สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1250 สัมผัส
เมื่ออ่านเนื้อหาข้อความทั้งหมดในแต่ละบรรทัดแล้ว ป่ายฉีตาเบิกกว้าง แม้แต่แรงที่อยากจะบีบกู้จื่อเฟยให้ตายก็ไม่มีแล้ว
เดินช้อปปิ้ง ดูหนังทานข้าว ซื้อบ้าน สิ่งจิปาถะเหล่านี้คือสิ่งที่คนทำกันเหรอ
และเขาต้องไปทำเหรอ
ป่ายฉีจู่ ๆ รู้สึกว่าการเป็นคนธรรมดานี่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
วันถัดไป
หลังจากที่ป่ายฉีทำการตรวจสอบหานจื่อทางด้านวิจัยเสร็จแล้ว ก็พาเธอนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุด
เป็นช่วงกลางวันพอดี บนท้องมีคนสัญจรไปมา คึกคักมาก
ก่อนนั้นที่หานจื่อมาสถานที่แบบนี้ มักจะมีเป้าหมายในการสังหารเสมอ เธอต้องหาเป้าหมายของเธอในหมู่ฝูงชนให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องอื่นไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเธอ
แต่ว่าตอนนี้ เธอกลับไม่มีเป้าหมาย
นี่ทำให้เธอรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ จากนั้นเธอก็เทความสนใจไปที่ตัวของป่ายฉี ดูว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่
เดิมทีกำลังเดินสบายไปตามท้องถนน แต่ป่ายฉีจู่ ๆ กลับรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง มีความรู้สึกเหมือนจะถูกสังหารได้ตลอดเวลา
เขาหันหน้าไปมองหานจื่อแล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
เขาไม่สนใจเธอ เดินนำหน้ามุ่งไปที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า
ป่ายฉีได้ศึกษาแผนที่ก่อนหน้าที่จะมาแล้ว จึงพาหานจื่อมุ่งตรงไปที่ร้านขายเสื้อผ้า
เขากล่าว:”เข้าไปเลือกชุดที่คุณชอบสิ ชอบก็ซื้อหมดเลย”
หานจื่อมองเขาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย “คุณต้องการจะทำอะไร”
“ให้คุณซื้อก็ซื้อเหอะน่ะ” ป่ายฉีไม่ได้อธิบายอะไรทั้งนั้น อ้างแต่เหตุผลที่แข็งกระด้างของเขาที่ใช้เป็นประจำ “เพื่อการวิจัยทั้งนั้น”
หานจื่อเดินเข้าไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา
เธอย่างเดินทีละก้าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา มองสแกนเสื้อผ้าของแต่ละปีราวกับแสงเลเซอร์
จนกระทั่งเธอดูของทุกอย่างในร้านเสื้อผ้าครบแล้ว เธอไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ก็เดินออกจากร้านด้วยมือเปล่า
ป่ายฉีเดินตามอยู่ด้านหลังเธอด้วยความหงุดหงิด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สันทัด ไม่เคยสัมผัสการเดินช้อปปิ้งด้วยตัวเอง แต่เขาก็เคยเห็นเคยได้ยิน ว่าเวลาที่ผู้หญิงช้อปปิ้ง จะสามารถซื้อของได้เป็นกอง สามารถเดินช้อปปิ้งกระทั่งขาลากได้
แต่การเดินช้อปปิ้งของหานจื่อนั้นไม่เหมือนกับที่ได้ยินมาเลย
