สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1247 ดูพวกเขา
“ทำไมล่ะ” ป่ายฉีถามเธอ “องค์กรถูกระเบิดไปแล้ว และทั้งทะเลทรายได้พังถล่มลงมา คนที่อยู่ข้างในต่างถูกฝังกลบ ไม่มีโอกาสรอดเลย”
“ต่อให้เจมส์พวกเขาโชคดีมีชีวิตรอดและออกมาได้ แต่ว่ารังของพวกเขาก็ไม่เหลือแล้ว อำนาจกองกำลังไม่เหลือแล้ว ไม่มีทางที่จะมาหาคุณได้อีก”
“คุณเป็นอิสระแล้วจริง ๆ”
ฟังคำพูดของป่ายฉี ใบหน้าของหานจื่อที่ยากจะมีการแสดงออกทางสีหน้า ได้แสดงท่าทางแดกดัน
แดกดันคำพูดของเขาเหล่านี้ว่าช่างน่าตลกขบขันมากแค่ไหน
ในใจของป่ายฉีราวกับกระจกใส ผ่านปฏิกิริยาการตอบสนองของหานจื่อ ก็เข้าใจถึงสาเหตุการหนักแน่นของหานจื่อ
องค์กรจะต้องกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน และก็จะต้องกลับมาหาเธออีก
หรือไม่เธอออกจากที่นี่ บางทีก็อาจจะไปหาองค์กร ไปหาเจมส์
ขอเพียงยังมีบุคลากรสำคัญอยู่ องค์กรนี้ก็จะไม่มีทางพินาศจริง ๆ และหานจื่อก็ไม่มีทางรู้สึกอิสระ
เธอยิ่งเป็นคนที่ซื่อสัตย์ภักดี
ป่ายฉีจึงไม่ได้หวังให้เธอเอ่ยปากบอกอะไรเขาอีก เขามั่นใจว่าหานจื่อก็ไม่มีทางปริปากบอกอะไรเขาอย่างแน่นอน
แต่ เขาจะหาวิธีทำให้เธอนำทาง
ป่ายฉีเก็บอารมณ์สีหน้าทั้งหมด แล้วยิ้มตาหยีมองหานจื่อ “ผมจะพาคุณไปเจอใครบางคน”
หลายวันมานี้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรป่ายฉีสามารถลากโยงเข้ามาเกี่ยวพันกับการวิจัยทั้งหมด ครั้งที่หนึ่ง สอง สามจนนับครั้งไม่ถ้วน หานจื่อจึงไม่มีความคิดที่จะพยายามปฏิเสธอีกต่อไป
เขาบอกให้ทำอะไร เธอก็จะทำตาม
เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น
หานจื่อทำหน้าเฉยชา ไม่พูดไม่จา เดินมุ่งตรงไปด้านนอก
ป่ายฉีจ้องมองเธอ คนที่ให้ความร่วมมือเชื่อฟังอย่างง่ายดาย กลับเป็นคนที่ทำให้เชื่องยากที่สุด
เขาพาเธอเดินไปที่ห้องของแรบบิท
เมื่อเปิดประตูห้องแล้ว ป่ายฉีก็พาเธอเดินเข้าไป ในห้องได้ตกแต่งเป็นสีชมพู สีแห่งความอบอุ่นของเด็กผู้หญิง
ป่ายฉีได้แนะนำให้กับเธอ “นี่คือห้องของแรบบิท เย้นหว่านเป็นคนตกแต่งให้กับเธอ ของแต่ละชิ้นที่อยู่ในนี้ เแสดงถึงความรักที่แม่มีต่อลูกอย่างสุดซึ้ง”
หานจื่อใบหน้าไร้ความรู้สึก
ป่ายฉีเดินเข้าไปด้านในต่อ พลางเดินพลางพูด
“เดิมทีที่นี่เป็นบ้านที่มีความสุขอบอุ่น มีความรักที่อ่อนโยนจากผู้เป็นแม่ มีความฉลาดของลูกสาวตัวน้อย แต่……”
ป่ายฉีได้หยุดชะงัก สายตามองไปทางหานจื่ออย่างลุ่มลึก และก็ไม่ได้พูดต่อไปอีก
เขาเดินมาถึงริมระเบียง “ครืด” เสียงของการดึงเปิดผ้าม่าน
เผยให้เห็นถึงระเบียงที่อยู่ด้านนอก
เวลานี้ที่ระเบียงมีเงาร่างเล็ก ๆ สองเงานั่งอยู่ เด็กชายนั่งอยู่บนเสื่อที่ปูไว้ กำลังเรียงตัวต่อด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
