สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1252 บ้านใหม่ของหานจื่อ
ดังนั้น ป่ายฉีจึงได้ให้โรงภาพยนตร์ฉายเรือไททานิคอีกครั้งโดยเฉพาะ
เขาทำตามกลยุทธ์วิธีในอินเทอร์เน็ต ซื้อป๊อปคอร์นขนาดใหญ่และก็โค้ก นั่งในโรงภาพยนตร์พร้อมกับกลุ่มคู่รักหนุ่มสาวคู่อื่น
สภาพแวดล้อมที่มืดสลัว รายล้อมไปด้วยบรรยากาศสีชมพูของคู่รักหนุ่มสาว
และยังมีความรักสุดซึ้งบนหน้าจอ……
ทุกอย่างล้วนจำเป็นที่ต้องเตรียมไว้เพื่อการมีความรัก การจัดเตรียมความโรแมนติกที่ไม่สามารถจะโรแมนติกได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
แม้แต่ตอนที่ป่ายฉีบังเอิญไปแตะโดนมือของหานจื่อขณะที่กำลังหยิบป๊อปคอร์น
กลยุทธ์วิธีในอินเทอร์เน็ตบอกว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของการสปาร์คเหมือนการสัมผัสโดนไฟฟ้า วินาทีนั้นผู้หญิงจะต้องใจเต้นเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตก็ไม่ปาน
ใบหน้าของป่ายฉีกระตุกรอยยิ้มแห่งรอคอย
แต่แล้ว วินาทีต่อไป นิ้วมือของเขามีเสียงดังแกร๊กของกระดูกหัก!
หานจื่อหักนิ้วมือของเขาจนหัก!
ป่ายฉีเจ็บจนใบหน้าซีดเผือด ตวาดขึ้นด้วยความโมโห “คุณทำเหี้ยอะไรของคุณเนี่ย”
หานจื่อมองเขาอย่างเย็นชา แววตามีความเย็นยะเยือกของแรงอาฆาตจนทำให้คนถึงกับมือเท้าเย็นวาบ
“อย่าแตะต้องของของฉัน”
ป่ายฉี:”……”เหี้ย ป๊อปคอร์นซื้อมาเพียงถังเดียว ทำไมถึงกลายเป็นของเธอไปได้
อีกอย่างนิ้วมือเจ็บจังเลย
ไม่มีกะจิตกะใจที่จะดูหนังโรแมนติกอีกต่อไปแล้ว ป่ายฉีแทบอยากจะบีบยัยคิงคองคนนี้ให้ตายคามือ โมโหจนลุกขึ้นแล้วเดินตรงออกไปด้วยใบหน้าที่ดำทะมึน
บนหน้าจอ คุณโดด ฉันโดด ฟังแล้วก็ยิ่งทำให้เขาโมโห
ไม่ได้ผลเลยสักนิดเดียว
หานจื่อเห็นป่ายฉีจากไป ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะตามเขาออกไป แต่ว่าไม่ได้ลุกขยับในทันที มองดูคนสองคนที่กอดกันบนหน้าจอด้วยแววตาที่เป็นประกาย
จากนั้น เธอก็ไม่ได้หยุดชะงักต่ออีก ลุกยืนขึ้นแล้วก็จากไป
ใบหน้าของเธอยังคงเรียบเฉย ราวกับเทือกเขาน้ำแข็ง และเดินตามหลังป่ายฉี
เดิมทีถ้าทำตามแผนของกู้จื่อเฟย เขายังมีแผนการที่ยังต้องดำเนินต่อ แต่ตอนนี้ป่ายฉีไม่มีกะจิตกะใจแล้ว จึงกลับบ้านด้วยใบหน้าที่ถมึงทึง
กลับถึงบ้านตระกูลเย้น
ก็ไปห้องยาที่เขาใช้เป็นประจำแล้วทำการพันนิ้วมือที่หัก จากนั้นก็กลับไปนอนที่ห้อง
ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ไม่ได้ไปสนใจหานจื่ออีก
เขายิ่งรู้สึกลึกๆว่า เป็นเพราะสมองของเขามีปัญหาหรือเปล่าที่ต้องการไปเปลี่ยนแปลงยัยคิงคองคนนี้ เธอคนที่ไม่มียารักษาได้แล้ว
ป่ายฉีหงุดหงิดโมโหพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง จนร้อนรุ่มดังเปลวไฟแผดเผาอยู่ในใจ
เวลานี้ ในความมืด โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น หมายเลขที่แสดงให้เห็นนั้นเป็นของกู้จื่อเฟย
ป่ายฉีที่จิตใจลุกเป็นไฟ ฉับพลันก็ยิ่งลุกท่วมขึ้นทันที
เขารับสายขึ้น แล้วกัดฟันพูดออกมาทีละคำราวกับจะฆ่าคน “กู้จื่อเฟย มึงยังจะกล้าโทรมาหากูอีกเหรอ พรุ่งนี้กูจะนั่งเครื่องบินไปฆ่ามึงให้ตาย”
กู้จื่อเฟยไม่สนคำข่มขู่ของป่ายฉี แถมยังหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“ฉันได้ยินสาวใช้บอกว่าคุณได้รับบาดเจ็บ ถูกปฏิเสธจนหน้าแตกจริง ๆ ด้วย ฮ่า ๆ คุณมันไม่ได้เรื่องจริง ๆ แค่ออกเดตถึงกับมือหัก”
เธอยังกล้าหัวเราะอีก ยังกล้าเยาะเย้ยเขาอีก
ป่ายฉีใบหน้าดำทะมึนแทบอยากจะบี้โทรศัพท์ให้แหลก “กู้จื่อเฟย มึงมันรนหาที่ตาย!”