“คุณไม่เจอของชอบเหรอ” ป่ายฉีถามด้วยความอยากรู้
หานจื่อส่ายหน้า “ไม่อ่ะ”
ก้าวแรกที่ไม่ราบรื่น
ป่ายฉีไม่ย่อท้อ พาหานจื่อมาร้านที่สองอีก
ครั้งนี้เขาฉลาดขึ้น เมื่อเข้าไปก็เรียกหาพนักงานมาแนะนำให้กับหานจื่อ
พนักงานสาวบริการดีมาก ทั้งฉลาดทั้งเป็นกันเอง แนะนำเสื้อผ้าหลายชุดให้กับหานจื่อตามรูปลักษณ์รูปร่างที่เหมาะสมกับเธอ
แต่ว่า พนักงานสาวแนะนำจนปากแฉะปากเปื่อยแล้ว หานจื่อก็ยังไม่มีความหวั่นไหวแม้แต่น้อย
เธอเพียงยืนอย่างเฉยเมย และปฏิเสธอย่างเย็นชา
จนพนักงานสาวถึงกับยอมแพ้ และถามขึ้น :”คุณผู้หญิงชอบสไตล์ไหนคะ”
หานจื่อ:”แบบที่อยู่บนตัวฉัน”
พนักงานสาวมองดูเสื้อผ้าของหานจื่อ เสื้อยืดสีดำ กางเกงหนังสีดำ
เธอจึงเข้าใจทันทีและพาเธอไปดูเสื้อผ้าที่ใกล้เคียงกับเสื้อยืดสีดำกางเกงหนังสีดำ
ป่ายฉีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทนดูต่อไปไม่ไหว
ถ้าซื้อสีดำกลับไปทั้งกองแบบนี้ การใส่เสื้อผ้าก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างนั้นจะเปลี่ยนหานจื่อได้อย่างไร จะให้เธอได้สัมผัสชีวิตธรรมดาได้อย่างไร
ป่ายฉีหยิบเสื้อยืดสีดำไปไว้ที่เดิม แล้วพูดกับหานจื่อว่า:
“ผมคิดว่าคุณสามารถลองสไตล์อื่นดูบ้างก็ดีนะ อย่างเช่น กระโปรงขาวอะไรแบบนั้น”
พลางพูดป่ายฉีพลางชี้ไปทางกระโปรง
กระโปรงยาวเรียบง่ายควรมีเตรียมไว้
หานจื่อสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเย็นชา “เสื้อผ้าแบบนี้ไม่เหมาะกับการต่อสู้”
ป่ายฉี:”……” หมดคำจะพูด และรู้สึกว่ามุมมองนี้ก็ถูกต้อง
ป่ายฉีจึงเลิกการเลือกซื้อเสื้อผ้า แล้วพาหานจื่อไปเลือกซื้อเครื่องประดับแทน
จากนั้นหานจื่อก็กล่าวว่า “ใส่เครื่องประดับที่แตกง่ายแบบนี้ ไม่สะดวกในการต่อสู้”
สิ่งที่เธอเลือกทั้งหมดล้วนเพื่อความสะดวกในการต่อสู้ จิตใจของเธอ แววตาของเธอมีเพียงแต่การสังหาร
ป่ายฉีค่อนข้างจะจนปัญญา จึงเตือนเธอ “ตอนนี้พวกเรากำลังเดินช้อปปิ้ง เที่ยว พักผ่อน ไม่ต้องต่อสู้ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องคิดเรื่องการต่อสู้เลย แค่เลือกของและเสื้อผ้าที่คุณชอบก็พอ”
หานจื่อ:”สิ่งที่ฉันชอบก็คือสิ่งที่สะดวกต่อการต่อสู้”
ป่ายฉี:”……”
ช่างเถอะ การเปลี่ยนแปลงเริ่มจากใบหน้า หรือว่าบางทีควรพาเธอไปแต่งหน้า รูปโฉมเธอเปลี่ยน บางทีอาจจะรู้สึกว่าตัวเองก็อยากได้กระโปรง
ด้วยความคิดที่สวยงามเช่นนี้ ทำให้ป่ายฉีพาหานจื่อไปที่ร้านขายเครื่องสำอาง
หลังจากแนะนำเสร็จแล้ว หานจื่อมองไปยังขวดตลับที่อยู่ตรงหน้าที่กำลังจะแต่งแต้มบนใบหน้าของเธอ ใบหน้าที่เรียบเฉยในที่สุดก็มีการแสดงอารมณ์ทางสีหน้าออกมา
รังเกียจและต่อต้าน
เธอกล่าวอย่างเย็นชา:”คุณต้องการจะแต่งหน้าให้ฉันเหรอ นี่แต่งไปก็ไม่มีความหมายหรอก”
