สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1290 ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา
“ฉัน…”
เย้นหว่านกำลังจะอธิบาย ตอนนั้นเอง ฝ่ามือหนึ่งก็ตบลงบนศีรษะของเย้นโม่หลิน
กงจืออวีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ทว่ากลับดุเขาด้วยความโกรธ “ไม่ง่ายกว่าน้องแกจะติดต่อพวกเรา แกจะดุไปทำไม ทำให้น้องตกใจแล้วจะทำยังไง”
เย้นโม่หลิน “…”
เย้นหว่านไม่กลับบ้าน เขาผู้เป็นพี่ชายจะดุบ้างไม่ได้เลยเหรอ
กงจืออวีสะอึกสะอื้น ทว่าน้ำเสียงมั่นคง “ดุไม่ได้ ลูกสาวที่รักของฉัน ใครก็ห้ามดุ”
เย้นโม่หลินพูดไม่ออก ในที่สุดก็รู้แล้วว่าทำไมเย้นหว่านถึงกล้าไม่กลับตระกูลเย้น เป็นเพราะถูกแม่เอาใจจนชินไปแล้วนี่เอง
“โอเคๆ ดุไม่ได้ ไม่ดุแล้ว”
เย้นโม่หลินหันกลับมามองเย้นหว่านที่อยู่หน้าจอ เอ่ย “ป่ายฉีเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว ฉันจะทำตามที่เธอบอก เธออยู่ทางนั้น ต้องคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก”
“ฉันรู้แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะพี่”
เย้นหว่านมองเห็นกงจืออวีดวงตาแดงก่ำ เธอไม่อยากให้ทุกคนร้องไห้ พยายามรักษารอยยิ้มเอาไว้
เธอถามเย้นโม่หลินติดตลก “หลายปีแล้ว ท้องของจื่อเฟยทำไมยังไม่มีเด็กออกมาล่ะ หรือว่าพี่หัวโบราณ ไม่ยอมท้องก่อนแต่ง พี่ แบบนี้ไม่ได้นะคะ อย่าเสียเวลา เมื่อไหร่จะขอจื่อเฟยแต่งงาน แล้วจัดงานแต่งงานซะล่ะ”
กู้จื่อเฟยที่กำลังร้องไห้พลันร้องไห้ไม่ออก ใบหน้าแดงระเรื่อ จ้องเย้นหว่านท่าทางเขินอาย
“เสี่ยวหว่าน พูดเหลวไหลอะไร คิดว่าวิดีโอคอลแล้วฉันจะตีเธอไม่ได้เหรอ”
เรื่องอื่นนั้นกู้จื่อเฟยเปิดเผย ทว่าเรื่องการแต่งงานเธอกลับเขินอาย ยิ่งไม่กล้าเอ่ยถึง
ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเอ่ยต่อหน้าเย้นโม่หลินและตระกูลเย้นอีก การเร่งรัดการแต่งงานของเย้นหว่าน คล้ายเธอร้อนใจอยากแต่งงานอย่างไงอย่างนั้น
เดิมคิดว่าเธอเอ่ยแบบนี้ออกมา เรื่องนี้จะผ่านไปอย่างสนุกสนาน แต่ไม่คิดว่า เย้นโม่หลินที่อยู่ด้านข้างจะตอบออกมาอย่างจริงจัง
“ถ้าฉันจะแต่งงาน ครอบครัวก็ต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา รอเธอกลับมา ฉันก็จะแต่งงานกับจื่อเฟย”
กู้จื่อเฟยได้ยินแบบนั้น จึงนิ่งอึ้ง จ้องมองเย้นโม่หลินนิ่ง
