สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1299 เทพความโสดเข้าสิง
ห้องประชุมลับสูงสุดของบริษัท ตี้เหา จำกัด
ห้องประชุมนี้มีเพียงประธานเท่านั้นที่ใช้ได้ ในระหว่างที่ใช้งานนั้น จะไม่มีใครเข้าใกล้ได้เด็ดขาด เย้นหว่านก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในนั้นด้วย
ภายในห้องประชุมทั้งสี่ด้านเต็มไปด้วยคอม ตรงกลางเปิดเป็นที่โล่ง
เห็นได้ชัดว่าเป็นห้องประชุมออนไลน์ทางวิดีโอ
ตอนนี้เอง เก่อหรูซวนกำลังคุกเข่าอยู่ตรงกลางห้องประชุม เท้าก็ถูกมัดไว้ด้วยสายไฟ ด้านบนมีไฟฟ้าช็อตอยู่ตลอดเวลา ช็อตจนเธอตัวสั่นและเจ็บปวดไปทั้งตัว
ใบหน้าเธอซีดเซียว หน้าผากมีเหงื่อไหลพราก แต่แม้จะเป็นเช่นนี้แล้ว เธอก็ยังกัดฟันแน่น ไม่ยอมออกเสียงเลย
ติ่งๆ
เหงื่อของเธอหยดลงพื้นทีละหยดๆ จนกลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ
อยู่ในภายในห้องประชุมอย่างเจ็บปวด และเวลาก็ผ่านไปอย่างเงียบๆ
“ตึก ตึก ตึก”
เสียงฝีเท้าเดินมาอย่างสม่ำเสมอ โห้หลีเฉินปรากฏขึ้นหน้าประตู แล้วเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
เขามองเก่อหรูซวนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยแววตาที่เย็นชา
ท่าทางอนาถเช่นนี้ ในช่วงนี้สองปีมานี้ เขาไม่เคยเห็นมันปรากฏขึ้นบนตัวผู้หญิงคนนี้เลย แต่ว่า โห้หลีเฉินกลับไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆออกมา
เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เขาก็เบือนหน้าไปทางอื่น และมองหน้าจอคอมตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันมาแล้ว”
หน้าจอคอมก็สว่างขึ้นมาอัตโนมัติทันที ด้านในมีแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้น
เขานั่งอยู่ข้างหน้าต่าง สวมชุดสูท ดูอายุไม่ออก แต่แค่เห็นแผ่นหลังของเขาแล้วก็รู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมา
เขาพูดโดยใช้เครื่องดัดเสียง ดังนั้นเสียงนั้นจึงฟังดูทุ้มต่ำและน่ากลัว
“นายใจเย็นมากเลยนะ เรื่องนี้เสียหายหนักมาก นายมีอะไรจะพูดไหม?”
โห้หลีเฉินตอบ: “เรื่องนี้ไม่กระทบถึงแผนการหรอก”
“ไม่กระทบก็จริง แต่มันทำให้แผนการต้องยืดเวลาออกไปอีก” น้ำเสียงของผู้ชายมีความโกรธเล็กน้อย แม้จะมีคอมกั้นไว้ กับเครื่องจักรที่เย็นชา แต่ก็ยังคงหนักแน่นมาก
นี่ทำให้เก่อหรูซวนตัวสั่นหนักขึ้นไปอีก เธอก้มหน้า นอนตัวสั่นอยู่ที่พื้น
โห้หลีเฉินยืดตัวตรง สีหน้ายังคงเย็นชาเหมือนเดิม
“ช้านิดหน่อยแล้วยังไง ฉันบอกแล้วไง ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ห้ามแตะต้องเย้นหว่านเด็ดขาด ไม่งั้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“เหอะ ไม่เตือนงั้นเหรอ? โห้หลีเฉิน นายมีสิทธิ์อะไรมาแตกหักกับฉัน?”