“อย่าพูดจาโอหังหน่อยไปเลย คุณทำอะไรฉันไม่ได้หรอก พี่เย้นปกป้องฉันอยู่แล้ว”
ป่ายฉี:”……”แม่งยิ่งทิ่มแทงใจ
น่าโมโหชะมัด เขายกมือขึ้นอยากจะโยนขว้างโทรศัพท์ทิ้ง
กู้จื่อเฟยกลับกล่าวขึ้นต่อว่า:”แต่คุณกลับมาแบบนี้ คือจะยอมแพ้แล้วว่างั้น ถ้าหากว่าคุณยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ ฉันดูถูกคุณนะ”
แดกดันเขา แล้วยังดูถูกเขาอีก……
ป่ายฉีกัดฟัน “มันเกี่ยวเหี้ยอะไรกับมึง ไปให้พ้นซะ”
กู้จื่อเฟยไม่สนใจคำพูดของเขา แล้วกล่าวต่อ:
“ปฏิบัติต่อผู้หญิงต้องมีความอดทน อ่อนโยน โดยเฉพาะผู้หญิงแบบหานจื่อ อยากจะเปลี่ยนแปลงเธอ สิ่งที่คุณต้องท้าทายคือบุกน้ำลุยไฟ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
“คุณยอมแพ้ก็เป็นเรื่องธรรมดา ลองหาวิธีอื่นดูแล้วกัน”
ป่ายฉีเงียบ
ยอมแพ้เหรอ เห็นเขาเป็นคนขี้ขลาดเหรอ ไม่มีทาง ช่างเป็นเรื่องที่น่าขำมาก
อีกอย่าง ที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อแรบบิททั้งนั้น นี่คือจุดประสงค์ของเขา และก็เป็นหน้าที่ของเขา เขาจะยอมแพ้ไปง่ายๆได้อย่างไร
ต่อให้ด้านหน้าจะเป็นภูผามีดทะเลเพลิง เขาก็ไม่กลัว
นับประสาอะไรกับยัยคิงคองคนนี้!
ป่ายฉีเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ใครบอกว่ากูยอมแพ้ กูเห็นว่าฟ้ามืดเแล้ว แค่กลับมานอนหลับเท่านั้น”
เมื่อพูดจบเขาก็วางโทรศัพท์ลงอย่างโอหัง
ทางฝั่งโทรศัพท์ กู้จื่อเฟยเห็นหน้าจอที่มืดลง ก็ปิดปากตัวเองแล้วแอบหัวเราะ
เย้นโม่หลินจ้องมองเธออย่างเหลืออด “ป่ายฉีถูกคุณแดกดันจนโมโหแล้ว”
แต่เขานั้นกลับประหลาดใจ ป่ายฉีที่มักจะฉลาดปราดเปรียว ทำไมครั้งนี้ถึงตกหลุมพรางของกู้จื่อเฟยด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
กู้จื่อเฟยซบอยู่ที่อกของเย้นโม่หลิน ทำการอธิบายให้เขาอย่างออดอ้อนออเซาะ
“เพราะว่าป่ายฉีคือคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน ยังมือใหม่ ในโลกแห่งความรัก เขาจะต่อกรกับฉัน ก็ไม่ต่างอะไรไปกับมดต่อสู้กับช้าง จะถูกฉันบี้ตายเมื่อไหร่ก็ได้”
เย้นโม่หลินมองดูหญิงสาวที่มีความสุขอย่างได้ใจ แต่แววตากลับดูเคร่งขรึม
“ดูแล้วประสบการณ์ของคุณโชกโชนจังเลยนะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้จื่อเฟยชะงักค้างฉับพลัน แผ่นหลังเย็นวาบขึ้นทันใด
เธอตอบสนองอย่างรวดเร็ว จับใบหน้าของเย้นโม่หลินไว้ แล้วจุ๊บเข้าที่ริมฝีปากของเขาหนึ่งที
แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่มีประสบการณ์อะไรหรอก คุณคือรักแรกของฉัน ฉันมีคุณเป็นแฟนคนเดียว จริง ๆนะ!”
