สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1285 สัญญา
แต่เธอทำไม่ได้
ตอนนี้เธอไม่ใช่แค่กลับบ้าน ไม่ใช่แค่กำลังมีความรัก แต่กำลังอยู่ในสนามรบ กำลังทำสงคราม
สักพัก เย้นหว่านจึงควบคุมตัวเองได้ จากนั้นโทรหาใครบางคน
เธอเปลี่ยนเบอร์ใหม่ สายติดต่อออกไปเนิ่นนานกว่าจะมีคนรับ
ในสายมีเสียงเย็นชาน่าฟังของชายหนุ่มดังขึ้น “คุณเป็นใคร”
“ป่ายฉี ฉันเอง” น้ำเสียงของเย้นหว่านนั้นเบาและอ่อนโยน
คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศเงียบนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้น เสียงตะโกนก้องเสียดหูก็ดังเข้ามา
“เสี่ยวหว่าน นั่นคุณใช่ไหม”
เย้นหว่านถือโทรศัพท์ ในหัวนั้นเห็นภาพท่าทางกระโดดโลดเต้นดีใจของป่ายฉี มุมปากอดไม่ได้ยกยิ้มขึ้นมา
เวลาผ่านไปกว่าสามปี ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงเขาด้วยตัวเอง ติดต่อกับเขาได้แล้ว
รอยยิ้มงดงามปรากฏบนใบหน้าของเธอ ในรอยยิ้มนั้น มีหยดน้ำตาที่กั้นเอาไว้ไม่อยู่ “ฉันเอง ฉันกลับมาแล้ว”
“สวรรค์ ในที่สุดคุณก็ติดต่อผมมาแล้ว คุณไม่รู้ว่าผมคอยดูข่าวเมืองหนานอยู่ตลอด รู้ว่าคุณกลับมาแล้ว แทบอดไม่ได้ที่จะขับเครื่องบินไปหาคุณ”
แทบอดไม่ได้ที่จะมาหาเธอ แต่ก็ไม่มา
มีเรื่องราวและข่าวสารมากมาย
เย้นหว่านปวดใจขึ้นมา แม้ตลอดสามปีนี้เธอจะไม่อยู่ แต่เธอรู้ดี ตระกูลเย้น ป่ายฉี ลำบากเพราะเธอมามาก
เมื่อวานเธอทำลายการเซ็นสัญญาของโห้หลีเฉิน คนรู้ไปทั้งโลก ป่ายฉีเองก็คงรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว
เที่ยงวันนี้ยังมากินข้าวอย่างยิ่งใหญ่ ทำไมพวกเขาจะไม่รู้
หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาคงมาถึงเห็นที่สุด แต่ตอนนี้ กระทั่งคิดถึงเธอจะจะเป็นบ้าแต่ก็ไม่มา
เย้นหว่านเก็บเสียงสะอื้นเอาไว้ พยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ป่ายฉี ฉันโทรมาหาคุณ มีเรื่องสำคัญต้องบอก คุณฟังฉันให้จบ ทำตามที่ฉันบอก เรื่องที่ฉันติดต่อคุณ อย่าพึ่งบอกพี่ชายของฉัน คุณมาหาฉันที่เมืองหนาน ฉันจะรอคุณ”
“ผมเหรอ” ป่ายฉีแปลกใจ “ทำไมแม้กระทั่งเรื่องที่คุณติดต่อผมมาก็บอกพวกเขาไม่ได้ล่ะ”
“แต่อย่าพึ่งบอกตอนนี้เพียงเท่านั้น เรื่องอื่น คุณมาถึงแล้วฉันจะคุยต่อหน้า”
ป่ายฉีนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเอ่ยถาม “เสี่ยวหว่าน หากไม่มั่นใจว่าเป็นเสียงของคุณ ฉันคงคิดว่ากำลังมีคนปลอมตัวเป็นคุณ หลอกผมไปเมืองหนานแล้วกักขังผมเอาไว้”
