สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1257 มวย
ป่ายฉีที่ยังคงหงุดหงิด สักพักก็เห็นกุ้งกองเต็มหน้า
เขายังไม่ทันได้ทานสักตัว!
ไม่มีเวลาที่จะไปโต้เถียงกับยัยคิงคอง เขารีบหยิบมาทาน แต่เมื่อเอาเข้าไปในปาก สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนทันที
“ถุย ๆ ๆ นี่เทเกลือทั้งถุงเลยหรือไง ทำไมถึงเค็มขนาดนี้”
ป่ายฉีอาเจียนออกมาแล้วก็ล้างปากสองสามครั้ง ถึงได้รู้สึกดีขึ้น
ในชีวิตนี้เขายังไม่เคยทานของที่เค็มขนาดนี้มาก่อน จะต้องเป็นตอนที่เชฟทำแล้วไม่ทันระวังทำเกลือหกอย่างแน่นอน โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้
ถึงได้ทำออกมารสชาติแย่อย่างนี้
“เฮ้ย ยัยคิงคอง ไม่ต้องทานแล้ว เค็มขนาดนี้คุณไม่รู้สึกทรมานเหรอ”
ป่ายฉีนับถือหานจื่อจริง ๆ เลย กุ้งมังกรน้อยเค็มขนาดนี้ เธอกลับทานไปเป็นกอง และหว่างคิ้วไม่เหี่ยวไม่ย่นอีก
ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่สามารถทนความเจ็บปวดได้ แม้แต่ต่อมรับรสยังถูกทำลาย
ช่างโหดเหี้ยมกับตัวเองเหลือเกิน
หานจื่อที่กำลังทานกุ้งอยู่ได้หยุดชะงัก มองป่ายฉี แล้วก็มองดูจานกุ้งมังกรน้อย ทันในนั้นเหมือนตระหนักถึงอะไรบางอย่าง
สักพัก เธอถึงขึ้นกล่าวเบาๆ:
“ต่อมรับรสกับต่อมรับความรู้สึกของฉันนั้นเหมือนกัน ค่อนข้างช้า เกือบจะเท่ากับศูนย์ แต่ว่ายังเหลืออีกนิดหน่อย กุ้งมังกรน้อยจานนี้ฉันทานแล้วไม่รู้สึกเค็ม ตรงกันข้าม……”
เธอหยุดชะงัก มองกุ้งมังกรน้อยส่วนที่เหลือ แววตากะพริบอยู่ตลอดเวลา “เป็นครั้งแรกที่ฉันรับรู้ถึงรสชาติของอาหาร”
อาหารก่อนหน้านี้ทั้งหมด เธอทานอย่างไร้รสชาติ
นี่เป็นครั้งแรกที่รับรู้รสชาติเค็ม สำหรับเธอแล้ว เป็นรสเค็มที่กำลังพอดิบพอดี และเธอเพิ่งจะพบว่า ที่แท้การทานอาหารนั้นมีรสชาติ
ป่ายฉีตะลึงงัน มองหานจื่อค่อนข้างที่จะประหลาดใจ
วันนี้เขาเพิ่งจะรู้ว่าต่อมรับรสชาติของเธอนั้นเป็นแบบนี้ ถึงว่าเธอถึงไม่มีความอยากในการทาน
ไม่สามารถสัมผัสถึงรสชาติของอาหาร ราวกับไม่มีรสชาติ แล้วจะเกิดความอยากได้อย่างไร
ก็เหมือนกับชีวิตของเธอ เป็นหุ่นยนต์ที่คนอื่นสร้างขึ้น ไม่มีความสนุก ไม่มีความหวัง ไม่มีแม้แต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ
เขารู้สึกสงสารเห็นใจเธอขึ้นมาทันที
ผ่านไปสักพัก ป่ายฉี:”อย่างนั้นคุณคิดว่าว่ากุ้งมังกรน้อยนี้อร่อยไหม”
หานจื่อมองกุ้งมังกรน้อยในจาน “ฉันไม่รู้ว่าแบบไหนถือว่าอร่อย แต่อันนี้มีรสชาติ สำหรับฉันแล้ว ไม่เลวทีเดียว ฉันอยากทานมัน”
พลางพูดเธอก็พลางหยิบกุ้งมังกรส่วนที่เหลือมาทานต่อ
การทานข้าวสำหรับเธอแล้ว เป็นภารกิจที่ทำให้เธอมีชีวิตต่อไปมาโดยตลอด มีเพียงตอนนี้ เธอรู้สึกว่าแตกต่างเล็กน้อย คือเธอเองที่อยากทาน อยากจะลิ้มลองรสชาตินี้
