สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1264 คนตระกูลเย้น
โห้หลีเฉินแทบจะเป็นบ้า เขาหยิบเสื้อโค้ตขึ้นมา แล้วสวมรองเท้าแตะ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากบ้านพัก
วิ่งไปด้วยโทรศัพท์ไปด้วย “เว่ยชี รีบปิดเมืองหนานเดี๋ยวนี้ แล้วเรียกรวมตัวทุกคน…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ จู่ๆ ทางตรงหน้าเขา ก็ถูกขวางไว้
เก่อหรูซวนมีท่าทางเคารพอย่างมืออาชีพ แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ท่านประธานคะ ตอนนี้คุณจะไปไม่ได้นะคะ คุณกับฟีเจ๊กมอนมีนัดคุยกันที่สนามเบสบอลเกี่ยวกับเรื่องร่วมงานกัน ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลานัดแล้วค่ะ”
“เลื่อนเวลาออกไป!”
โห้หลีเฉินเดินไปทางซ้าย และกำลังจะเดินผ่านเก่อหรูซวน แต่เธอก็ขยับไปขวางทางซ้าย ขวางทางของโห้หลีเฉินไว้
พอเผชิญหน้ากับเจ้านาย เก่อหรูซวนก็ยังคงมั่นคง แล้วพูดเน้นทุกถ้อยคำ
“นัดของฟีเจ๊กมอน คุณต้องไปค่ะ”
โห้หลีเฉินรู้สึกหงุดหงิดมาก สายตาของเขาจ้องไปที่เก่อหรูซวนอย่างดุร้าย และไอเย็นทั่วร่างกายของเขาก็แผ่กระจายออกมา ดูน่ากลัวมาก
เขาพูดอย่างเย็นชา “ถอยไป”
เก่อหรูซวนยืนตัวตรง ไม่มีอาการหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
รังสีอันทรงพลังของชายหนุ่ม ทำให้เธออดที่จะอยากถอยหนีไม่ได้
แต่สุดท้าย เธอก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
แววตาของเธอร้อนแรง “ท่านประธานคะ อย่าลืมความทะเยอทะยานของคุณในตอนนี้ไปสิคะ เย้นหว่านเราตามหาทีหลังได้ แต่การร่วมมือกับฟีเจ๊กมอนในครั้งนี้ จะล่าช้าไม่ได้นะคะ”
“โปรดแยกแยะให้ชัดเจนด้วยค่ะ ว่าเรื่องไหนสำคัญกว่ากัน”
เรื่องไหนสำคัญกว่ากันอย่างนั้นเหรอ?
เก่อหรูซวนสำหรับโห้หลีเฉินแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเย้นหว่าน รวมถึงชีวิตของเขาเองด้วย
เขามองไปที่เก่อหรูซวนด้วยสีหน้าเย็นชา แววตาคมกริบ ราวกับจะฟันเธอนับพันครั้ง
แต่ว่า วินาทีต่อมา เขากลับเดินกลับไปที่บ้านพัก
ขณะที่เขาเดินไปด้วย พร้อมกับพูดไปในโทรศัพท์
“ไม่จำเป็นต้องปิดเมืองหนานแล้ว ทำตามแผนเดิม เตรียมบอดี้การ์ดที่ฝีมือดีที่สุด เตรียมต้อนรับ และปกป้องฟีเจ๊กมอน เพื่อให้แน่ใจว่าการเจรจาระหว่างฉันกับเขาดำเนินไปได้อย่างราบรื่น”
พอพูดจบ เขาก็กดวางสายไป
พอก้าวเข้าไปในบ้านพัก ในวินาทีนั้นเอง เขาเหมือนก้าวเข้าไปในกลุ่มหมอกควันที่มืดมิดไร้ขอบเขต
เก่อหรูซวนยืนอยู่ในบ้าน มองแผ่นหลังของชายหนุ่ม ริมฝีปากสีแดงของเธอ ยกยิ้มอย่างเย่อหยิ่งและได้ใจ
เธอกำหมัดแน่น กระซิบพูดกับตัวเอง
“เย้นหว่าน เธอกลับมาช้าไปแล้ว”
…..