เด็กสาวนั้นกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ และกำลังมองออกไปด้านนอก แต่เมื่อมองดี ๆ แววตาของเธอไม่มีชีวิตชีวา ดูมืดมน แม้แต่การกะพริบตาก็ยังช้า เหมือนกับว่าเป็นเพียงการเคลื่อนไหวสรีระร่างกายเท่านั้น
หานจื่อแค่แวบแรกก็มองออกว่าเด็กสาวน้อยคนนี้มีปัญหา
“หนูหยูเซิงคลอดออกมาก็เป็นออทิสติก ไม่ชอบคลุกคลีกับคนอื่น จมปลักอยู่กับโลกของตัวเองอย่างเดียวดาย ก่อนหน้านี้ หลังจากที่พ่อแม่และน้องสาวมาแล้ว เขาได้เปิดโลกของเขาออกมาเล็กน้อย เขาเริ่มยอมรับน้องสาว และเริ่มเตรียมตัวที่จะเดินเข้าสู่โลกใบนี้”
“แต่……” ป่ายฉีกำหมัดแน่นขึ้น “องค์กรของพวกคุณมาลักพาตัวเด็กสองคนนี้ไป ระหว่างทางทำร้ายหยูเซิงสารพัด ทำให้เจ็บปวด ทำให้ตัวเขาที่เตรียมพร้อมจะก้าวออกมายอมรับโลกใบนี้เกิดความตกใจกลัวจนหดกลับไป”
“หลังจากที่ช่วยเหลือออกมา หยูเซิงก็ยิ่งเก็บตัวเงียบ แม้แต่จิตแพทย์ที่ดีที่สุดก็จนปัญญา เด็กคนนี้บางทีอาจจะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต”
หานจื่อมองดูเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่เรียงตัวต่อ การเคลื่อนไหวที่ราบรื่น กระฉับกระเฉง แววตาที่ตั้งใจ แต่ทว่ากลับเหมือนกับหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน ไม่มีชีวิตชีวา
ราวกับเหมือน……เธอในอดีต
ในช่วงวัยเด็กของเธอก็เหมือนกับผ่านมาในลักษณะเดียวกัน นั่งฟังเรื่องที่ครูฝึกสอนอธิบายราวกับหุ่นยนต์ การฝึกซ้อมในแต่ละวันก็ไม่มีที่สิ้นสุด
เพียงแต่ว่าตอนนั้นเธอยังรู้จักความเคียดแค้น ดังนั้นเมื่อเธอเติบโตขึ้น มีพลังความสามารถแล้ว คนแรกที่เธอจะสังหารก็คือครูฝึกสอนของเธอ
“แรบบิทเคยเป็นคนที่ร่าเริงมีชีวิตชีวา เป็นเด็กน้อยที่แสนฉลาด เธอชอบสีชมพู ชอบหมีน้อย ชอบของหวาน ชอบเล่นสนุก และชอบอยู่กับหยูเซิง ติดแจหยูเซิงมาก ๆ”
ป่ายฉีกล่าวต่อไปว่า “เดิมทีเธอเป็นองค์หญิงน้อยของตระกูลเย้น มีชีวิตและอนาคตที่สมบูรณ์แบบสวยงาม แต่ว่าองค์กรของพวกคุณฉีดยาให้เธอกลายเป็นมนุษย์พันธุ์แกร่ง”
“เธอหนีรอดจากความตาย แต่กลับนอนหลับใหลไม่รู้ตื่น เป็นช่วงเวลานานสักพักหนึ่งแล้ว ที่ผมทำการวิจัยหลากหลายวิธี แต่ก็ไม่สามารถเรียกให้เธอฟื้นตื่นขึ้นมาได้”
หานจื่อมองแรบบิทอย่างเงียบๆ อดีตของเด็กสาวคนนี้ไม่มีส่วนไหนที่คล้ายกับเธอเลย แต่อนาคตของเธอ หากว่าฟื้นตื่นขึ้นมา ต้องมีเส้นทางที่ไม่ต่างไปจากหานจื่อ
เป็นเพียงมนุษย์พันธุ์แกร่งอีกคนก็เท่านั้น
“ไม่ตื่นขึ้นมาก็ดีเหมือนกัน”
น้ำเสียงเย็นชาของหานจื่อบางเบา
ไม่ตื่นมาก็ดี จะได้ไม่ต้องเหมือนกับเธอ ที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
ป่ายฉีน้ำเสียงแน่วแน่ “เธอจะต้องฟื้นตื่นขึ้นมา!”
