สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1236 ระเบิดแล้ว
ทางเข้าขุมทรัพย์มีช่องระบายอากาศ หยูฉู่สองเองก็ได้คิดเตรียมการมาก่อนแล้ว
ตำแหน่งทางเข้านั้น เขาก็ส่งคนมาเฝ้า แต่ก็ถูกเย้นเมิ่งจัดการอย่างเงียบๆ
ไม่เพียงเท่านี้ ช่องระบายอากาศนั้นค่อนข้างแคบ คนที่ร่างสูงหรือร่างใหญ่หน่อยจะไม่สามารถเข้าไปได้ เฉกเช่น กลุ่มเย้นเมิ่ง
ถังจุ้ยอายุเพียงสิบกว่าปี แม้ว่าเขาจะตัวสูง แต่โครงร่างก็ยังเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งรูปร่างยังผอมบาง จนสามารถเบียดตัวเข้าไปด้านในได้
ดังนั้น การตกลงครั้งล่าสุดคือให้กลุ่มเย้นเมิ่งเฝ้าระวังและคอยดูต้นทาง ส่วนเย้นหว่านกับถังจุ้ยจะเข้าไปติดตั้งชนวนระเบิด
เดิมที เส้นทางด้านในช่องระบายอากาศนั้นค่อนข้างซับซ้อน เย้นหว่านทำได้เพียงคาดเดาและตัดสินจากเส้นทางเส้นนั้น เธอจำเป็นต้องนำทางอยู่ด้านหน้า ทว่าถังจุ้ยกลับยืนยันที่จะอยู่ด้านหน้าเธอ
เพื่อป้องกันอันตราย
ณ ตอนนี้ ทำได้เพียงให้เย้นหว่านเป็นคนสำรวจเส้นทาง ถังจุ้ยต้องรอให้เธอเป็นคนตัดสินใจเป็นครั้งคราว จากนั้นก็ต้องถอยกลับมาตั้งหลักใหม่ จึงทำให้เสียเวลาไปไม่ใช่น้อย
โชคดีที่ถังจุ้ยอยู่ด้านหน้า กลไกการตั้งค่าของช่องระบายอากาศก็ถูกจัดการโดยเขาเอง
แม้ว่าจะดำเนินการกันอย่างเชื่องช้า แต่ก็มั่นคง
หลังจากที่คลานกันมานาน ในที่สุดทั้งสองก็ใกล้ถึงที่หมาย
เธอมองตาข่ายเหล็กผ่านช่องระบายอากาศ เธอเห็นรางทางเดินจากด้านล่าง
น่าจะเป็นตำแหน่งตรงนี้
“ตรงไปอีกหน่อยก็น่าจะเป็นขุมทรัพย์แล้วล่ะ”
พวกเขาต้องติดตั้งชนวนระเบิดให้ใกล้กับประตูขุมทรัพย์ให้ได้มากที่สุด แบบนี้ถึงจะดึงดูดความสนใจจากหยูฉู่สองได้
ถังจุ้ยหยุดกะทันหันและหันไปมองเย้นหว่าน
เขาถามเธอด้วยเสียงอันทุ้มต่ำ : “คุณมีแผนอะไรอีกไหม?”
ขอเพียงแค่ติดตั้งชนวนระเบิดไว้ที่ด้านบนของทางเดิน และปล่อยให้ทางเดินถล่มลงมา ก็เรียกว่าสำเร็จตามแผนการที่วางไว้แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องคลานเข้ามาเพื่อเสี่ยงอันตรายและระยะทางที่ไกล และได้อยู่ใกล้กับขุมทรัพย์มากที่สุดแบบนี้
ผลลัพธ์สุดท้ายก็เหมือนกัน
สีหน้าของเย้นหว่านเคลื่อนไหวเล็กน้อย เธอมองไปยังดวงตาที่พินิจพิเคราะห์และเฉียบแหลมของเด็กหนุ่ม หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็พูดออกมา
“ฉันอยากล่อให้หยูฉู่สองออกมา”
ถังจุ้ยเข้าใจในทันที “คุณอยากให้ตอนที่หยูฉู่สองมา จากนั้นเราก็ระเบิดอีกครั้งเพื่อสร้างความโกลาหล จากนั้นก็ฉวยโอกาสฆ่าเขา?”
การระเบิดขุมทรัพย์จะทำให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อตระกูลหยู แต่หากลอบฆ่าหยูฉู่สอง ตระกูลหยูก็จะกลายเป็นกลุ่มที่ไร้ผู้นำ และนั่นก็จะเป็นการทำลายตระกูลหยูได้อย่างแท้จริง
เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม
เพียงแต่การทำแบบนี้ มันเสี่ยงเกินไป
“คุณไม่ได้บอกกลุ่มเย้นเมิ่งมาก่อน คุณคิดที่จะทำเรื่องนี้อย่างเงียบๆงั้นเหรอ?”