เย้นหว่านหัวเราะ “เพราะรู้ว่าคุณแค่ฟังเสียงก็รู้ว่าจริงหรือปลอม ฉันถึงได้ติดต่อคุณไง รู้ว่าตัวเองมีความสามารถ โชคดีหรือเปล่า”
“โชคดีสิ โชคดี ผมดีใจเป็นบ้าเลย ในที่สุดก็ได้ยินเสียงของคุณแล้ว”
ป่ายฉีอารมณ์ดี ฟังแล้วเหมือนกำลังเคลื่อนไหว “ฉันจะไปขับเครื่องบินตอนนี้ ไม่นานก็ถึงเมืองหนาน โชคดีที่ผมเผื่อใจ ยังไม่กลับบ้าน กำลัง…”
“อย่าพึ่งพูดเลย”
เยี่ยนหว่านเอ่ยขัดคำพูดของป่ายฉี “คุณมาแล้วโทรหาฉันก็พอ อย่างอื่นอย่าพึ่งพูด”
ป่ายฉีเงียบไปชั่วครู่ คล้ายกำลังนึกอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นบอกเสียงเรียบ
“ได้ รอผมนะ” ชะงักไปชั่วครู่ เขาจึงกำชับ “เสี่ยวหว่าน ดูแลตัวเองให้ดี คุณเป็นองค์หญิงของตระกูลเย้น สำคัญกว่าใครทั้งนั้น เพื่อคุณตระกูลเย้นยอมแลกทุกอย่าง”
“อืม”
เย้นหว่านวางสาย
เธอมองหน้าจอโทรศัพท์เหม่อลอย น้ำตากลิ้งไปมาอยู่ที่ขอบตา
เธอไม่ให้ป่ายฉีพูด เพื่อเตือนว่าโทรศัพท์ของเธออาจถูกดักฟัง ดังนั้นประโยคสุดท้ายของป่ายฉี เพื่อบอกกับเธอ และเตือนคุณที่กำลังดักฟัง
เตือนพวกเขา หากแตะต้องเธอ ตระกูลเย้นจะทำทุกทางเพื่อเอาคืนแน่
เมื่อนัดหมายกับป่ายฉีแล้ว เยี่ยนหว่านจึงกลับมาที่ห้องเลขา
เก่อหรูซวนยังไม่กลับมา ในห้องมีเลขาไม่กี่คนกำลังยุ่งวุ่นวาย เลขาหลิวเองก็อยู่ด้วย
พวกเขาได้รับข่าวสารอย่างรวดเร็ว เมื่อมองเห็นเย้นหว่านเข้ามา ก็มารุมล้อมแสดงความยินดี
“คุณนาย ยินดีด้วยนะคะที่ได้อำนาจนั้นไป ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณจะไม่มีปัญหาอะไร”
“พวกเราได้ยินข่าวสถานการณ์การประชุมของคุณนายในวันนี้แล้ว คุณนายเก่งสุดยอดไปเลยค่ะ ได้โปรดยอมรับการคุกเข่าจากฉันด้วย”
“เมื่อก่อนคุณผู้ชายเป็นเทพบุตรของฉัน ตอนนี้คุณนายกลายเป็นเทพธิดาของฉันไปแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะเป็นลูกสมุนของคุณค่ะ”
ทุกคนต่างรุมล้อมเข้ามาชื่นชมด้วยรอยยิ้ม คำเยินยอเหล่านั้น นับเป็นการยอมรับที่มีต่อเย้นหว่าน
เย้นหว่านยิ้มรับคำยินดีของพวกเขา
“ต่อไปนี้เราทำงานร่วมกัน กลายเป็นเพื่อนร่วมงานแล้ว ฉันเป็นหัวหน้าเลขา จะดูแลทุกคนเป็นอย่างดี และหวังว่าทุกคนจะดูแลฉันด้วยนะคะ ยังไงฉันก็พึ่งมา มีหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจ”
“คุณนายวางใจได้ คุณไม่เข้าใจตรงไหน ถามพวกเราก็พอแล้วค่ะ”
“ใช่ค่ะ พวกเราจะบอกทุกอย่างที่รู้เลยค่ะ”
พวกเธอกระตือรือร้นมาก
เย้นหว่านไม่มีการต่อต้าน มีท่าทีที่ดี ไม่นานก็รวมเป็นหนึ่งกับพวกเขาได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