ใบหูของเธอแดงก่ำ เขายังไม่ขอแต่งงานเลย เธอยังไม่ตอบตกลงด้วยซ้ำ เขาเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานออกมาจริงจังแบบนี้ได้อย่างไร
แม้จะเป็นการคุยโม้ แต่ในใจของเธอ ก็หวานราวกับกินน้ำผึ้ง
เย้นหว่านดีใจ เย้นโม่หลินเอาเรื่องสำคัญในชีวิตของเขา มาฝากความหวังไว้กับการกลับไปอย่างปลอดภัยของเธอ
ตลอดสามปีมานี้ เธอไม่มีข่าวคราว เขาจึงไม่สามารถแต่งงานระหว่างที่น้องสาวของเขายังอยู่กับความเป็นความตาย
มีพี่ชายที่คอยใส่ใจขนาดนี้ เย้นหว่านคิดว่า ชาตินี้เธอช่างโชคดีเหลือเกิน
ครั้งนี้เธอยิ้มออกมาด้วยความจริงใจ “งั้นพี่ต้องเริ่มเตรียมตั้งแต่ตอนนี้แล้วล่ะ อีกไม่นานฉันก็จะกลับบ้านตระกูลเย้น พี่ต้องทำให้ได้ตามที่พูดด้วย ฉันกลับไป ก็จะไปร่วมงานแต่งของพวกคุณ”
“ได้”
น้ำเสียงของเย้นโม่หลิน มั่นคงดั่งคำสัญญา
กู้จื่อเฟยที่อยู่ด้านข้างนั้นไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ เธออยากจะหยิกเรียกสติเขาสักหน่อย เธอเป็นเจ้าสาวนะ
เธอไม่ตอบรับ เขาจะแต่งงานคนเดียวเหรอ
ท่อนไม้ ท่อนไม้ใหญ่เอ๊ย
วิดีโอคอลไปกว่าสามชั่วโมง ทุกคนต่างหลีกเลี่ยงถึงสิ่งที่ไม่ควรพูดถึง ล้วนมีแต่ความห่วงใยและเรื่องไร้สาระทั้งหมด
จากตอนแรกที่ร้องไห้ สุดท้ายก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ มีความสุข บรรยากาศเป็นใจ
หากไม่เห็นว่าพระอาทิตย์จะขึ้นมากลางศีรษะแล้ว เย้นหว่านยังคงไม่อยากวางสาย
เมื่อบอกลาอย่างไม่เต็มใจแล้ว เย้นหว่านจึงกดวางสาย
เธอมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ สิบโมงครึ่งแล้ว
เลยเวลาเข้างานมานานมากแล้ว
เย้นหว่านจนปัญญา ทำงานสองวัน เธอก็สายทั้งสองวัน
หากไม่ใช่เพราะเธอคือภรรยาของท่านประธาน คงจะถูกไล่ออกไปแล้ว
เมื่อคิดถึงภรรยาของท่านประธาน เธอก็คิดถึงท่านประธานขึ้นมา เวลานี้แล้ว โห้หลีเฉินไปทำงานแล้วหรือยังนะ
เขามีธุระมากมาย อย่างช้าที่สุดแปดโมงครึ่งก็ไปถึงบริษัท เมื่อสักครู่ที่เธอคุยโทรศัพท์ คิดว่าเขาคงโทรเข้ามาตาม แต่โทรไม่ติด
พวกเขามีกฎ โห้หลีเฉินไม่สามารถขึ้นมาชั้นบนได้ งั้นเขารออยู่ด้านล่างไม่เห็นเธอลงมา บางทีอาจไปถึงบริษัทก่อนแล้ว
หากเขาไปบริษัทก่อน เก่อหรูซวนก็คงเข้ามาห้อมล้อม หาโอกาสเข้าใกล้โห้หลีเฉิน
เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่เคียงข้างโห้หลีเฉิน เย้นหว่านก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
เธอรีบกระโดดลุกขึ้นจากเตียง เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัว จากนั้นวิ่งลงมาด้านล่างอย่างรีบร้อน