“ทำไม” ป่ายฉีถาม
หานจื่อจึงถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการแดกดัน :”แต่งสวยเพื่อให้คุณดูหรือไง”
ป่ายฉีถึงกับสำลัก เขาไม่ได้อยากจะดูสักหน่อย
แต่เมื่อนึกถึงแผนการของตัวเอง เขาก็ระงับความโมโหที่อยู่ในใจไว้ แล้วพูดกับหานจื่ออย่างจริงใจว่า:
“คุณแต่งตัวไม่ได้ให้ผมดู และก็ไม่ได้ให้คนอื่นดู แต่เป็นการแต่งตัวให้ตัวเองดู คุณนอกจากมีรูปลักษณ์แบบนี้แล้ว คุณยังมีลักษณ์แบบอื่นอีก”
รูปลักษณ์แบบอื่นเหรอ หานจื่อมองป่ายฉีราวกับว่าปัญญาอ่อน แววตาจึงเต็มไปด้วยการดูถูก
จิตใจของป่ายฉีได้ฝึกจนแข็งแกร่งมาก จึงเมินการดูถูกของหานจื่อ แล้วกล่าวกับช่างแต่งหน้าว่า:
“แต่งหน้าให้เธอแบบธรรมชาติและสบายตา”
“ได้ค่ะ”
ช่างแต่งหน้าจึงหันหน้าไปทางหานจื่อเพื่อจะแต่งหน้าให้กับเธอ
แววตาของหานจื่อจึงเยือกเย็นสุดขีด แต่เธอรักษาสัญญา จะไม่ขัดขืนอะไรที่เกี่ยวข้องกับการทำวิจัย
ชางแต่งหน้าพลางแต่งหน้าพลางพูด
เช่น “ผิวของคุณช่างดีจังเลย ไม่เคยรับความเสียหายจากใด ๆ เมื่อก่อนไม่เคยแต่งหน้าเหรอคะ”
“คุณใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและที่มาส์กหน้าอะไรคะ”
“หน้าตาของคุณสวยมากเลยค่ะ แต่งหน้าออกมาจะต้องสวยงามมากอย่างแน่นอน”
เธอพูดแจ้ว ๆ หานจื่อเงียบไม่ตอบสักคำ รู้สึกแต่เพียงว่าผู้หญิงคนนี้น่ารำคาญมาก หวี่ ๆ งี้ ๆอย่างกับแมลงหวี่ข้างใบหู
เธอข่มแล้วข่มอีก กลั้นแล้วกลั้นอีก ถึงไม่ได้ลงมือบีบคอผู้หญิงคนนั้นให้ตาย
หลังจากผ่านไปสักพัก กระบวนการแต่งหน้าที่น่าเบื่อก็สิ้นสุดลง
หานจื่อลุกยืนขึ้น และเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนอย่างรีบเร่ง “ไปได้หรือยัง”
ป่ายฉีเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ แล้วมองไปยังหานจื่อ วินาทีที่เห็นเธอนั้นดวงตาถึงกับตะลึง
จากนั้น เขาก็ผิวปากออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยการแซวเย้าหยอก
“ยัยคิงคอง คิดไม่ถึงว่าคุณแต่งหน้าแล้วก็ดูสวยเหมือนกันนะเนี่ย ดูอ่อนโยนขึ้นมาก ไม่ดุร้าย”
หานจื่อใบหน้ากลับยิ่งดูแย่
เธอมองตัวเองในกระจก รูปลักษณ์นั้น งดงามอ่อนโยน ต่อให้หน้านิ่วคิ้วขมวด ความดุดันก็ดูลดลงห้าสิบเปอร์เซ็นต์จากเมื่อก่อน
แบบนี้ เธอไม่ชอบ
หานจื่อทำหน้าเย็นชาแล้วอยากจะไปล้างออก ป่ายฉีกลับดึงข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่งหน้าอ่อนโยนขนาดนี้ เสื้อผ้าจะดุดันแบบนี้ได้อย่างไร ไป ผมพาคุณไปเลือกกระโปรง”
ป่ายฉีไม่สนการต่อต้านขัดขืน แล้วลากหานจื่อไปที่ร้านเสื้อผ้า
ครั้งนี้ ไม่ปล่อยโอกาสให้หานจื่อได้ปฏิเสธ เขาเลือกกระโปรงสีขาวชุดหนึ่ง และก็ยื่นให้หานจื่อใส่เข้าไป
หานจื่อถือกระโปรงไว้ในมือ ใบหน้าดำเกือบจะคล้ายกับถ่าน