สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 125 มีการวางแผนล่วงหน้าตั้งแต่แรก
บทที่ 125 มีการวางแผนล่วงหน้าตั้งแต่แรก
สำแดงความเร็วในการพุ่งร้อยเมตร หลังจากเย้นหว่านมาไกลแล้ว พอหันหน้ามองก็ไม่มีใครตามมาด้านหลัง ใจที่กังวลถึงได้ปล่อยวางลง
ตอนนี้เธอยังมีความหวาดกลัวอยู่บ้าง โชคดีที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ถ้าเจอกับป่ายฉีในสถานที่ด้านนอกที่คนน้อย คงไม่กล้ารับประกันว่าโรคจิตคนนั้นจะทำอะไรกับเธอหรือไม่
เธอตบๆ หน้าอก ที่นี่ก็ไม่สามารถอยู่นานได้
เย้นหว่านรีบก้าวเร็วๆ เดินไปทางร้านอาหารตะวันตกที่โห้หลีเฉินอยู่
เดินเร็วหน่อย ตอนที่เย้นหว่านมาถึงร้านอาหาร แก้มแดงระเรื่อ ลมหายใจดูหอบขึ้นแบบไม่ลงอยู่บ้าง
โห้หลีเฉินมองเห็นเธอ ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เป็นอะไร?”
“ไม่ ไม่เป็นไร ฉันกลัวจะกลับมาช้าไป เห็นพวกคุณคุยเสร็จแล้ว เลยวิ่งเข้ามา”
เย้นหว่านหาเหตุผลสักอย่างมาอ้าง แต่กลับโดนสายตาที่เมินเฉยของโห้หลีเฉิน
เขายื่นแก้วน้ำมาตรงหน้าของเธอ “ถึงฉันจะไปแล้ว ก็จะไม่ทิ้งเธอเอาไว้”
คำพูดธรรมดาประโยคหนึ่งกลับทำให้เขาพูดด้วยรสชาติที่ทำให้คนเพ้อฝันออกมา
เย้นหว่านแก้มแดงเล็กน้อย รับน้ำเข้ามาอย่างไม่สบายใจ ดื่มเข้าไปสองสามอึกอย่างเร่งรีบ
ต่อมาโห้หลีเฉินกับบรูคก็ไม่ได้คุยกันนานมากนัก จากนั้นจึงแยกย้าย
ก่อนไป บรูคยังใช้ภาษาจีนคุยกับเย้นหว่านโดยเฉพาะ
“คุณเย้น คุณโห้รักคุณมากจริงๆ คุณโชคดีมาก หวังว่าจะได้ดื่มเหล้ามงคลของพวกคุณเร็วๆ นี้”
เย้นหว่านระแวง สรุปฝรั่งคนนี้มองจากตรงไหนกันว่าโห้หลีเฉินรักเธอมาก? นี่เดิมทีก็เป็นการพูดที่ไม่มีมูลความจริง เป็นเรื่องที่ไม่มีจริง
เธอยังยิ้มตอบแบบสุภาพ “ขอบคุณคำอวยพรของคุณนะคะ ถ้าพวกเราแต่งงานกัน จะต้องเชิญคุณแน่นอน”
ด้านหน้าพูดว่าถ้าแต่งงาน
ในใจเย้นหว่านคิดว่าแบบนี้เธอก็ไม่ถือว่าโกหกคนอื่นหรอกมั้ง
สายตาโห้หลีเฉินมืดดำ มองเย้นหว่านไปตรงๆ ราวกับเหวลึกนั้น แทบจะดูดคนเข้าไป
เย้นหว่านถูกมองจนในใจสับสน อยากถอยออกไปหน่อยโดยจิตใต้สำนึก กลับโดนโห้หลีเฉินจับแขนเอาไว้ ลากเธอมาตรงหน้าเขา
ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนใกล้กันมาก
ในน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน
“เย้นหว่าน เธอกำลังเชิญเพื่อนมาร่วมงานแต่งของพวกเรา”
“ฉันเพียงแค่พูดตามมารยาท……”
คำพูดของเย้นหว่านยังไม่ทันจบ ริมฝีปากก็ถูกโห้หลีเฉินจูบไว้
อารมณ์ที่กึ่งไม่เลว จูบของเขาพัวพันอย่างมาก เหมือนยังมีความลึกซึ้งที่พูดไม่ถูก
เย้นหว่านค้างนิ่งฉับพลัน ลนลานสุดๆ
ที่นี่เป็นร้านอาหาร ภายใต้ที่สาธารณะ โห้หลีเฉินก็จูบเธอแบบนี้แล้ว?