ห้องรับแขก ไม่มีใครสักคน
โห้หลีเฉินไปบริษัทก่อนจริงด้วย
เย้นหว่านรีบวิ่งไปยังประตู เปลี่ยนรองเท้าอย่างรีบร้อน กำลังจะยื่นมือไปเปิดประตู
ตอนนั้นเอง เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาจากห้องครัว “ที่รัก คุณจะไปไหน”
“คะ”
เย้นหว่านมึนงง หันกลับมา มองเห็นโห้หลีเฉินสวมผ้ากันเปื้อนเดินออกมาจากห้องครัว
เขา เขายังไม่ไปเหรอ
คิดแบบนี้ เย้นหว่านจึงถามขึ้นมา “ทำไมคุณยังไม่ไปบริษัท”
ได้ยินแบบนั้น โห้หลีเฉินจึงขมวดคิ้ว “เมื่อกี้ที่คุณรีบวิ่ง เพราะคิดว่าผมไปบริษัทแล้วอย่างนั้นเหรอ ก็เลยรีบจะไปหาผมใช่ไหม”
ขณะที่เอ่ย รอยยิ้มของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความดีใจ “ที่รัก ที่คุณไม่เจอผมได้ไม่นาน ก็คิดถึงผมขนาดนี้เลยเหรอ”
เย้นหว่านชะงัก นี่เกี่ยวอะไรกับการคิดถึงเขากัน ที่เธอรีบร้อนเพราะเธอจะไปสู้กับศัตรูต่างหาก
แต่ว่า เมื่อคุยเรื่องนี้กับโห้หลีเฉิน สุดท้ายก็ถูกเขาหลอกล่อจนได้ เย้นหว่านรู้ทันจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อ
เธอเอ่ยถาม “คุณสวมผ้ากันเปื้อนทำไม คุณกำลังทำกับข้าวเหรอคะ”
โห้หลีเฉินส่ายหน้า “ได้ยินเสียงคุณอาบน้ำ รู้ว่าคุณกำลังจะลงมา เลยเอาอาหารเช้าที่ส่งมาไปอุ่น”
เอ่ยแล้ว โห้หลีเฉินก็หมุนตัวเดินเข้าไปในครัว ยกอาหารที่อุ่นแล้วออกจากไมโครเวฟ
ดังนั้น ใช้แค่ไมโครเวฟ ท่านประธานโห้ต้องสวมผ้ากันเปื้อนเลยเหรอ ช่างพิธีรีตองจริงๆ
แต่ว่า เธอทำนั่นนี่อยู่ด้านบน แล้วทำไมเขาได้ยินเสียงเธออาบน้ำ คงไม่ใช่ว่าเสียงเท้าจะดังไปหรอกนะ
เย้นหว่านมักรู้สึกว่า คล้ายกำลังถูกเอาเปรียบ
โห้หลีเฉินวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ เลื่อนเก้าอี้ออก “ที่รัก มาเร็ว นั่งลงทานข้าวกัน”
การกระทำและคำพูดเหล่านี้ของเขาดูเป็นธรรมชาติ ดูเหมือนว่ากลิ่นควันที่ติดตามตัวเขา ทำให้เขากลายเป็นผู้ชายธรรมดา
นอกจากใบหน้าที่หล่อเกินจริงนั้น
เย้นหว่านมองเขาที่เป็นแบบนี้ รู้สึกถึงช่วงเวลาที่ดี อดคิดไม่ได้ว่า ถ้ามันเป็นแบบนี้ไปตลอดก็คงจะดี
รักกับเขา ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา
น่าเสียดาย ความต้องการง่ายๆ นี้ กลับกลายเป็นความฝันอันแสนไกล และเธอกำลังเดินมุ่งตรงไปยังความฝันนี้
เธอยืนหยัด จะต้องมีวันนั้นอย่างแน่นอน
และเธอในตอนนี้ เดินตรงเข้าไปหาโห้หลีเฉินด้วยรอยยิ้ม