ในช่วงกลางคืน ท้องฟ้าดึกดื่นมืดมิด
รถโรลส์-รอยซ์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่มีเพียงสามคันในโลกได้หยุดจอดอย่างช้าๆ บนถนนหน้าบ้านพักในอาคารส้ายน่า
แสงไฟหน้ารถส่องสว่างไปที่คนที่อยู่บนถนน
แสงไฟนั้นสว่างมาก จนแทบมองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขาอย่างชัดเจน แต่โห้หลีเฉินรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร
เขาพูดกับเก่อหรูซวนที่นั่งข้างตรงคนขับ “คุณกลับไปเถอะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันเรื่องงาน”
เก่อหรูซวนขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างกังวลใจ
“ท่านประธานคะ ให้ดิฉันอยู่ช่วยงานไหมคะ พวกเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นมิตร น่าจะรับมือยาก”
“ไม่จำเป็น”
โห้หลีเฉินปฏิเสธโดยไม่ลังเล จากนั้น เขาก็เปิดประตูรถ แล้วเดินลงจากรถไป
คนขับทำตามคำสั่งของเขา ขับออกไป
แสงไฟของรถห่างออกไป อาศัยแสงของโคมไฟข้างถนน เงาของกลุ่มคนที่ยืนอยู่บนถนน สามารถมองเห็นหน้าตาของพวกเขาได้ชัดเจน
พวกเขาคือคนตระกูลเย้น
เย้นเจิ้นจื๋อกับภรรยา เย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟย แล้วยังมีป่ายฉี
พวกเขามากันทั้งหมด พร้อมกับมองเขาด้วยดวงตาที่ร้อนแรงแผดเผา
ในสายตานั้น มีความซับซ้อนและอารมณ์แปรปรวนผสมปนเปไปหมด
เย้นเจิ้นจื๋อกับกงจืออวีพยายามอดกลั้นอารมณ์อย่างเต็มที่ เย้นโม่หลินพยายามกลั้นความโมโหเอาไว้ กู้จื่อเฟยเองก็กังวลและไม่สบายใจอย่างปิดไม่อยู่ ส่วนป่ายฉี…
เขารีบพุ่งตรงไปที่โห้หลีเฉิน แล้วคว้าคอเสื้อของเขา ก่อนจะ “ปึง”ชกไปที่หน้าของโห้หลีเฉิน
“โห้หลีเฉิน ฉันไม่นึกเลยว่านายจะเป็นคนเลวขนาดนี้ บ้าเอ๊ย!”
โห้หลีเฉินถูกชกจนถอยหลังไปหลายก้าว หลังจากยืนอย่างมั่นคงแล้ว เขาก็ใช้หลังมือเช็ดเลือดตรงมุมปากออก ดวงตาของเขาเย็นเยียบราวกับลมฤดูใบไม้ร่วง ดูเย็นชาและไร้ความรู้สึก
น้ำเสียงของเขาดูเยือกเย็นมาก “ผมเคยพูดไว้แล้ว ให้พวกคุณห้ามมาเมืองหนาน ห้ามมาปรากฏตัวตรงหน้าผม พวกคุณเห็นคำเตือนของผมเป็นแค่คำพูดที่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหรือไง?”
“ในเวลานี้แล้วนายยังจะกล้าพูดเรื่องนี้อีก?”
ป่ายฉีโกรธมาก ยกกำปั้นขึ้นตั้งใจจะชกหน้าโห้หลีเฉินอีกครั้ง ไม่ชกให้ตายเขาไม่สามารถระบายความแค้นในใจลงได้
กงจืออวีรีบก้าวไปข้างหน้า จับป่ายฉีไว้ แล้วส่ายหน้าห้ามเขาไว้
ขอบตาของเธอแดงก่ำ ในดวงตาของเธอมีประกายน้ำตา ก่อนจะพูดกับโห้หลีเฉินด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“หลีเฉิน ถึงแม้ตอนนี้ลูกจะเกลียดพวกเรา แต่พวกเราก็เคยเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าลูกยอม เราก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกันต่อไป”
“ถ้าลูกไม่ชอบ เราจะไม่มารบกวนลูกเลย แต่เมื่อวานแม่ได้ยินมาว่าเสี่ยวหว่านกลับมาเเล้ว…”
พูดไปด้วย น้ำตาของกงจืออวีที่พยายามกลั้นไว้ ก็ไหลออกมาจากดวงตาอย่างรวดเร็ว