เย้นหว่านเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่มีทางเลือก
ถังจุ้ยพูดต่อ : คุณวางแผนจะเดินไปสู่ความตายพร้อมกับหยูฉู่สอง และไม่ให้ตัวเองมีทางรอดกลับมาเลยเหรอครับ”
“นี่เป็นวิธีสุดท้าย”
เย้นหว่านพูดอย่างนิ่งเฉย ราวกับว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นง่ายเหมือนพูดคุยเรื่องสภาพอากาศทั่วไป
แต่เธอกำลังพูดถึงความเป็นความตายของเธอเอง
ถังจุ้ยจ้องมองเย้นหว่านเป็นเวลานาน สีหน้าเขายิ่งดูยิ่งซับซ้อน
เย้นหว่านยิ้ม “ไม่ใช่ว่านายคบหากับฉันมานาน แล้วรู้สึกดีๆกับฉัน เลยอยากจะห้ามฉันใช่ไหม? นี่คือการเสียสละส่วนตนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของส่วนรวม เมื่อก่อนตอนที่นายช่วยเด็ก นายก็ทำแบบนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติในมุมมองของนาย”
แววตาของถังจุ้ยดูหนักแน่น “ผมไม่ห้ามคุณหรอก เพราะนี่คือการสละชีพเพื่อผลประโยชน์ที่สูงสุด”
ก้อนหินที่กดทับอยู่ในใจของเย้นหว่านก็ร่วงหล่นลงมา
เรื่องที่ถังจุ้ยสงสัยก่อนหน้านี้ เธอก็บอกเขาไปอย่างไม่หวาดหวั่น เพราะเธอรู้ดีว่า เขาจะต้องสนับสนุนเธอ
ในโลกของเขาก็เป็นแบบนี้ เสียสละเพื่อส่วนตนและส่วนรวม และการเสียสละส่วนตนนั้นก็คือการสละชีพ
นี่เป็นเรื่องธรรมดา
“ผมจะทำเรื่องนี้กับคุณ”
หลังจากนั้นไม่นาน ถังจุ้ยก็เอ่ยปาก
เย้นหว่านแปลกใจเล็กน้อยและปฏิเสธเขาไป “ไม่จำเป็น ฉันไปคนเดียวก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีคนตายเพิ่มอีกหนึ่งคน”
“เพิ่มมาหนึ่งคน บทสรุปอาจจะไม่เหมือนกัน และอาจจะไม่ตาย”
สายตาของถังจุ้ยเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ถึงตอนนั้นเราฆ่าหยูฉู่สองแล้ว จากนั้นพวกเราก็ร่วมด้วยช่วยกันทำแผนนี้ให้สำเร็จ ไม่แน่พวกเราอาจจะรอดออกมา”
เย้นหว่านลังเลเล็กน้อย
หากมีหนทางที่จะเอาตัวรอดได้ ก็ไม่มีใครอยากจบชีวิตตัวเอง
เธอยังอยากจะใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการ และยังมีคนที่เธออยากจะเจอ……
“นายมีแผนแล้วเหรอ?” เธอถาม
ถังจุ้ยพยักหน้า “มีแผนนิดหน่อย จะลองดูก็ไม่เสียหาย”
ทั้งสองจึงตกลงกันเรื่องแผน
พวกเขาคลานกันต่อไป ในที่สุดก็คลานไปถึงตำแหน่งที่ใกล้กับประตูขุมทรัพย์
เดิมที่ ตอนที่โห้หลีเฉินไม่อยู่ ขุมทรัพย์ก็ไม่สามารถใช้งานได้อีก ทว่า ไม่รู้ว่าหยูฉู่สองใช้วิธีอะไร เพราะตอนนี้ประตูขุมทรัพย์ถูกเปิดออกแล้ว
แต่เวลาค่อนข้างตึงเครียด ผู้คนเดินเข้าออกกันขวักไขว่ เพราะต้องแข่งกับเวลา
เย้นหว่านมองดูบรรยากาศนี้ผ่านช่องระบายอากาศอย่างเงียบๆ เธอรู้สึกดีมาก
“สวรรค์ทรงโปรดจริงๆ”
ประตูขุมทรัพย์ที่เปิดออกแล้วนั้น ทำให้เธอสามารถอุดชนวนระเบิดตรงทางเข้าขุมทรัพย์ได้พอดี
ยิ่งถ้าประตูขุมทรัพย์ปิดไม่ได้ ในตอนที่ต้องรีบซ่อมแซมนั้น สิ่งของที่อยู่ด้านในขุมทรัพย์ก็มีโอกาสที่จะโดนขโมยและรั่วไหลออกมา
ตระกูลหยูก็จะยิ่งวุ่นวาย
หยูฉู่สองจะต้องมาที่นี่
ทั้งสองสบตากันก็เข้าใจความหมายที่คนตรงข้ามต้องการจะสื่อ
