สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1271 ฉีกหน้าผู้หญิงเสแสร้ง
เย้นหว่านทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอเดินลงไปด้วยความโกรธ
เธอกำลังจะปัดมือของเก่อหรูซวนทิ้ง และจัดการโห้หลีเฉินให้อ่วมอีกครั้ง
ตอนที่เธอเดินลงบันไดมา เก่อหรูซวนก็หยิบเสื้อคลุมขึ้นมาและกำลังจะคลุมบนไหล่ของโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินหลบตัวออกทันที สีหน้าของเขาเย็นชา น้ำเสียงของเขาก็ห่างเหิน “จากนี้ไป คุณไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้อีก”
“อะไรนะคะ?” เก่อหรูซวนถือเสื้อคลุมไว้ด้วยสีหน้างุนงง ก่อนจะจับเสื้อคลุมยืนเหม่ออยู่ที่เดิม
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินไม่แยแส และเป็นธรรมชาติมาก
“ภรรยาผมไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาเข้าใกล้ผม เธอจะหึงได้ จากนี้ไป คุณห้ามเข้าใกล้ผมในระยะหนึ่งเมตร”
สีหน้าของเก่อหรูซวนซีดเซียวราวกับกระดาษ
เธอมองไปที่โห้หลีเฉินอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรง ดูรับไม่ได้จริงๆ
“ท่านประธานคะ ดิฉันดูแลคุณแบบนี้มาสองปีแล้ว แล้วคุณก็ยอม…”
“นั่นก็เป็น ผมอยากจะทำให้เย้นหว่านหึงจนยอมกลับมาเท่านั้นเอง”
น้ำเสียงของเขาดูไร้ความรู้สึกและไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น
ในเวลานี้เก่อหรูซวนเหมือนถูกโยนลงนรก
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เธอรู้ว่าทำไมโห้หลีเฉินถึงยอมให้บรรดาผู้หญิงพวกนั้นเข้าใกล้ แต่ผู้หญิงพวกนั้นปรากฏตัวเคียงข้างโห้หลีเฉินได้เพียงครั้งเดียว และไม่มีครั้งที่สองอีกเลย
มีแค่เธอเพียงคนเดียว ที่อยู่เคียงข้างโห้หลีเฉินมาโดยตลอด อีกทั้งยังได้เป็นคู่ควงไปร่วมงานเลี้ยงหลายครั้ง ในชีวิตประจำวัน เธอก็คอยดูแลเขาทุกอย่าง
เธอนึกว่า ความสัมพันธ์เสื้อผ้าระหว่างพวกเธอ จะไม่ธรรมดามานานแล้ว
อย่างน้อย ในสายตาของเขา เธอก็น่าจะมีสถานะที่แตกต่างไปจากคนอื่น
แต่ในเวลานี้ พอได้ยินคำพูดของโห้หลีเฉิน เหมือนโดนตบใบหน้าอย่างแรง ทำให้เธอเข้าใจ ว่าเธอเป็นอะไร
เธอก็แค่ถูกใช้งาน ตั้งแต่ต้นจนจบ
สำหรับเขาแล้ว ไม่เคยมีเธออยู่ในใจเลย แต่เธอกลับโง่ คิดว่าเขามีเธออยู่ในใจ
เก่อหรูซวนรู้สึกอับอายและปวดใจเป็นอย่างมาก
“ปัง”
ในเวลานี้เอง มีเสียงเปิดประตูอย่างรุนแรง ก่อนที่เย้นหว่านจะเดินออกมาจากประตูช้าๆ
ในมือของเธอถือเสื้อโค้ตไว้ แล้วเดินไปหยุดยืนด้านข้างโห้หลีเฉิน แล้วกดไหล่ของโห้หลีเฉินอย่างแรง
สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยประกายดุร้าย “ฉันเป็นคนรักความสะอาด ผู้ชายของฉัน จะใส่ได้แค่เสื้อผ้าที่ฉันเตรียมให้ได้เท่านั้น ถ้ากล้าใส่ของคนอื่น ฉันจะ…”
ขณะที่เธอพูด เธอหยุดยืนตรงหน้าโห้หลีเฉิน แล้วดึงคอเสื้อเขาเข้าหาอย่างแรง แล้วพูดกับโห้หลีเฉิน “ฉันจะโยนคุณลงไปในอ่างกรดซัลฟูริก เพื่อชำระล้างผิวหนังที่สกปรกของคุณออก”