เธอยังมีหน้าอยู่หรือไม่ อับอายเหลือเกิน
เย้นหว่านอยากจะผลักโห้หลีเฉินออกด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น แต่กลับถูกเขากอดแน่นขึ้น จูบยิ่งลึกขึ้น
และเวลานี้ในร้านอาหารมีเสียงไวโอลินที่โรแมนติกดังขึ้น ยังมีเสียงปรบมือของผู้คนรอบด้านลอยมา
โรแมนติก และได้รับการอวยพร
เย้นหว่านสับสนราวกับหาทางไปไม่เจอ
ตอนที่จะกลับไป เว่ยชีกลับโผล่ออกมาแล้ว รีบทำหน้าที่คนขับรถแทนเย้นหว่าน
เพราะจูบนั้น แก้มเย้นหว่านจึงร้อนระอุมาตลอดทาง ขณะนั่งอยู่ที่นั่งด้านหลัง มองไปนอกหน้าต่าง แม้แต่โห้หลีเฉินก็ไม่กล้ามองสักนิด
จนกระทั่งรถจอดที่หน้าประตูบ้านเธอ
เธอลงรถไปอย่างว่องไว อยากเดินเข้าข้างใน
แต่พึ่งเดินมาได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่าไม่ปกติ พอหันหน้ามอง ก็เห็นโห้หลีเฉินกำลังตามมาด้านหลังเธอ และเดินมาในบ้านเธอ
เย้นหว่านประหลาดใจ ทำไมเขายังไม่กลับไป?
”คุณโห้ คุณจะทำอะไร?”
โห้หลีตอบเสียงทุ้ม “ช่วยเธอเก็บกระเป๋าเดินทาง”
“อะไรนะ?”
เย้นหว่านหน้ามึนงง สมองตามโห้หลีเฉินไปไม่ทัน อยู่ดีๆ ให้เธอไปเก็บกระเป๋าเดินทางทำอะไรกัน?
“เริ่มตั้งแต่คืนนี้ ย้ายไปอยู่ที่บ้านฉัน”
โห้หลีเฉินพูดแต่ละคำแต่ละประโยคด้วยเสียงต่ำๆ น้ำเสียงแจ้งให้ทราบ ความหมายที่จะปรึกษาหารือไม่มีสักนิด
เย้นหว่านยิ่งงงงวย เธอรีบส่ายหน้า “ทำไมฉันต้องย้ายไปอยู่บ้านคุณด้วย? ฉันไม่ไป”
“เธอต้องดูแลฉัน”
โห้หลีเฉินยกมือที่มีผ้าพันแผลของตนเองขึ้น เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวควรเป็นแบบนั้น “เธอจะไม่เก็บกระเป๋าก็ได้ เหมือนเมื่อคืนที่นอนอยู่บ้านฉัน ในเมื่อเสื้อผ้าของใช้ก็มีไม่ขาด”
เย้นหว่านตะลึง ส่ายศีรษะแทบกลายเป็นกลองสั่นแล้ว
“เมื่อคืนเพียงแค่ไม่มีทางเลือก ถึงได้อยู่ดูแลคุณ คืนนี้คงไม่ต้องแล้วมั้ง มือของคุณน่าจะดีขึ้นมาก เรื่องง่ายๆ ทำเองได้ ไม่ต้องให้ฉันดูแลทุกเวลาหรอก”
“วันนี้ มือฉันเหมือนเจ็บกว่าเดิม”
โห้หลีเฉินพูดด้วยหน้าตาอึมครึม
ท่าทีของเขาเคร่งขรึม แม้กระทั่งทำให้คนแยกไม่ชัด คำพูดของเขานี่จริงหรือหลอก
เย้นหว่านมองเขาอย่างกระวนกระวายใจ ต้องย้ายเข้าไปอยู่กับเขาในช่วงเวลาหนึ่ง แค่จะคิดเธอยังไม่มีความกล้านี้
ทันใดนั้นโห้หลีเฉินก็ก้าวขึ้นมา ร่างสูงใหญ่เข้าใกล้เย้นหว่านทันที
กลิ่นอายฮอร์โมนที่แข็งกร้าวบนตัวเขายิ่งรุกรานอวัยวะสัมผัสของเธออย่างกำเริบเสิบสาน
เขาพูดเสียงต่ำ “เย้นหว่าน ตอนนี้เธอเป็นคู่หมั้นของฉัน ฉันได้รับบาดเจ็บ เธอก็ควรดูแลฉัน ไม่ใช่เหรอ?”