พวกเขารีบเร่งเวลา จากนั้นค่อยๆวางชนวนระเบิดไว้ตำแหน่งที่ใกล้กับประตูขุมทรัพย์ โดยติดตั้งระเบิดด้วยปริมาณที่มากพอที่จะทำให้พื้นที่ขนาดใหญ่นั้นถล่มลงมาได้ เพื่ออุดประตูขุมทรัพย์นั้นไว้
ถังจุ้ยติดตั้งระเบิดที่เขารับผิดชอบเสร็จแล้ว จึงพูดคุยกับเย้นหว่าน
“มีข่าวร้าย”
“อะไร?” เย้นหว่านกังวลเล็กน้อย
“เมื่อกี้ผมได้ยินพวกเขาคุยกันว่า ประตูขุมทรัพย์จะใช้เวลาเปิดนานที่สุดสิบนาที ดังนั้น พวกเราจะต้องจุดชนวนระเบิดก่อนเวลาสิบนาทีนี้ และสิบนาทีนี้ พวกเราอาจจะคลานออกไปไม่ทัน”
เมื่อถึงเวลาที่ระเบิดทำงาน ภูเขาจะถล่ม พื้นดินจะแยก ทุกหนทุกแห่งมีแนวโน้มที่จะถล่มลงมา หากพวกเขายังอยู่ในช่องระบายอากาศนั้น จะเสี่ยงอันตรายมาก และอาจจะถูกฝังทั้งเป็น
ณ เวลานี้ เป็นข่าวที่ร้ายแรงที่สุด
ถังจุ้ยพูดต่อ : “ผมยังไงก็ได้ แล้วแต่คุณจะตัดสินใจ”
หากครั้งนี้โชคไม่ดี พวกเขาก็จะถูกฝังตายอยู่ตรงนี้ และแผนการที่เหลือก็จะสูญเปล่า
จบชีวิตแบบไม่คุ้มค่า
แต่หากไม่ใช้เวลานี้มาจุดชนวนระเบิด ก็จะเป็นการยากในการเปิดประตูขุมทรัพย์ และโอกาสดีๆแบบนี้ก็จะหลุดหายไปเช่นกัน
เย้นหว่านไม่อยากยอมแพ้
เธอมองไปที่ถังจุ้ยด้วยสายตาที่เข้าใจแจ่มแจ้ง ดูเข้มแข็งและไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ
“จุดชนวนระเบิด”
“พวกเราคลานออกไปได้ สิบนาทีก็เพียงพอแล้ว”
“หากว่าไม่ได้ ฉันก็จะไม่ยอมโดนฝังทั้งเป็น ฉันจะต้องรอดเพื่อฆ่าหยูฉู่สอง”
เธอไม่มีวันให้ตัวเองต้องมาจบชีวิตง่ายๆแบบนี้
เมื่อถังจุ้ยเห็นสีหน้าที่เด็ดเดี่ยวของเย้นหว่านแล้ว เขาก็ยิ้มอย่างเย็นชา ยากนักที่เขาจะยิ้มออกมาอย่างอาจหาญ
“เมื่อเทียบกับตอนที่เราเพิ่งรู้จักกัน ผมชอบคุณในตอนนี้มากกว่า”
ทั้งสองมองหน้ากันและยิ้มโดยไม่พูดอะไร
หลังจากที่พวกเขาตั้งระเบิดเวลาไว้แล้ว ทั้งสองก็คลานออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากทางกลับต้องกลับทางเดิม เย้นหว่านจึงคลานอยู่ด้านหน้า ส่วนถังจุ้ยก็อยู่ด้านหลังเธอ
ช่องระบายอากาศนั้นแคบมาก จึงยากมากที่จะเพิ่มความเร็วในการคลาน เย้นหว่านงอแขนงอขาอย่างกระฉับกระเฉง เพื่อให้คลานออกมาได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอก็เจ็บปวดจนทนไม่ได้ อีกทั้งร่างกายของเธอก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
แต่หนทางที่จะต้องคลานออกไปนั้นยังอีกยาวไกล และเหลือเวลาไม่มากแล้ว
เธอกัดฟัน ไม่สนใจความเจ็บปวดในร่างกายของเธอ และฝืนคลานต่อไป
เวลาผ่านไปแล้วผ่านไปเล่า
เวลาเพียงสิบนาที แต่เหมือนกับทุกข์ทรมานมานานหลายศตวรรษ การออกแรงอย่างหนักหน่วงและการใช้เข่าคลาน ทำให้จิตใจของเย้นหว่านเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ร่างกายของเธออดทนจนถึงขีดสุด
ทว่า เส้นทางด้านหน้ายังคงเป็นท่อที่อยู่ในช่องระบายอากาศ และตอนนี้ก็ผ่านไปสิบนาทีแล้ว
พวกเขาคลานออกไปไม่ทัน
“ตูม—”
สิ้นเสียงระเบิดที่ดังสนั่นมาจากท้องฟ้า ชั่วพริบตาพื้นที่ตรงนั้นก็สนั่นหวั่นไหว