ใบหน้าที่หล่อเหลาของโห้หลีเฉินแดงก่ำเพราะถูกรัดคอ เขาไม่มีความคิดจะทำให้เธอขุ่นเคือง มุมปากของเขายกขึ้นอย่างอ่อนโยน
แม้จะเป็นการข่มขู่ที่ดุร้าย แต่เขาก็ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ได้ครับ”
เก่อหรูซวนมองภาพตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ แค่รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว
ในช่วงสองปีมานี้ เธออยู่เคียงข้างโห้หลีเฉิน เพลิดเพลินไปกับการถูกยกย่องนับถือของผู้หญิงคนเดียวที่สามารถยืนเคียงข้างเขาได้ สามารถควงแขนเขาได้ แล้วเข้าไปในหลายที่
แต่ว่า นี่เป็นเพียงสิ่งที่เธอมีความพิเศษมากกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ความพิเศษพวกนี้ เมื่อเทียบกับท่าทีของโห้หลีเฉินที่มีต่อเย้นหว่านแล้ว มันเทียบไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
เธอไม่เคยกล้าแม้แต่จะพูดอะไรเสียงดังกับโห้หลีเฉินสักคำเดียว แต่เย้นหว่านล่ะ เธอกล้าที่จะข่มขู่ชายหนุ่มผู้มีอำนาจคนนี้อย่างไม่เกรงกลัว
และความมั่นใจทั้งหมดของเย้นหว่านนั้น มาจากความรักของโห้หลีเฉินที่มีต่อเธอ
ความรักที่ไม่มีขีดจำกัด ยอมให้เธอทำอะไรได้ตามใจชอบ
หลังจากสั่งสอนโห้หลีเฉินเสร็จ เธอก็หอยหายใจปล่อยคอเสื้อของเขาลงอย่างโมโห ก่อนจะหันไปมองที่เก่อหรูซวน
พอมองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของเก่อหรูซวน ด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง เธอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้แอบคิดอะไรกับโห้หลีเฉิน
คนที่มีความคิดไม่บริสุทธิ์ต่อโห้หลีเฉิน ก็ไม่ควรปล่อยให้อยู่เคียงข้างโห้หลีเฉิน
แต่ว่า โห้หลีเฉินก็ไม่ยอมที่จะไล่เธอออก
ยิ่งฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นเท่านั้น เธอมองเก่อหรูซวนยังไงก็ไม่รื่นตา เธอจ้องเขม็งไปที่เก่อหรูซวน เหมือนตัวเม่นที่มีหนามแหลมทั่วร่างกายของเธอ
เย้นหว่านเชิดคาง แล้วทำท่าทีที่หยิ่งผยองออกมา ก่อนจะเอ่ยสั่งว่า
“คุณเป็นเลขาของโห้หลีเฉินใช่ไหม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่จำเป็นต้องดูแลชีวิตส่วนตัวของเขาอีก เขาจะหนาวหรือจะร้อน ฉันก็จะเป็นคนเตรียมเสื้อผ้าให้เขาเอง คุณไม่ต้องยื่นมือเข้ามายุ่ง เพราะฉันไม่ชอบให้มีคนมาแตะต้องผู้ชายของฉัน แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่ได้ เข้าใจไหม”
น้ำเสียงที่ทั้งดูถูกและเยาะเย้ยนั้น ทำให้เก่อหรูซวนรู้สึกอับอายเหมือนถูกตบหน้าในที่สาธารณะ
อีกทั้งยังอยู่หน้าโห้หลีเฉินด้วย
แต่ในสายตาของโห้หลีเฉินมีเพียงเย้นหว่าน แม้ว่าเธอจะพูดคำดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ออกมา แต่โห้หลีเฉินก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย ไม่โกรธ เหมือนเย้นหว่านคิดจะทำอะไร เขาก็สนับสนุน