เป็นน้ำเสียงที่สอบถาม แต่มีเหตุผลแข็งแกร่งที่ทำให้คนไม่มีทางปฏิเสธได้เลย
เย้นหว่านสำลัก รู้สึกว่าปวดขมับพักหนึ่ง
จากอารมณ์และเหตุผล จากส่วนรวมและส่วนตัว เธอเหมือนหลบชะตากรรมที่ต้องดูแลโห้หลีเฉินไม่พ้น
แต่ย้ายไปอยู่กับเขา ชายหญิงโสด…….
“ดูแลคุณก็ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไขหนึ่ง”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปาก “เธอว่ามา”
เย้นหว่านแก้มแดง ยุ่งเหยิงสักหน่อย พูดออกมาด้วยความอับอายและยากลำบากมาก
“คุณห้ามลงไม้ลงมือกับฉัน และห้ามมาจูบฉันแตะฉันตามชอบใจ”
โห้หลีเฉินหรี่ตา คนก็อยู่ต่อหน้าเขาแล้ว ยังห้ามแตะห้ามจูบ?
นี่จะรับปากได้อย่างไร?
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินไปตรงๆ ท่าทีแน่วแน่มาก “ถ้าคุณทำไม่ได้ ฉันก็ไม่ไปแล้ว”
สายตาโห้หลีเฉินมืดมิด ริมฝีปากบางขยับ พ่นคำหนึ่งออกมาจากริมฝีปากอย่างแผ่วเบา
“ได้”
เย้นหว่านโล่งอกไปทีหนึ่ง
ทั้งสองคนถึงเดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน
ในห้องโถง เย้นซวนมิ้นและเฉียวเจี้ยฮุ่ยกำลังดูโทรทัศน์ ในบ้านยังมีคนเพิ่มอีกคนหนึ่ง เย้นซิน
หล่อนเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเย้นซวนมิ้น และถือว่าเป็นน้องสาวของเย้นหว่าน กำลังเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนี้พึ่งปิดเทอมกลับมา
หล่อนหน้าตาสวยงาม ใส่ชุดนอนอยู่ กำลังนั่งขัดสมาธิสบายๆ บนโซฟา เล่นมือถืออยู่
“กลับมาแล้วเหรอ กินข้าวแล้วหรือ……”
เย้นซวนมิ้นทักทายเย้นหว่านด้วยความเคยชิน แต่พอเงยหน้า กลับมองเห็นโห้หลีเฉินที่เดินเข้ามากับเย้นหว่าน
เขาตกใจ รีบยิ้มกริ่มลุกขึ้นยืนจากโซฟา
“หลีเฉิน นายก็มาด้วยเหรอ รีบนั่งๆ”
“คุณลุง รบกวนแล้วครับ”
โห้หลีเฉินส่งถุงของขวัญไปให้เย้นซวนมิ้นอย่างมีมารยาท ทั้งสองคนก็พูดคุยกันหน่อย
เย้นหว่านมองถุงของขวัญนั้น ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร มักรู้สึกว่าทุกครั้งที่โห้หลีเฉินมาบ้านเธอ จะมีการวางแผนล่วงหน้าแต่แรก
ไม่อย่างนั้นทำไมทุกครั้งถึงเตรียมของขวัญไว้พร้อมล่ะ?
เฉียวเจี้ยฮุ่ยก็ลุกขึ้นยืนตาม ยังแตะเย้นซินที่เล่นมือถืออยู่ด้วย พลางพูดเสียงต่ำ
“รีบลุกขึ้น พี่เขยลูกมาแล้ว”