ป่ายฉีมองดูท่าทางการทานของเธออย่างไม่ละสายตา มุมปากอดไม่ได้ที่ผุดรอยยิ้มออกมา
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สังเกตเห็น ว่าแววตาที่เขามองเธอนั้นซ่อนด้วยความอบอุ่น
มีประสบการณ์การทานกุ้งมังกรน้อยมาแล้ว ป่ายฉีจึงได้ให้หานจื่อลองทำอาหารอย่างอื่น แล้วใส่รสชาติเข้มข้นจัดจ้าน เพื่อสนองต่อมรับรสชาติของเธอ
ไม่อาจไม่ยอมรับว่า หานจื่อเป็นอัจฉริยะในโลกของการทำอาหาร
ถึงแม้เป็นเพียงการลองทำหรือการค้นคว้าของเธอ แต่อาหารที่เธอทำออกมาล้วนดูน่ารับประทาน ได้กลิ่นหอมก็ทำให้คนถึงกับน้ำลายไหล
เพียงแต่รสชาตินั้นค่อนข้างเข้มข้นกว่าอาหารทั่วไปถึงสิบเท่า ป่ายฉีทานไม่ได้แม้แต่คำเดียว
แต่ว่าหานจื่อกลับทานอย่างมีความสุข
ไม่เพียงแต่เกลือเท่านั้น ยังมีรสชาติของเครื่องเทศชนิดต่าง ๆ อีกด้วย หลังผ่านกระบวนการการทำพิเศษจากเธอ คุณภาพและรสชาติของอาหารก็ดีขึ้น ทำให้ต่อมรับรสที่ด้านชาของเธอ ได้สัมผัสลิ้มลองถึงรสชาติเดิมของอาหาร
หานจื่อยิ่งตระหนักถึงความหมายของอาหารมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในทุก ๆ วันของเธอ เริ่มมีความสนใจ นั่นก็คือการทำอาหาร ทำอาหารสารพัดอย่างให้ตัวเธอเองทาน
ทุก ๆ ครั้งที่ได้ทาน เธอรู้สึกถึงความเพลิดเพลิน
ป่ายฉีมีความสุขที่ได้เห็นแบบนี้ แต่ว่าทุกครั้งที่เห็นหานจื่อทานอย่างเอร็ดอร่อยนั้น ก็เป็นเวลาที่เขาทรมานที่สุด
เพราะว่าอาหารที่หานจื่อทำมานั้นทานแทบไม่ได้เลย ดังนั้นจึงได้แต่สั่งอาหารมาจากด้านนอก
และอาหารที่สั่งมาจากด้านนอกหอมสู้อาหารที่หานจื่อทำไม่ได้ ตรงกันข้ามแต่ละมื้อของเขานั้นจืดชืดไม่มีรสชาติเลย
เขาถึงขั้นที่รู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากรู้อย่างนี้เขาจะไม่สั่งกุ้งมังกรน้อยนั้นเลย ไม่ให้หานจื่อรู้ความลับของต่อมรับรสของอาหาร อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถได้ทานอาหารดี ๆ
น่าสงสาร เศร้า อนาถใจ
หลายวันต่อมา ป่ายฉีกับหานจื่อต่างก็พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กนี้ ใช้ชีวิตยามว่างที่น่าเบื่อในการทำอาหารทาน นอนหลับ เล่นแคนดี้ครัซ
หานจื่อเองก็ยิ่งอยู่ยิ่งคุ้นเคยกับ”บ้าน”หลังนี้ ทุกครั้งที่เข้าออกห้องครัวทุกอย่างก็สะดวก
แม้แต่บางครั้งที่ป่ายฉีตั้งใจทำของในบ้านให้รก เธอก็จะเก็บกวาดให้เข้าที่
หลายวันผ่านไป เธอก็คุ้นเคยกับของทุกชิ้นที่นี่ และก็ค่อยๆซึมซับเข้าไปในกระดูกและชีวิตประจำวันของเธอ
วันนี้ ป่ายฉีที่นอนอยู่บนโซฟา จู่ ๆ กลับเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จกะทันหัน แล้วบอกว่าจะออกไป ในขณะที่ยังไม่ได้เจาะเลือดมาทำการวิจัย