เธอเอามือปิดปาก แล้วสะอื้นอยู่สักพัก ก่อนจะพูดต่ออย่างยากลำบาก
“พวกเราคิดถึงเสี่ยวหว่านมาก พวกเราอยากเจอเธอ ลูกไม่ตามหาเธอ ลูกรู้แล้วใช่ไหมว่าเธออยู่ที่ไหน ลูกให้แม่ได้เจอเธอสักครั้งได้ไหม แค่สักครั้งก็ยังดี”
นายหญิงตระกูลเย้นผู้สูงศักดิ์ ในเวลานี้ กลับลดตัวลงมา แล้วอ้อนวอนขอร้องลูกเขยของเธอ เพื่อจะได้เจอลูกสาวของเธอ
ความคิดถึงนั้น มันเจ็บลึกเข้าไปถึงกระดูก
แต่ถึงอย่างนั้น ในสายตาของโห้หลีเฉิน ไม่สามารถกระตุ้นความเห็นใจและความสงสารจากเขาได้เลยแม้แต่น้อย
อีกทั้งสายตาของเขายังเย็นชาทะลุกระดูก
“ในเมื่อรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ก็ไม่ควรทำแบบนั้นตั้งแต่แรก ตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุกับเย้นหว่าน พวกคุณก็สูญเสียคุณสมบัติที่จะเป็นคนในครอบครัวของเธอแล้ว ตอนนี้อย่ามาพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวต่อหน้าผม”
“ผมไม่รู้ว่าเย้นหว่านอยู่ที่ไหน ถึงแม้ผมจะรู้ ผมก็จะไม่ให้พวกคุณได้พบเธอแน่นอน”
“นี่คือการตัดสินใจของผม”
คำพูดแต่ละคำเย็นชามาก
ถึงจะมีความแค้นเคือง ก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น
กงจืออวีเจ็บปวดและเสียใจมาก สีหน้าของเธอซีดเซียว ใกล้จะเป็นลมไป
ป่ายฉีที่เพิ่งควบคุมอารมณ์โมโหของตัวเองได้ ตอนนี้อารมณ์เริ่มก็พุ่งสูงขึ้นมาอีกครั้ง เขาตะโกนอย่างโกรธเคือง
“โห้หลีเฉิน นายมันไม่ใช่มนุษย์! เสี่ยวหว่านตกหลุมรักนายถือว่าเธอตาบอด! ที่บอกว่าตัดขาดความสัมพันธ์ จริง ๆ แล้วนายแค่ต้องการตัดความสัมพันธ์กับพวกเรา แล้วไปมั่วสุมกับบรรดาสาวๆ พวกนั้นใช่ไหม หลายปีมานี้ ข้างกายของนายมีผู้หญิงโผล่ขึ้นมาหลายคน นี่คือจุดหมายที่แท้จริงของนายใช่ไหม”
ดวงตาที่เยือกเย็นของโห้หลีเฉิน ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้นเลย
“ใช่หรือไม่ใช่ แล้วมันยังไง เกี่ยวอะไรกับนาย ผมขอเตือนพวกคุณไว้เลยนะ ก่อนรุ่งสาง ออกไปจากเมืองหนาน ไม่อย่างนั้น โอกาสในการวิดีโอคอลระหว่างพวกคุณกับหยูเซิงและจือซินปีละครั้ง ก็จะไม่มีอีก”
สีหน้าของทุกคนในตระกูลเย้นไม่น่าดูเอามากๆ
เย้นโม่หลินแทบจะพุ่งเข้าไปทำร้ายโห้หลีเฉินอย่างทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน แต่กลับถูกกู้จื่อเฟยจับแขนของเขาไว้แน่นถึงจะสงบลงได้
กู้จื่อเฟยกัดฟันทน “อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นนะคะ! พวกเด็ก ๆ ยังอยู่กับเขา เสี่ยวหว่านก็ต้องพึ่งพาเขาเพื่อตามหาเบาะแส”
ในตอนนี้ พวกเธอไม่สามารถทำร้ายโห้หลีเฉิน พวกเธอถูกเขาจับจุดอ่อนไว้ จนทำอะไรไม่ได้เลย
สีหน้าของเย้นโม่หลินบึ้งตึงมาก เขาไม่เคยรู้สึกไร้ประโยชน์ขนาดนี้มาก่อน
แทบจะจัดการโห้หลีเฉินให้สิ้นท่า
เมื่อก่อนเธอคงจะตาบอด ถึงได้คิดว่าเขาเป็นคนดี แล้วยอมให้เขาคบกับเย้นหว่าน
ถ้าเย้นหว่านเห็นเขาปฏิบัติต่อคนในครอบครัวของเธอแบบนี้ เธอจะยังรักผู้ชายเลวร้ายคนนี้อยู่ไหม?