ผู้ชายหัวเราะสะใจ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูก เป็นเหมือนราชาที่ควบคุมทุกอย่างไว้แล้ว
โห้หลีเฉินแสยะยิ้มเย็นชา “นายก็ลองดูสิ”
แผ่นหลังผู้ชายภายในคอมนั้นยืดตัวตรงขึ้นทันที และมีความเยือกเย็นแผ่ซ่านออกมา
หลังจากนั้นสักพัก เขากลับหัวเราะขึ้นมากะทันหัน “ลุ่มหลงในความรักเสียจริงนะ ขนาดชีวิตตัวเอง รวมไปถึงทุกอย่างก็ไม่สนใจแล้ว นายให้ความสำคัญเย้นหว่านมากกว่าโลกนี้งั้นเหรอ”
“ไช่ เรื่องนี้ เก่อหรูซวนเป็นคนผิด ที่ไปวางแผนปองร้ายเย้นหว่าน ฉันลงโทษเธอแล้ว ต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ฉันรับรองว่าจะไม่แตะต้องเย้นหว่านอีก แต่มีข้อหนึ่งคือ แผนการของพวกเราต้องดำเนินการต่อไป”
โห้หลีเฉินเม้มปากไม่ตอบ จากนั้นก็กลับหลังหันเดินออกไป
เสียงของผู้ชายในคอมก็ดังขึ้นมาอีก “โห้หลีเฉิน จำไว้ให้ดี ถ้าแผนการนี้ล้มเหลวผลลัพธ์จะเป็นยังไง ถึงตอนนั้นนายคงปกป้องเย้นหว่านไว้ไม่ได้อีกต่อไป”
โห้หลีเฉินชะงักฝีเท้า
เขาไม่ได้หันหน้ากลับไป แต่แค่พูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมทั้งหมดแล้ว”
พูดจบ เขาก็เดินออกไปทันที
ภายในห้องประชุมกว้างขวาง เหลือเพียงเก่อหรูซวนที่ยังนอนอยู่บนพื้น
ผู้ชายปัดมือแล้วพูดว่า “หยุดเถอะ”
ต่อมา ไฟฟ้าที่ช็อตที่เท้าของเก่อหรูซวนก็หยุดลง
ในที่สุดร่างกายของเธอก็หยุดสั่นสักที เธอลุกขึ้นนั่งอย่างลำบาก แล้วหันไปมองแผ่นหลังของผู้ชายบนหน้าจอคอม
“ขอบคุณนายท่านที่ให้อภัย”
“เพราะเห็นว่าเธอยังมีประโยชน์ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยเธอไปก่อน ครั้งหน้าถ้าทำอะไรโดยไม่คิด ทำฉันเสียการใหญ่ ฉันไม่อภัยให้แน่”
“รับทราบค่ะ”
เก่อหรูซวนตัวตึงและพูดว่า “ฉันจะไม่ทำผิดซ้ำๆแน่นอนค่ะ”
ที่แผนการครั้งนี้ช้าลง ไม่เพียงแต่โห้หลีเฉินที่ตามใจเย้นหว่าน ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แล้วยังกล้าทำตัวโอหังขัดใจนายท่านอีก และเหตุผลส่วนใหญ่ก็มาจากเธอ
เพราะเธอลงมือกับเย้นหว่าน
แผนการนี้ เย้นหว่านเป็นข้อห้ามของโห้หลีเฉิน นายท่านไม่ให้แตะต้องเธอ และไม่อนุญาตให้คนอื่นๆปองร้ายเธอได้
แต่ว่า……
“นายท่านคะ ตอนนี้ตระกูลเย้นเข้ามาแทรกแซง เย้นหว่านทำให้บริษัทวุ่นวาย มันไม่เป็นผลดีกับแผนการเลยนะคะ ฉันกังวลว่าเย้นหว่านจะกระทบต่อแผนการของเราในภายหน้าได้ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ แล้วเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ…….”
