สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1245 เรื่องที่ปิดบังเขา
เมื่อถึงเรือนของกงจืออวี ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไป ก็ถูกสาวใช้รั้งไว้แล้ว
“คุณชายป่ายฉี ท่านมาได้อย่างไรคะ”
เมื่อสาวใช้เห็นป่ายฉีแล้วก็ดูไม่เหมือนปกติเช่นเคย แต่กลับมีอาการลนลาน
ป่ายฉีขมวดคิ้ว “ผมต้องการเจอคุณนาย”
“คุณชายป่ายฉีโปรดรอสักครู่ ดิฉันจะไปรายงานเดี๋ยวนี้”
สาวใช้รีบหันหลังแล้วไปเคาะประตู หนำซ้ำยังมีการแอบเหลือบมามองป่ายฉี ราวกับเหมือนกลัวว่าเขาจะเดินตามมา
ทั้งหมดนี้ล้วนดูผิดปกติ ผิดปกติจนเหมือนกับว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ป่ายฉีสังเกตสี่งเหล่านี้ด้วยใจที่จดจ่อ ยืนอยู่ที่เดิม ไม่พูดไม่จา
เมื่อประตูถูกเปิดออก สาวใช้ก็รีบเดินเข้าไปตามช่องประตู และเหมือนกับว่ากำลังรายงาน
ผ่านไปสักพัก ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง เย้นเจิ้นจื๋อเดินออกมาจากด้านใน
เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ผมของเขานั้นขาวขึ้นมากพอสมควร รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าก็เพิ่มขึ้น ประหนึ่งจากชายวัยกลางคนที่หล่อเหลา ก้าวเข้าสู่วัยชราในบัดดล
สีหน้าของเขานั้นยังเป็นปกติ ยังคงสง่างาม
เขามองป่ายฉีแล้วยิ้ม จากนั้นถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง :”นายมาได้อย่างไร อาการป่วยของแรบบิทมีความคืบหน้าหรือยัง”
“คืบหน้านิดหน่อยครับ” ป่ายฉีพยักหน้า “ตอนนี้ผมต้องการข้อมูลการวิจัยขององค์กรในทะเลทราย จะมีวิธีเอามาได้ไหมครับ”
เย้นเจิ้นจื๋อพยักหน้าโดยไม่แม้แต่จะคิดไตร่ตรอง
“ผมจะรีบเอาให้นายโดยเร็วที่สุด”
นั่นหมายถึงร้อยทั้งร้อยเอามาได้อย่างแน่นอน
ตระกูลเย้นอ่อนอำนาจกำลัง ถูกหยูฉู่สองตามโจมตีมาโดยตลอด ทำไมจู่ ๆ ถึงราบรื่นได้ขนาดนี้
จิตใจของป่ายฉีเต็มไปด้วยความสับสนมึนงง
เย้นเจิ้นจื๋อเห็นเขายังไม่ไป จึงได้ถามขึ้นอีก “ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า”
ป่ายฉีลังเลครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขึ้น “ที่บ้านมีเรื่องเกิดขึ้นใช่ไหม”
เย้นเจิ้นจื๋อสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติทันใด จึงมองไม่เห็นถึงความแปรปรวนแม้แต่น้อย
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังเป็นเหมือนเดิม นายทำการวิจัยโรคของแรบบิทได้อย่างสบายใจได้เลย เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ”
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าพวกเขาเป็นห่วงแรบบิท ดังนั้นจึงให้เขาทุ่มเทกับการรักษาให้กับแรบบิท
แต่ว่าตอนนี้ เขากลับเพิ่งสังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่า พวกเขานั้นมีเรื่องปิดบังเขา
และยังเป็นเรื่องที่ใหญ่อีกด้วย
ป่ายฉีอยู่ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดสับสน พยักหน้า “ครับ อย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ”
เขาหันหลังแล้วมุ่งเดินออกไปด้านนอก
เย้นเจิ้นจื๋อเห็นเขาจากไปแล้ว ก็เลยหันหน้าเดินไปยังห้อง ท่าทีที่มีสง่าราศีของเขาได้เลือนหายไป เหมือนกับชายชราที่ค่อยๆแก่เฒ่าไป
ทั้งตัวเต็มไปด้วยความทุกข์
เขาเปิดประตูห้อง ต้องการที่จะเดินเข้าไป ทันใดนั้นก็มีแขนข้างหนึ่งยื่นมาจากด้านหลัง แล้วใช้แรงผลักประตูจนเปิดออก
เย้นเจิ้นจื๋อหันหน้าด้วยความตกใจ “ป่ายฉีนายทำอะไร”
ป่ายฉีที่เดินจากไปแล้วได้เดินกลับมา และมองตรงเข้าไปในห้อง
เห็นกงจืออวีกำลังนั่งอยู่บนเตียง กอดรูปเย้นหว่านไว้ในอก นิ้วมือจับเข้าที่ใบหน้าของเย้นหว่าน
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยหยดน้ำตา ดวงตาแดงก่ำ ไม่รู้ว่าร้องไห้มานานแค่ไหน ร้องไห้มากี่วันถึงได้เป็นถึงขนาดนี้
ผมเผ้ากระยุ่งเหยิง ใบหน้าซีดเผือด เป็นความกระเซอะกระเซิงที่ป่ายฉีไม่เคยเห็นมาก่อน
ป่ายฉีมองภาพนี้ก็ยืนแข็งอยู่กับที่ราวกับถูกสายฟ้าฟาด
“ออกไปเดี๋ยวนี้!”