ในใจ:ส่วนผู้ชายในอดีตเหล่านั้นเป็นแค่เพียงวัชพืชในช่วงสมัยวัยรุ่นที่ไม่ประสาเท่านั้น ใช่ วัชพืชไม่สมควรที่จะเรียกว่าแฟน
ใบหน้ารูปงามของเย้นโม่หลินรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เหมือนกับยังรู้สึกถึงความนุ่มนวลที่มุมปาก
เขาเบือนหน้าหนี “ได้เวลาออกไปทำงานแล้ว”
เขาลุกหนีอย่างตะลีตะลาน
กู้จื่อเฟยมองแผ่นหลังของเขาและอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น อยู่ด้วยกันนานขนาดนี้แล้ว พี่เย้นยังเป็นคนที่ขี้อายอย่างนี้อีก
ช่างน่ารักจังเลย
หวังเพียงแต่ว่าจะสามารถหาตัวเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินให้เจอโดยเร็ว ทุกคนกลับบ้านด้วยกัน ถึงจะเป็นความสุขที่แท้จริง สมบูรณ์แบบ
ผ่านการครุ่นคิดไตร่ตรองและโน้มน้าวตัวเองมาตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้น ป่ายฉีก็ได้พาหานจื่อไปที่ตัวเมือง
เขาพาเธอไปที่ชุมชนระดับกลางแห่งหนึ่งในใจกลางเมือง ชุมชนนี้มีผู้คนพลุกพล่าน ทั้งข้างถนนและพื้นที่พักผ่อน ทุกที่ล้วนมีคนที่เดินเล่นและเดินออกกำลังกาย
ความจริงแล้วหานจื่อไม่ค่อยคุ้นเคยกับบรรยากาศที่มีคนพลุกพล่าน จึงเดินค่อนข้างเร็ว
แต่ป่ายฉีนั้นกลับเดินอย่างเชื่องช้า และยังอัดเข้าไปในลิฟต์เล็ก ๆ พร้อมกับคนอื่น ๆ อีก
ในลิฟต์มีป้าสามคน มองดูคู่รักคู่นี้ที่ชายหล่อหญิงงามเดินเข้ามา จึงแสดงความเป็นกันเองและทักทายทันที
“แม่หนู พวกคุณมาดูบ้านกันหรือว่าเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่กันจ๊ะ”
หานจื่อสีหน้าเรียบเฉย ไม่สนใจ
ป่ายฉียกยิ้มให้เบา ๆ เพื่อสร้างมนุษยสัมพันธ์ดีกับเพื่อนบ้าน “คุณป้าครับ พวกเราเพิ่งจะซื้อบ้าน และเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ พักอยู่ที่ชั้น16ครับ ต่อไปก็เป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว มีเวลาว่างก็มาเที่ยวหาที่บ้านผมได้นะครับ”
“บังเอิญจังเลย ป้าพักอยู่ที่ชั้น17 พวกเราชั้นบนชั้นล่าง”
คุณป้ายิ้มอย่างมีความสุข แววตาที่มองป่ายฉีกับหานจื่อก็ยิ่งอ่อนโยนมากขึ้น “พวกคุณเพิ่งย้ายเข้ามา ต้องการให้ช่วยเหลืออะไร ก็บอกป้าได้เลยนะ”
“ได้ครับคุณป้า”
ป่ายฉีตอบกลับอย่างมีมารยาท มีมนุษยสัมพันธ์ดี
คุยสนทนากับป้าๆเข้ากันได้ดิบได้ดี เป็นกันเองสุดๆ
หานจื่อสีหน้าเย็นชา ตั้งแต่ต้นจนจบใบหน้าเรียบเฉย อีกทั้งรู้สึกว่าป่ายฉีนั้นเป็นบ้า