หนึ่งในนั้น เลขาหลิวเป็นคนที่ฉลาดที่สุด เป็นกันเอง สนิทกับเย้นหว่านที่สุด และเป็นเธอที่คอยอยู่เคียงข้างเย้นหว่านตลอด ช่วยเหลือเย้นหว่านเยอะที่สุด
หลังจากที่เลขาคนอื่นแยกตัวออกไป เก้าอี้ของเลขาหลินมาอยู่ข้างเย้นหว่าน มานั่งอยู่ด้วยกันกับเธอ ร่วมมือกันศึกษาอำนาจที่สอง
อธิบายให้เย้นหว่านฟังโดยละเอียด อำนาจที่สองนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง ดูอะไรได้บ้าง
ภายใต้การแนะนำของเธอ เย้นหว่านเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว
เย้นหว่านยังไม่กลับ คนอื่นก็ไม่มีใครกล้าลุกขึ้น ต่างพากันทำงานล่วงเวลาไปด้วยกัน
จนกระทั่ง ท่านประธานของพวกเขามาปรากฏตัวอยู่หน้าประตู มองมาที่เย้นหว่านด้วยสายตาอ่อนโยน
“ที่รัก เลิกงานแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”
เย้นหว่านเงยหน้าจากหน้าจอ มองเห็นแสงแดดอ่อนๆ ยามเย็น ชายหนุ่มยืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ งดงามราวกับภาพวาด ดูดีจนยากจะละสายตา
ใบหน้าของเขามีรอยยิ้ม ดวงตาอ่อนโยนนั้นทำให้คนแทบหลอมละลาย
ท่าทางรักใคร่ต่อเธอ คือความรักลึกซึ้งที่มีให้เธอ
เพียงแต่…
ก่อนหน้าที่พวกเขาพึ่งทะเลาะกัน และแยกกันอย่างไม่สุขไม่ใช่หรือ แต่ท่าทางของโห้หลีเฉินในตอนนี้ ราวกับไม่หลงเหลือการทะเลาะกันเช่นที่ผ่านมา
ท่าทางราวกับไม่เคยทะเลาะกันของเขานั้น ทำให้เธอสับสนอยู่ในใจ ยิ่งไม่รู้ว่า ควรยิ้มหรือรำคาญ บางที ท่าทางแบบนี้ของเขา ก็เพื่อแสดงความรักเสแสร้งอย่างนั้นหรือ
อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องแสดงออกว่ารักกันมาก
ความรู้สึกมากมายผ่านเข้ามาในหัวของเย้นหว่าน ใบหน้ากลับยิ้มหวานออกมา ลุกขึ้น
“ตั้งใจทำงาน เวลาผ่านไปเร็วมากเลยค่ะ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเลิกงานแล้ว”
เธอหันกลับไปมองเลขาหลิว “วันนี้ขอบคุณคุณมากเลยนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยมาต่อ”
เลขาหลิวพยักหน้า “ค่ะ คุณนายกลับดีๆ นะคะ”
เย้นหว่านยิ้มมีนัยให้กับเลขาหลิว จากนั้นหยิบกระเป๋า เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินคว้าเธอเข้าสู่อ้อมกอดอย่างเป็นธรรมชาติ เอ่ยเสียงเบา “เหนื่อยไหม”
น้ำเสียงอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเอ็นดู ทำให้ท่านประธานผู้สูงส่งของพวกเขา กลายเป็นสามีธรรมดาคนหนึ่ง
เหล่าเลขามองภาพนั้น อิจฉาเป็นที่สุด