“เธอยังเล็ก เธอยังมีชีวิตของเธอ อนาคตของเธอ เธอยังต้องเจริญเติบโต มีความรัก แต่งงานแล้วมีลูก”
หานจื่อมองป่ายฉีอย่างแดกดัน “กลายเป็นมนุษย์พันธุ์แกร่ง เรื่องเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆกับเธออีก ตื่นขึ้นมา ก็เป็นเพียงหุ่นยนต์ที่ใช้สังหารคนก็เท่านั้น”
“ไม่”
ทันใดนั้นป่ายฉีจับเข้าที่บ่าของหานจื่อ “เธอจะต้องไม่มีชีวิตแบบนี้ คนรอบข้างของเธอก็ไม่มีใครยอมให้เธอไปสังหารคน
เธอจะไม่ซ้ำรอยอดีตของคุณ วัยเด็กของคุณ เธอจะต้องมีชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป เจริญเติบโตอย่างมีความสุข”
หานจื่อไม่ได้รู้สึกว่านี่มีความแตกต่าง
แววตาของเธอเฉยเมยไม่มีคลื่นใด ๆ
ป่ายฉีจับที่ไหล่ของเธอ แทบอยากจะบีบกระดูกของเธอให้แหลกละเอียด เพื่อดูอาการเจ็บปวดของเธอ
แต่ต่อให้ทำแบบนี้ เขาก็รู้ดีว่าไม่มีทางได้เห็น
เพราะประสาทสัมผัสความเจ็บปวดของผู้หญิงคนนี้นั้นต่ำเกินไป ประมาณว่าเท่ากับศูนย์
“แรบบิทจะมีชีวิตที่ปกติเหมือนคนทั่วไป เติบโตอย่างมีความสุข ส่วนคุณ คุณก็ทำได้” ป่ายฉีเอ่ยออกมาทีละคำอย่างหนักแน่น “ทำลายองค์กร สังหารเจมส์พรรคพวกให้สิ้นซาก คุณก็จะได้รับอิสระอย่างแท้จริง คุณก็จะได้เป็นคนปกติธรรมดา ใช้ชีวิตครึ่งที่เหลือของคุณ”
หานจื่อใบหน้าเรียบเฉย “คุณอย่าได้พูดโน้มน้าวฉันหน่อยเลย ชีวิตของคนธรรมดาสำหรับฉันแล้ว ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกัน”
ในโลกของเธอ มีเพียงความซื่อสัตย์เท่านั้น
การภักดีและเชื่อฟังต่อองค์กร ก็คือชีวิตทั้งหมดของเธอ เธอยอมสละชีวิตเพื่อองค์กรได้
ป่ายฉีเผชิญกับสายตาที่แน่วแน่ ท่าทางที่เย็นชาของเธอ ในใจประหนึ่งถูกกดทับด้วยภูเขาลูกใหญ่ จนทำให้หายใจไม่ออก
ผู้หญิงคนนี้ทั้งฉุนเฉียวทั้งดื้อรั้น เหมือนกับโถส้วมที่ทั้งแข็งและทั้งเหม็น
ต้องการใช้แรบบิทกับหยูเซิงเพื่อโน้มน้าวเธอ เห็นทีคงจะไม่ได้ผล
เขาจะต้องเปลี่ยนวิธีการ
ไม่ต้องการชีวิตที่ธรรมดา? ไม่สนใจชีวิตที่มีความสุข?
ที่รู้สึกไม่มีความแตกต่าง นั่นเป็นเพราะว่าเธอไม่เคยมีชีวิตที่ปกติเหมือนคนธรรมดา
มีเพียงผู้เคยเห็นสวรรค์อย่างแท้จริงเท่านั้น ถึงจะไม่อยากไปอยู่นรกอีก ถึงจะเกิดความปรารถนาในใจ