สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1265 สามปีมานี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“หลีเฉิน แม่ไม่ขอให้ลูกยอมรับเรา แม่สัญญาว่าพรุ่งนี้จะออกเดินทางแต่เช้า แต่อย่างน้อยก็ช่วยบอกแม่ที ว่าตอนนี้เสี่ยวหว่านอยู่ที่ไหน แม่อยากเจอเธอมาก”
กงจืออวีน้ำตานองหน้า แล้วพูดเสริมอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ “แม่สัญญาว่าจะไม่พาเสี่ยวหว่านกลับไป แค่ได้เห็นว่าเธอสบายดีด้วยตาของตัวเองก็พอแล้ว”
โห้หลีเฉินพูดอย่างเย็นชา “พวกคุณตรวจสอบมาแล้วไม่ใช่หรือไง เย้นหว่านหนีไปตั้งแต่เช้าแล้ว ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
“แต่เมื่อคืนนี้ลูกเป็นคนเดียวที่เห็นเธอ เธอได้บอกลูกหรือเปล่าว่าเธออยู่ที่ไหน” กงจืออวีถามอย่างระมัดระวัง
ท่าทางกังวลเป็นอย่างมาก
แต่โห้หลีเฉินดับความหวังทั้งหมดของเธออย่างไร้ความปรานี “ไม่รู้ ผมเองก็กำลังตามหาเธออยู่”
“นายกำลังตามหาเธออย่างนั้นเหรอ? บ้าเอ๊ย ฉันอยากจะฆ่านายให้ตายจริงๆ”
ป่ายฉีกระโดดตึงตังอย่างโกรธจัด มือซ้ายชกไปที่ฝ่ามือขวา “นายไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน แต่นายกลับไม่ออกตามหาเธอ แล้วยังมีกะจิตกะใจไปเล่นเบสบอล แล้วทานอาหารเย็นกับแม่เลขาของนาย โห้หลีเฉิน นายยังมีหัวใจอยู่ไหม ตกลงแล้วนายยังใส่ใจเสี่ยวหว่านอยู่ไหม”
โห้หลีเฉินไม่ได้เหลือบมองไปทางป่ายฉีที่กำลังกระโดดตึงตังอยู่เลย
สายตาที่เย็นชาจับจ้องไปที่เย้นเจิ้นจื๋อผู้เป็นหัวหน้าตระกูล น้ำเสียงของเขาดูเย็นชาและแข็งกร้าวมาก ไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยสักนิด และคุกคามอย่างเปิดเผย
“ผมจะตามหาเย้นหว่านให้เจอ เพื่อให้มั่นใจว่าเธอปลอดภัยดี และมีความสุข แต่พวกคุณ ต้องไปจากที่นี่ แล้วอย่าปรากฏตัวต่อหน้าผมอีก ไม่อย่างนั้น ผมอาจจะหาเย้นหว่านไม่เจอก็ได้”
พวกเขาไม่มีใครคิดเลยว่า โห้หลีเฉินจะใช้เย้นหว่านมาข่มขู่พวกเขาแบบนี้
คนที่บอกว่ารักเย้นหว่าน ในเวลานี้ กลับใช้เย้นหว่านมาข่มขู่พวกเขา
แม้แต่กงจืออวีที่รักษาท่าทีที่เป็นมิตรมาโดยตลอด ในตอนนี้ ยังเริ่มมีไฟสุมอยู่ในอก พอมองไปทางลูกเขยที่เคยแสนดีคนนี้ ตอนนี้กลับเหมือนคนแปลกหน้า
ความเย็นชาของเขา ความโหดร้ายของเขา ความไร้ความปรานีของเขา
เขาไม่ใช่คนเดิมคนนั้นอีกต่อไปแล้ว
เขาในตอนนี้ พวกเขาจะยอมยกเย้นหว่านให้เขาดูแลได้ยังไงกัน?
“โห้หลีเฉิน ตอบฉันมาตามตรง แค่คำถามนี้คำถามเดียว คุณยังรักเสี่ยวหว่านอยู่หรือเปล่า?”