ความโกรธที่สุมอยู่ในอกของเก่อหรูซวนแทบจะระเบิดออกมา เธออยากจะด่ากลับ และต่อสู้กลับ
แต่ว่า สติกลับบังคับให้เธอต้องอดกลั้นไว้
เย้นหว่านเป็นจุดอ่อนของโห้หลีเฉิน และเป็นหัวใจของเขา เธอจะทะเลาะกับเย้นหว่านไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้โห้หลีเฉินโกรธขึ้นมา
ไม่ว่าจะยังไง เธอจะทำอะไรผิดพลาดต่อหน้าโห้หลีเฉินอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้
เธอหายใจเข้าลึก เก่อหรูซวนพยายามระงับความโกรธในใจของเธอ แล้วรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ได้อย่างมืออาชีพ ไม่ตอบโต้อะไรกลับไป
“ได้ค่ะ เมื่อก่อนคุณไม่อยู่ ข้างกายท่านประธานไม่มีใครดูแล ดิฉันเลยทำสิ่งเหล่านี้แทน ต่อไปนี้ เรื่องพวกนี้คงต้องรบกวนคุณเย้นแล้วนะคะ ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจ ถามดิฉันได้ตลอดเลยนะคะ”
“แต่ว่า…” เก่อหรูซวนยกยิ้ม “ตอนท่านประธานทำงาน ประชุม หรือต้องไปร่วมงานเลี้ยง จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ในสถานการณ์แบบนั้นคุณเย้นไม่สามารถอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา ดิฉันคงต้องเป็นคนหยิบเสื้อผ้าให้ท่านประธานเปลี่ยนแทนนะคะ”
ฟังดูแล้ว เธอเหมือนคนใจกว้าง ถอยห่างอย่างรู้กาลเทศะ แต่ความจริงแล้ว ทุกคำล้วนมีตะปูที่แหลมคมซ่อนเร้นอยู่ จงใจพูดทิ่มแทงใจเย้นหว่าน
เย้นหว่านเองก็ไม่ใช่กระต่ายน้อยที่ไร้เดียงสาให้เธอบีบไว้ในกำมือได้ง่ายๆ จึงตอกกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า
“ฉันบอกไปแล้ว ว่าอย่าแตะต้องเขา ฟังไม่เข้าใจหรือไง ไม่ว่าจะที่บ้าน หรือว่าที่บริษัท ถึงแม้โห้หลีเฉินจะหนาวตายท่ามกลางหิมะ เขาก็ไม่ต้องการเสื้อผ้าที่คุณหยิบให้ ตอนนี้ฟังเข้าใจหรือยัง?”
น้ำเสียงดุดัน เหมือนผู้หญิงปากร้าย
สีหน้าของเก่อหรูซวนดูไม่ได้ขึ้นมา แต่ในใจของเธอก็แอบสะใจ เย้นหว่านพูดคำพูดที่ไม่มีเหตุผล และไม่สนใจสุขภาพของโห้หลีเฉินออกมา ไม่กลัวว่าโห้หลีเฉินจะปวดใจเลยหรือไง?
เป็นไปตามที่คาดไว้ ผู้หญิงธรรมดาสามัญอย่างเธอ พอหึงขึ้นมา ก็พูดอะไรไม่ทันคิดออกมา
ดวงตาของเก่อหรูซวนเป็นประกาย แล้วมองไปทางโห้หลีเฉินอย่างกังวลใจ “คุณเย้นคะ ทำแบบนี้คงไม่ดีนะคะ ท่านประธานไม่ใช่แค่จะไม่สะดวกเท่านั้น ยังมีโอกาสเป็นหวัดและไม่สบายได้ง่าย ไม่ว่าจะยังไง สุขภาพของท่านประธานก็สำคัญที่สุดนะคะ”
โห้หลีเฉินฉลาดขนาดนั้น พอเปรียบเทียบ ก็ต้องรู้ว่าระหว่างเย้นหว่านกับเธอ ใครที่เห็นแก่ตัวอิจฉาริษยา ใครที่ห่วงใยเขาจริงๆ
เก่อหรูซวนมองไปทางโห้หลีเฉินด้วยสีหน้าคาดหวังอย่างเต็มที่
ใบหน้าที่หล่อเหลาเย็นชาของโห้หลีเฉิน ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของเขาได้เลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เขาจะโกรธไหม หวั่นไหวบ้างหรือเปล่า หรือจะยังรักอีกฝ่ายอย่างไม่มีขีดจำกัด