หานจื่อที่กำลังศึกษาเมนูทำอาหารได้เงยหน้าขึ้น “ออกไปทำอะไร”
เธอไม่ได้ลุกขึ้นเดินตามทันที แต่เป็นเพราะเธอไม่อยากจะออกไป
ป่ายฉียิ้มตาหยีมองเธอ “ไปหางานทำ”
หานจื่อสีหน้ามึนงง “หางานทำทำไม ฉันไม่ได้ต้องการเงินสักหน่อย”
ชะงักไปครู่หนึ่ง เธอก็เสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยค “คุณเองก็ไม่ได้เดือดร้อนเงินนิ”
ป่ายฉียิ้มอย่างลึกซึ้ง “หางานทำก็ไม่จำเป็นต้องทำเพื่อเงินเสมอ สามารถทำเพื่อเป็นการสัมผัสชีวิตก็ได้”
หานจื่อมักจะเถียงสู้ป่ายฉีไม่ได้ เนื่องด้วยการเดิมพันยังอยู่ เธอยังคงต้องเชื่อฟังและทำตาม
เธอถูกป่ายฉีพามาที่ค่ายมวย
ป่ายฉีหางานให้เธอ ให้เธอเป็นครูฝึกสอนมวย สอนคนชกมวย
หานจื่อขึ้นสังเวียน แค่หมัดเดียวก็ชกหน้าอีกฝ่ายแตกยับ ทำให้คนที่อยู่ในค่ายมวยถึงกับตกใจจนตัวสั่นสะท้าน
ป่ายฉีไม่รู้สึกแปลกใจ และพูดกับหานจื่ออย่างใจเย็นว่า “คุณจะต้องควบคุมพละกำลังของคุณ คุณคือครูฝึก เป้าหมายของคุณคือสอนลูกศิษย์ให้ชกเป็น ไม่ใช่เป็นการชกให้ลูกศิษย์แพ้”
หานจื่อมองลูกศิษย์ที่กำลังโอดโอยนอนอยู่บนพื้น สักพักถึงได้เปล่งคำออกมาจากช่องไรฟัน “ฉันจะพยายาม”
ป่ายฉีพยักหน้าอย่างพอใจ และยิ้มตาหยีให้กับเหล่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านล่างแล้วกล่าวว่า :
“คนต่อไป ใคร?”
เหล่าชายหนุ่มถอยหลังกันอย่างเพียบพร้อม และส่ายหน้า
ขึ้นไป? ให้โดนชกจนแหลกอย่างนั้นเหรอ
ป่ายฉีหันหน้าไปมองผู้จัดการค่าย ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มนั้น เห็นแล้วทำให้คนยิ่งรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง
“ในเมื่อไม่มีคนกล้า อย่างนั้นคุณก็จัดคนมาได้เลย”
ผู้จัดการเหงื่อแตกซิก
เชี่ย นี่มันใช่ส่งไปเรียนมวยที่ไหนกัน ส่งคนไปตายชัดๆ
แต่อำนาจของป่ายฉีนี้มากมายเหลือเกิน ต่อให้เป็นการส่งไปตาย พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะขัดใจได้ ต่อให้ลูกศิษย์เหล่านี้จะกลัวมากแค่ไหนก็ต้องฝืนทน
สุดท้าย ผู้จัดการใช้วิธีการจับฉลาก แล้วโยนลูกศิษย์หนึ่งคนขึ้นมา
ลูกศิษย์คนนั้นใบหน้ากังวล ยืนตัวสั่นเทาอยู่ตรงด้านหน้าหานจื่อ “ครู ครูฝึก ครูโปรดออม ออมมือให้หน่อยนะครับ”
ใบหน้าที่เรียบเฉยของหานจื่อ รู้สึกว่าคนคนนี้ช่างขี้ขลาดตาขาวมาก
แต่ว่าพละกำลังของเธอ เธอพยายามเบามือที่สุด
ครั้นแล้ว คนที่สองนี้เพียงลงจากเวทีด้วยกระดูกหักเท่านั้น
ป่ายฉีปรบมือบอกว่าดี “ลองอีก เมื่อคุณทำให้คนอื่นไม่ได้รับบาดเจ็บแล้ว ก็จะสามารถเป็นครูฝึกอย่างเป็นทางการได้”
เหล่าลูกศิษย์:”……” รู้สึกว่าพวกเขาไม่ใช่ลูกศิษย์