กงจืออวีมองมาที่เขานิ่ง
“รักแน่นอนครับ” โห้หลีเฉินตอบโดยไม่ลังเล น้ำเสียงของเขาหนักแน่นราวกับหิน
แต่แววตาของเขายังคงเย็นชาและไร้ความรู้สึก
“ดังนั้น ตอนนี้พวกคุณกลับไปได้หรือยังครับ”
“วันนี้ฉันไม่ฆ่านายให้ตาย ฉันคงไม่ใช่คนคนอีกต่อไป!” ป่ายฉีกำลังจะพุ่งเข้าใส่โห้หลีเฉินด้วยความโกรธ
กงจืออวีจับเขาไว้แน่น “ไป ไปกันเถอะ อยู่ที่นี่ก็หาเสี่ยวหว่านไม่เจอ เรากลับกันเถอะ”
“แต่ว่า ไม่อัดโห้หลีเฉินสักทีผมคงทนไม่ไหว…”
“พวกเด็กๆ ยังอยู่กับเขา” กงจืออวีถอนหายใจ
ด้วยเหตุผลนี้ ป่ายฉีที่โกรธจัด ต้องปล่อยหมัดลง
เขากัดฟันแล้วจ้องไปทางโห้หลีเฉิน “รอฉันหาเสี่ยวหว่าน กับพวกเด็กๆ เจอก่อนเถอะ ฉันจะพาพวกเขาไปจากนาย โห้หลีเฉิน สักวันหนึ่ง ฉันจะทำให้นายรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่นายทำในวันนี้!”
เขาพูดทิ้งท้ายไว้อย่างดุร้าย ก่อนจะเดินจากไปอย่างโมโห
เงาของทั้งห้าคน ภายใต้โคมไฟข้างถนน จึงถูกดึงยาวออกไป
โห้หลีเฉินไม่ได้รอให้พวกเขาเดินไปไกล เขาก็เดินเข้าไปในเขตบ้าน แล้วเดินตรงเข้าไปในบ้าน
เหมือนไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีกแม้แต่นิดเดียว
เย็นชาเป็นอย่างมาก
ป่ายฉีหยุดเดิน แล้วทุบหน้าอกของตัวเองอย่างโกรธเคือง “ดูสิ นี่มันคนแบบไหนกัน ทำไมถึงเลือดเย็นและไร้ความรู้สึกแบบนี้! ถึงแม้จะโกรธพวกเรา และตำหนิพวกเรา แต่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือไง”
กงจืออวีมองไปทางบ้านพักด้วยสายตาที่ซับซ้อน จากนั้นก็ส่ายหน้าไปมา
ก่อนจะดึงป่ายฉีให้เดินต่อไป “เขาเห็นเย้นหว่านสำคัญกว่าชีวิตของเขาเองด้วยซ้ำ บางทีเขาอาจได้รับความเจ็บปวดมากเกินไป อย่าโกรธไปเลย เราแค่หาเย้นหว่านให้เจอก็พอแล้ว”
ป่ายฉีได้แต่ทนเก็บความโมโหกลับไปในท้องของตัวเองเท่านั้น
โห้หลีเฉินเดินจนถึงห้องนอน ไม่ได้เปิดไฟ ทำให้เขาตกอยู่ในความมืด
ด้วยแสงสลัวที่ลอดผ่านมาทางหน้าต่าง สายตาของเขามองตรงไปยังรูปแต่งงานที่วางอยู่ข้างเตียง
เป็นรูปของเขากับเย้นหว่าน
เขาเพ่งมองไปที่มัน ราวกับกำลังมองเธอผ่านรูปภาพนั้น
ความคิดถึงที่ฝังลึกเข้าไปในกระดูกแฝงด้วยความซึมเศร้า
“เย้นหว่าน…”
“ที่รักครับ…”
“คุณอยู่ที่ไหน?”
“ทำไมกลับมาแล้ว ยังจะทิ้งผมไปอีก”
“ผมคิดถึงคุณมากเหลือเกิน……”
“อยากให้คุณกลับมาอยู่เคียงข้างผม แต่ผมก็กลัวว่าคุณจะกลับมาอยู่เคียงข้างผมในตอนนี้…”
ในช่วงค่ำคืน ที่เงียบสงัดและหนาวเหน็บ ราวกับเหวลึก ที่สามารถกลืนกินเขาเข้าไปในความมืดมิดไม่รู้จบ
——
คลื่นกำลังกระทบเข้าฝั่ง พัดพาคลื่นที่แตกกระเซ็นซ่านจนเต็มท้องฟ้า
บนหาดทรายสีทองอร่าม มีรอยของล้อรถเข็นทิ้งยาว
บนชายทะเลอันเงียบสงบ มีแค่คนสองคน
ผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังเข็นรถเข็นที่ผู้ชายอีกคนกำลังนั่งอยู่
ลมทะเลพัดกระโปรงผ้าสีขาวของเธอ จนปลิวไปตามแรงลม เส้นผมของเธอถูกพัดไป เผยให้เห็นใบหน้าที่เรียบเนียนและสวยงามของเธอ
สีหน้าของเธอเรียบนิ่ง ในแววตาของเธอแฝงไปด้วยความโศกเศร้า
ชายหนุ่มที่นั่งรถวีลแชร์หันหน้าไปด้านข้าง แล้วมองเธอยิ้มๆ “เพิ่งได้เจอโห้หลีเฉินไป ตอนนี้ก็คิดถึงเขาแล้วเหรอ?”
