สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1305 บาร์บีคิว
เก่อหรูซวนระงับความโกรธและความวิตกกังวลในใจของเธอไว้ ก่อนจะขับรถออกไป
จากนั้น หลังจากที่เธอขับรถไปได้พักหนึ่ง เธอก็พบว่า ป่ายฉีกำลังตามเธอมาด้วยรถที่อยู่ด้านหลัง
นี่เขาคิดที่จะสะกดรอยตามเธอเหรอ?
เก่อหรูซวนรู้สึกโมโหมากๆ เธอจึงเร่งความเร็วให้มากขึ้น เธอคิดที่จะทำให้ป่ายฉีตามเธอมาไม่ทัน
เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นพื้นที่ของเธอ การก่อสร้างในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถือว่าไม่ได้ไร้ประโยชน์ ป่ายฉีไม่สามารถดักฟังการคุยโทรศัพท์องเธอได้ในระยะไกล
เธอจำเป็นต้องทำให้ป่ายฉีตามมาไม่ทัน แค่นั้นก็พอแล้ว
เก่อหรูซวนเร่งความเร็วมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอเกือบจะบ้าคลั่งก็คือ ไม่ว่าเธอจะมีความสามารถในการขับรถมากแค่ไหน แต่ป่ายฉีก็ตามมาได้ทันอยู่ดี
เขาก็เป็นเหมือนกับพลาสเตอร์ ตามเธอไปอย่างสบายๆ ไม่เข้าใกล้ และไม่อยู่ห่างเกินไป
ตราบใดที่เธอต้องการติดต่อกับคนอื่น สัญญาณเตือนการสะกดรอยตามจะปรากฏขึ้นในทันที
ในสถานการณ์เช่นนี้ เพื่อไม่ให้ถูกเปิดเผย เธอไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับคนอื่นอย่างตรงไปตรงมา
ใครจะไปรู้ว่าที่นี่มีเพียงป่ายฉีแค่คนเดียวหรือเปล่า
หลังจากขับต่อไปสองสามชั่วโมง เธอก็ไม่สามารถสะบัดป่ายฉีทิ้งได้สำเร็จ เก่อหรูซวนขับไปที่ชายหาดอีกครั้ง เธอพยายามเข้าไปหาโห้หลีเฉิน
แต่ทันทีที่เธอไปถึงชายหาด ป่ายฉีที่ตามเธอมาอยู่ด้านหลังตลอดเวลา ก็แสดงทักษะการขับรถของเขา โดยการขับแซงหน้าเธอ ก่อนจะหยุดเธอไว้
“ปัง~”
รถทั้งสองคันชนเข้าหากัน
หัวรถของเก่อหรูซวนก็โดนชนจบเละเทะ ถุงลมนิรภัยก็เด้งออกมาเพื่อปกป้องเธอ บนตัวเธอก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
อีกด้านรถของป่ายฉีที่โดนชน…
ตรงที่นั่งของคนขับได้จมลงไป สภาพดูแย่มากๆ แต่ที่นั่นไม่มีใครอยู่เลย
ก่อนที่รถจะชนกัน เขาคนนั้นก็ได้กระโดดลงจากรถด้วยทักษะที่น่าทึ่ง
ในขณะนั้น เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างรถของเก่อหรูซวนอย่างช้าๆ เขาพูดเยาะเย้ยถากถาง
“เหอะ คุณเป็นผู้หญิงจริงไหมเนี่ย เขาว่ากันว่าเวลาที่ผู้หญิงโหดร้ายขึ้นมาก็จะน่ากลัวมากๆ แต่การปะทะกันที่รุนแรงแบบนี้ แรงมันน้อยเกินไป คุณน่าจะชนแรงกว่านี้หน่อย”
ถ้าชนแรงกว่านี้ เธอก็คงต้องตายอยู่ในรถแล้ว?
เก่อหรูซวนอาเจียนออกมาเป็นเลือด และมีบาดแผลทั่วร่างกายของเธอ มันทำให้เธอเจ็บปวดมากขึ้น
เธอจ้องไปที่ป่ายฉีอย่างโกรธเคือง “คุณกำลังเล่นอะไรอยู่เนี่ย?”