เย้นเจิ้นจื๋อโมโหตวาดขึ้น แล้วผลักป่ายฉีออกไป จากนั้นปิดประตูอย่างแรง
ผู้นำโมโห น่ากลัวสุด ๆ
แต่ป่ายฉีตกใจยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองเย้นเจิ้นจื๋อด้วยแววตาเบิกกว้าง ริมฝีปากขยุบขยิบ หลังจากผ่านไปนานสักพัก ถึงเปล่งเสียงพูดออกมาอย่างยากลำบาก
“เสี่ยวหว่าน เธอ เป็นอะไร”
ทันใดนั้นเขาถึงรู้สึกได้ว่า เขาก็ฟื้นตื่นขึ้นมาหลายวันแล้ว แต่ว่าไม่เห็นเย้นหว่านเลย
เย้นหว่านไม่มาเยี่ยมเขาก็ไม่เป็นไร แต่เป็นไปไม่ได้ที่แม้แต่แรบบิทก็ไม่ไปเยี่ยม
เย้นเจิ้นจื๋อชายผู้แข็งแกร่งราวกับเหล็ก น่าเกรงขาม แต่ในเวลานี้ดวงตากลับแดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้
เขาทอดถอนใจ
“เดิมทีอยากจะปิดบังนายไว้ ไม่อยากให้นายฟุ้งซ่าน อยากให้นายทำการรักษาแรบบิทอย่างสบายใจ แต่ว่านายกลับ……”
เย้นเจิ้นจื๋อจนปัญญา จึงบอกเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างนี้ให้กับป่ายฉี
เย้นหว่านระเบิดขุมทรัพย์ ลากหยูฉู่สองตายไปพร้อมกัน ตอนนี้ร่างของทั้งคู่ยังหาไม่เจอ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
แต่ ข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี
โห้หลีเฉินก็หายตัวไป ไร้ข่าวคราวไร้วี่แวว เย้นโม่หลินก็กำลังตามหาพวกเขาอย่างเต็มที่
ตระกูลหยูถูกทำลาย ตระกูลเย้นชนะแล้ว แต่กลับไม่มีใครดีใจมีความสุข เพราะสิ่งที่ต้องแลกนั้นช่างน่าเศร้าใจ สลดใจมากจริง ๆ
ป่ายฉีเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมหลังจากที่เขาฟื้นตื่นขึ้นมา คนเหล่านั้นที่เขาเห็นต่างมีสีหน้าที่เศร้าสลด อมทุกข์ตลอดเวลา
องค์หญิงสุดที่รักของตระกูลเย้น เสียสละตัวเองเพื่อตระกูลเย้น ใครจะสามารถยิ้มออกมาได้
ภาพของเย้นหว่านแวบเข้าในหัวสมองป่ายฉีอย่างต่อเนื่อง ภาพรอยยิ้มของเธอ เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ
ผู้หญิงที่บอบบางแบบนั้น ทำไมถึงมีความอาจหาญกล้าตายไปพร้อมกับคนอื่นนะ
“เธอไม่ตายหรอก ไม่เจอร่าง เธอยังไม่ตายหรอก”
ป่ายฉีพึมพำกับตัวเอง มือกำหมัดไว้แน่น ความโกรธที่อัดอั้นไว้ในอก แทบอยากจะออกไปพลิกแผ่นตามหาตัวเย้นหว่านตอนนี้
เธอเป็นน้องสาวของเย้นโม่หลิน และก็เป็นน้องสาวของเขา
ป่ายฉีเห็นเย้นหว่านเป็นคนในครอบครัวตั้งแต่แรกแล้ว เป็นองค์หญิงสุดรัก เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ หัวใจของเขาก็ประหนึ่งถูกกรีด
“เสี่ยวโม่กำลังตามหาเสี่ยวหว่าน ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร เขาก็จะพาตัวเสี่ยวหว่านกลับมาให้ได้”