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา โครงหน้าด้านข้างของเขานั้นสมบูรณ์แบบได้น่าตกใจมาก เหมือนผู้ชายที่จะปรากฏตัวได้แค่ในการ์ตูนเท่านั้น
แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นซีดเซียว ริมฝีปากของเขาไม่มีสีเลือดแม้แต่นิดเดียว เขาอยู่ในสภาพป่วยไข้และอ่อนแอมาก
สีหน้าของเขาดูอ่อนโยน และยิ้มแย้มอยู่เสมอ
ฝ่ายหญิงยิ้มตามเขาไปด้วย แต่รอยยิ้มนั้นไม่ถึงก้นบึ้งของดวงตาเธอเลย เธอพูดเสียงเรียบนิ่ง เหมือนกำลังพูดอย่างท้อแท้
“ไม่มีตอนไหนที่ฉันไม่คิดถึงเขา”
สามปีแล้ว ทุกนาทีทุกวินาที ยังคงคิดถึงอย่างสุดซึ้ง
เมื่อคืนตอนที่เจอเขา กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันบนเตียงตลอด แต่ก็ยากที่จะดับความคิดถึงนี้ได้
เธอคิดถึงเขา คิดถึงโห้หลีเฉิน คิดถึงจนจะบ้าอยู่แล้ว
“ผมขังคุณไว้สามปี เย้นหว่าน คุณเกลียดผมไหม”
ชายหนุ่มถามเสียงแผ่วเบา
ในขณะที่ถามว่าเกลียดหรือไม่ แต่ระหว่างคิ้วของเขากลับยังอ่อนโยนเสมอ รอยยิ้มของเขายังคงอบอุ่นไม่แปรเปลี่ยน
เย้นหว่านนิ่งอึ้งอยู่สักพัก คำถามนี้ เธอไม่รู้ว่าจะตอบออกไปยังไงดี
ในตอนแรกเธอเกลียดจริงๆ
ในตอนนั้น เธอระเบิดคฤหาสน์ตระกูลหยู คิดจะตายไปพร้อมกับหยูฉู่สอง เดิมทีเธอคิดว่าเธอจะต้องตายแน่ๆ แต่พอเธอตื่นขึ้นมา กลับเจอกับชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาคนนี้
ชื่อของเขาคือฉู่หยุนซี เขาช่วยชีวิตเธอไว้
ในตอนนั้นเย้นหว่านถึงได้รู้ ตอนที่คนของตระกูลหยูกับตระกูลเย้นต่อสู้กัน เบื้องหลังยังมีคนแบบนี้อยู่ด้วย กองกำลังที่ไม่มีใครรู้ กำลังจับตามองตระกูลหยูและตระกูลเย้นอย่างลับๆ รวมถึงจับตามองทุกการเคลื่อนไหวของกลุ่มอำนาจทั้งหมดด้วย
มีความสามารถ แม้แต่ในห้องลับของตระกูลหยู เขายังยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ ในตอนที่กำลังจะระเบิด เธอถูกพาเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดิน ทำให้รอดพ้นจากภัยพิบัติในครั้งนั้นไปได้
สิงโตที่ดุร้ายดูน่ากลัวมาก แต่ว่า งูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ก็อันตรายมากเช่นกัน
แต่โชคยังดี เขาไม่ได้คิดไม่ดีกับตระกูลเย้น และโห้หลีเฉิน
แต่ว่า เขาไม่ยอมปล่อยเธอไป
ในตอนแรกเย้นหว่านพยายามหลบหนีทุกวิถีทาง แต่ไม่ว่าเธอจะใช้วิธีไหน ไม่ว่าเธอจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อน ผู้ชายที่ดูป่วยกระออดกระแอดคนนี้ กลับจับเธอกลับมาได้ทุกครั้งไป
ต่อมา เย้นหว่านหมดหนทางแล้วจริงๆ จึงต้องยอมทำข้อตกลงกับเขา