
“ฉันฆ่านายแล้ว ค่อยออกไป” หญิงสาวพูดลอดไรฟันออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ใบหน้าซีดขาวนั้นก็ยังไม่อาจปกปิดความเกลียดชังต่อคำว่าตายร่วมโลงได้ที่ว่า
ใครมันจะไปอยากตายลงหลุมเดียวกันกับผู้ชายไร้ยางอายน่ารังเกียจนี่กัน
ป่ายฉีเลิกคิ้ว ชี้ไปที่หน้าผาข้างหลังที่ทั้งสูงทั้งชัน “ฉันเพิ่งจะลองมาแล้ว ผานี่ปีนขึ้นไปไม่ได้ ถ้าเธอฆ่าฉัน ก็ยังต้องตายอยู่ที่นี่ด้วยความอ่อนเพลีย”
ในสายตาเย็นชาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความหยามเหยียด
“ฉันออกไปได้”
เธอออกไปได้?
แววตาของป่ายฉีเป็นประกาย “เธอจะออกไปยังไง? มีวิธีงั้นเหรอ?”
หญิงสาวกำหมัดแน่นอีกครั้ง เธอพูดอย่างช้า ๆ ด้วยเจตนาฆ่าเต็มเปี่ยม
“ไม่เกี่ยวกับนาย นายจะต้องตายอยู่ที่นี่”
เธอพุ่งเข้าโจมตีป่ายฉีอีกครั้งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
ป่ายฉีหลบการโจมตีของเธออย่างสบาย ๆ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเหมือนก่อนหน้านี้ ดวงตากลอกไปมาบนร่างของหญิงสาว
กราดโจมตีไปมา
ทางไกลขนาดนี้ เธอไม่มีทางเดินกลับองค์กรได้แน่ นอกจากนี้ข้างหน้ากระเบิดไปแล้ว ไม่มีทางไปได้เช่นกัน
แต่เธอพูดว่าออกไปได้ ถ้าอย่างนั้นเธอจะต้องหมายถึงปีนขึ้นไปจากตรงนี้แน่นอน
ป่ายฉีสงสัยกับการอนุมานนี้อย่างมาก บนตัวของเธอซ่อนเครื่องมือที่สามารถใช้ปีนเอาไว้ แม้ชุดรัดรูปที่เธอสวมจะยังมองอะไรไม่ออกก็ตาม
แต่ถึงผู้หญิงคนนี้จะเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง แต่กลับเกลียดการพูดโกหก
“สาวน้อย พวกเราถอยกันคนละก้าวเป็นไง? เธอบอกวิธีการให้ฉัน ฉันจะไม่ฆ่าเธอ”
การเคลื่อนไหวของป่ายฉีเร็วขึ้นเล็กน้อย และก้าวนำหญิงสาวไปก่อนหนึ่งก้าวทุกครั้ง ทำให้การโจมตีของเธอล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ถึงยังไงทั้งสองคนก็ไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน ทั้งยังเต็มไปด้วยบาดแผล การเคลื่อนไหวไปมาแบบนี้นั้นทำให้เหนื่อยล้าอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวแทบจะต่อยไม่ไหวอยู่แล้ว
แต่ในสายตาของเธอกลับมีแค่ว่าจะฆ่าป่ายฉีอย่างไร คำพูดอื่นและความคิดที่จะเอ่ยปากนั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อย
ป่ายฉีหมดทางจะไต่ถาม ดวงตาของเขาหรี่ลงราวกับได้ตัดสินใจอะไรอย่างเด็ดเดี่ยวแล้ว
“เธอบังคับฉันเองนะ!”
ทันใดนั้นเขาก็เลิกหลบหลีกแล้วโจมตีอย่างดุเดือด
หญิงสาวที่อ่อนแรงจนถึงขีดจำกัดไปแล้วนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา การโจมตีทั้งเร็วและแรง หญิงสาวที่ไม่อาจทางตอบสนองได้ไหวก็ถูกโจมตีจนล้มลงกับพื้นเสียงดัง “ตึง” ในทันที
ชั่วขณะที่ล้มลง เธอก็กระอักเลือดออกมา สีหน้าซีดขาวราวกับใบหน้าของคนตาย
เธอยังมีความรู้สึกอยู่ลาง ๆ และพยายามจะดิ้นรนลุกขึ้น แต่เมื่อล้มลงสักครั้ง ก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นได้อีกต่อไป
เธอพยายามอยู่หลายครั้ง แต่ก็นอนราบลงกับพื้นด้วยความพ่ายแพ้
ไม่มีกำลังการต่อต้านอีกต่อไป
ป่ายฉีนั่งยอง ๆ ข้างตัวเธอ แววตาเย็นยะเยือก “บอกมาเถอะ เธอมีวิธีอะไรที่จะปีนขึ้นไป? บอกมาแล้วฉันก็จะไม่ฆ่าเธอ”
“อยากฆ่าก็ฆ่า ฉันจะไม่ส่งเสียงอะไรทั้งนั้น”
หญิงสาวกัดฟันอย่างเย็นชา ไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเธอที่จ้องเขม็งป่ายฉี ยังคงเต็มไปด้วยจิตสังหาร
เธอยังไม่ยอม
ด้วยฝีมืออันแข็งแกร่งของเธอ ตั้งแต่ทำภารกิจมา เธอก็ไม่เคยเจอคู่ปรับหรือพ่ายแพ้มาก่อนเลย นี่คือครั้งเดียวเท่านั้น
ที่เธอพลาดท่าพ่ายแพ้ให้กับคนอื่น
ความรู้สึกนี้มันทำให้เธอรู้สึกแย่ยิ่งกว่าความตายเสียอีก และการพ่ายแพ้นั้น ในโลกของเธอก็คือความตาย
ผู้แพ้ ก็สมควรตาย
ป่ายฉีถอนหายใจ “ดื้อดึงซะจริง”
พูดจบเขาก็ชูมือขึ้น
นิ้วมือสัมผัสที่เอวของหญิงสาว เสียง “คลิก” “คลิก” ดังขึ้น เขาปลดกระดุมที่เอวของหญิงสาวออก
แล้วดึงมันออกอย่างคล่องแคล่ว ก่อนเลิกชุดรัดรูปของหญิงสาวออกเป็นวงกว้าง
ลมเย็นพัดเข้าไปในเสื้อผ้าของเธอ หญิงสาวตะลึงงันในทันที
ใบหน้าที่ซีดขาวเจือสีแดงเรื่อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอตวาดอย่างขุ่นเคือง “ไอ้บ้า! ฉันจะฆ่าแก!”
เธอใช้กำลังทั้งหมดพยายามลุกขึ้นและโจมตีป่ายฉี แต่ป่ายฉีกลับยื่นมือมากดไหล่ของเธอเอาไว้แล้วตรึงเธอไว้อย่างสบาย ๆ ทำให้เธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ป่ายฉีโน้มตัวลง ทันใดนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าของหญิงสาว
เขายกมุมปากขึ้นอย่างหยอกเย้าและมีเจตนาร้ายกาจ “ฉันคนนี้ ทะนุถนอมอิสตรีเป็นที่สุด และยิ่งชอบสาวงามเสียด้วย ในเมื่อเธออยากจะลากฉันมาตายร่วมโลงอยู่กับเธอที่นี่ งั้นฉันเองก็จะให้ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ได้ ยังไงฉันก็ต้องตายใต้กลีบโบตั๋น เป็นผีที่สง่างาม”