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาแตะต้องเย้นหว่าน ไม่งั้น จะไปกระตุ้นโห้หลีเฉินให้คลั่งเอาได้” ผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เธอจับตามองเย้นหว่านไว้ให้ดี ควบคุมภายในของบริษัท ตี้เหา จำกัดไว้ก็พอ ส่วนเรื่องอื่น ฉันจะจัดการเอง”
เก่อหรูซวนกะพริบตา แล้วก็พยักหน้า “รับทราบค่ะ”
“ฉันจะจับตามองเย้นหว่านไว้ให้ดี จะไม่ปล่อยโอกาสให้เธอกระทบแผนการของพวกเราอีก”
……
ร้านกาแฟ
เย้นหว่านกับป่ายฉีนั่งตรงข้ามกัน
ช่วงนี้ ป่ายฉีเป็นนกพิราบให้ตระกูลเย้นกับเย้นหว่าน ต้องบินไปมาบ่อยๆ ก็คงเหลือแต่อาศัยอยู่บนเครื่องบินแล้วล่ะ เขาดูโทรมและผอมลงไปมากเลย
เย้นหว่านตั้งใจสั่งขนมหวานที่มีพลังงานสูงวางไว้ตรงหน้าเขา “กินหน่อยสิ จะได้บำรุงร่างกาย”
“กินแล้วก็บำรุงไม่ได้หรอก”
ป่ายฉีบ่นไม่หยุด แต่การกระทำกลับหยุดกินของหวานที่มีพลังงานสูงไม่หยุด เขากินไปด้วยพูดไปด้วยว่า “จากเรื่องการโจมตีบริษัทของฟีเจ๊กมอนครั้งนี้ ภายในของบริษัท ตี้เหา จำกัดเปลี่ยนแปลงใหญ่มาก พวกเราต้องใช้โอกาสนี้เอาคนของเราแทรกแซงเข้าไปเงียบๆ”
ทำให้บริษัทของฟีเจ๊กมอนล้มละลาย ไม่เพียงเพราะโอหังและแก้แค้นเท่านั้น
เธอทำเพราะชะลอการเติบโตทางธุรกิจของบริษัท ตี้เหา จำกัด ยิ่งอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงของบริษัท ตี้เหา จำกัดครั้งนี้ เธอจะแอบยัดเยียดคนตัวเองเข้าไปในนั้น
“ทำได้สวย” เย้นหว่านยิ้มอย่างพอใจ “กลับไปบอกพี่ชายกับคนอื่นๆให้หน่อยนะ บอกว่าต้องขอบคุณพวกเขามากจริงๆ เดี๋ยวรอฉันกลับไป ฉันจะนวดให้เขาดีๆ และรับใช้เขาอย่างดีเลยล่ะ”
ป่ายฉีมองค้อนเธอ “ตอบแทนฉันด้วยขนมหวานที่มีแคลอรีสูงแบบนี้เหรอ ไม่เห็นเธอจะนวดให้ฉันเลย เสี่ยวหว่าน เธอแบ่งแยกแบบนี้ ฉันไม่พอใจ”
เย้นหว่านมองป่ายฉีตั้งแต่หัวจรดเท้าช้าๆ จากนั้นก็ถอนหายใจและส่ายหน้า
“จะแบ่งแยกก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ พี่ชายฉันมีแฟนแล้วนะ จะต้องรักษาหุ่นหน่อย แบบนี้จะได้มีเสน่ห์ต่อไป จะได้รักกันตลอดไป ส่วนนายน่ะเหรอ……เทพความโสดเข้าสิง ชีวิตนี้คงหมดหวังเรื่องความรัก หุ่นจะดีหรือไม่ ไขมันจะเยอะไหม ก็ไม่มีความแตกต่างอะไรเลยนี่ นายก็กินขนมหวานหน่อยเถอะ โดดเดี่ยวในความคิด อย่าทำให้ปากของนายขมไปด้วยเลย”
ป่ายฉี: “……”
เขาโกรธจนอยากเอาเค้กในมือฟาดไปที่หน้าเย้นหว่าน “ใครว่าฉันจะโสดไปตลอดชีวิตกัน? เทพความโสดเข้าสิงบ้าบออะไร อย่ามาสาปแช่งฉันให้มากหน่อยเลย”
เย้นหว่านท้าทาย “ถ้าไม่ใช่เทพความโสดเข้าสิง เก่งจริงก็หาพี่สะใภ้มาให้ฉันคนหนึ่งสิ? อย่าว่าแต่พี่สะใภ้เลย ถ้าข้างกายนายมีผู้หญิงมาเกาะแกะด้วย หรือผู้ชายก็ได้”