เย้นเจิ้นจื๋อกล่าวอย่างจริงจัง ฝ่ามือจับเข้าที่ไหล่ของป่ายฉี
“แรบบิทคือเลือดเนื้อที่มาจากเสี่ยวหว่าน เป็นลูกสาวของเธอ ถึงแม้จะเป็นการทำเพื่อเสี่ยวหว่าน คุณจะต้องรักษาแรบบิทให้หาย ให้เธอกลับมาเห็นแรบบิท มีสุขภาพแข็งแรงและมีชีวิตชีวา”
“ป่ายฉี ฝากนายด้วยนะ”
ความอัดอั้นในใจที่ราวกับถูกภูเขาทับไว้ ยังมีกะจิตกะใจที่ไหนทำการวิจัย ทำการรักษาอีก
เขาแทบอยากจะวิ่งออกไปตอนนี้เพื่อไปตามหาเย้นหว่าน
แต่ว่าสติกลับทำให้เขาต้องยืนอยู่ที่เดิม ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
เย้นโม่หลินทำการระดมพลทั้งหมดออกตามหาเย้นหว่านแล้ว เขาไปก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือการรักษาแรบบิทให้หายดี
สวรรค์รู้ว่าความเจ็บปวดที่กดทับอยู่ในหัวใจตอนนี้นั้นมันทรมานมากแค่ไหน
ป่ายฉีอดทนอดกลั้นมันเอาไว้ แล้วพยักหน้าอย่างยากเย็น “ผมทราบแล้วครับ”
แล้วป่ายฉีก็จากเรือนของเย้นเจิ้นจื๋อไป
เขาไม่ได้กลับไปที่เรือนของเขา แต่กลับไปหาถังจุ้ย
หลังจากที่ถังจุ้ยถูกเย้นเมิ่งพากลับมา ก็พักรักษาอยู่ที่ห้องมาโดยตลอด ว่ากันว่าหลังจากที่เขากลับมา ก็ไม่เคยย่างกรายออกไปแม้แต่ประตู
เมื่อป่ายฉีเดินเข้าไป ก็เห็นเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ และกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงวัยรุ่นที่อายุสิบกว่าขวบ แต่ร่างกายกลับเต็มไปด้วยความบอบช้ำและความเสียใจ
ป่ายฉีค่อย ๆ เดินเสียงเบา ๆ เข้าไป
“ผมมีเรื่องอยากจะถามนาย”
ถังจุ้ยหันหน้ามามองป่ายฉี สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง น้ำเสียงเย็นชา บางเบา “ถามมาครับ”
“เรื่อยที่นายกับเย้นหว่านออกจากบ้านตระกูลเย้น เรื่องระหว่างทางที่เดินทางไปเมืองเฟย นายจงเล่าให้ผมฟังทั้งหมด”
ถังจุ้ยไม่อยากจะพูด “คุณไปถามเย้นเมิ่งสิ เขาอยู่กับพวกเราตลอดเส้นทาง”
“สิ่งที่เย้นเมิ่งรู้มาไม่ได้ละเอียดเท่ากับนาย นายน่าจะรู้เรื่องที่เสี่ยวหว่านอยากจะตายไปพร้อมกับหยูฉู่สองก่อนอยู่แล้วใช่ไหม”
ดวงตาของถังจุ้ยหลุกหลิก ใบหน้าวัยรุ่นผุดความเจ็บปวดขึ้น
เขากุมใบหน้าไว้ น้ำเสียงแหบแห้ง “เธอไม่รอผม หากว่าวันนั้นผมฟื้นขึ้นมา ผมฟื้นขึ้นมาก็คงจะดี……”
แต่เมื่อเขาดิ้นรนตื่นขึ้นมาแล้วนั้น ขุมทรัพย์ก็ระเบิดไปแล้ว และเย้นหว่านไม่อยู่แล้ว
เขาบอกว่าจะต่อสู้ไปพร้อมกันกับเธอ จะสู้ฝ่าชีวิตไปด้วยกันกับเธอ แต่ว่าเขาไม่สามารถช่วยเธอ……