ป่ายฉียิ้ม “ก็ผมอยากจะจีบคุณไง คุณรู้สึกประทับใจกับเทคนิคและทักษะการขับรถของผมหรือเปล่า”
เก่อหรูซวนเตะประตูรถด้วยความโกรธ
……
พวกเขาเล่นกันจนเหน็ดเหนื่อย เย้นหว่านและโห้หลีเฉินเดินไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
โห้หลีเฉินเพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เขากำลังจะเปิดดูโทรศัพท์ของเขา ในขณะนั้น เย้นหว่านก็ตะโกนออกมาจากตรงประตู
“คุณโห้ เสร็จหรือยัง เร็วเข้า ฉันหิวแทบจะตายแล้ว พวกเราไปทานบาร์บีคิวกันเถอะ”
โห้หลีเฉินชักมือที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์กลับมาที่เดิม เขายิ้ม ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
เขาเห็นหญิงสาวสวยในชุดกระโปรงชายหาดตรงประตู โห้หลีเฉินเอื้อมมือออกไปและกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
“บาร์บีคิวใช้เวลานานมาก หิวขนาดนี้แล้ว ยังจะรออีกเหรอ?”
“ฉันทานอย่างอื่นรองท้องก่อนได้”
เย้นหว่านมองไปที่โห้หลีเฉินด้วยสายตาละห้อย น้ำเสียงของเธอนุ่มนวล และเต็มไปด้วยการออดอ้อน
“คุณโห้ ฉันอยากทาน อันที่คุณทำเองกับมือ ได้ไหม มีริมทะเล มีชายหาด มีบาร์บีคิว และมีคุณสามี นี่เป็นภาพที่สวยงามที่สุดที่ฉันได้คิดไว้”
เธอตั้งตารอคอย แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอยังไม่ได้บอก ข้างหลังสามี ก็ยังมีเหล่าลูกๆ อยู่ด้วย
แน่นอนว่าโห้หลีเฉินไม่สามารถปฏิเสธเธอได้อยู่แล้ว และที่สำคัญนี่ก็เป็นแค่คำขอเล็กๆ น้อยๆ
เขาพาเธอไปทำบาร์บีคิวในร้านอาหารระดับไฮเอนด์ริมทะเล เขาได้เลือกที่นั่งใกล้ทะเลซึ่งสะดวกและเงียบสงบ
หลังจากได้บอกความต้องการกับพนักงานเรียบร้อยแล้ว พนักงานก็ได้เผาถ่านให้ ก่อนจะจัดเตรียมเครื่องปรุงไว้ให้ รวมถึงวัตถุดิบสดใหม่ต่างๆ
ที่สำคัญยังได้เตรียมคนสอนทำบาร์บีคิวไว้ให้โห้หลีเฉินด้วย
เย้นหว่านคล้องแขนของเขาไว้ ก่อนจะยิ้มและพูดว่า “คุณโห้ คุณมั่นใจไหมจะย่าง”
“แน่นอน”
โห้หลีเฉินยิ้มอย่างมั่นใจ ก่อนจะพาเย้นหว่านไปนั่งตรงเก้าอี้ “คุณทานพวกขนมและผลไม้ก่อนแล้วกัน ไม่นานฉันก็ย่างเสร็จแล้ว”
“อืม”
เย้นหว่านยิ้มหวาน จนตาหยี ภายในนั้นเหมือนมีดวงดาวอยู่
โห้หลีเฉินมองไปที่เธอ เขารู้สึกพึงพอใจมากๆ และรู้สึกว่าทุกอย่างมันคุ้มค่าจริงๆ
“รอผมอย่างเชื่อฟังนะ” เขาก้มลงจูบเธอที่หน้าผากเธอ ก่อนจะหันกลับไปทำบาร์บีคิวต่อ
เขาอ่านคู่มือบาร์บีคิวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มลงมือทำ
ขั้นตอนทุกอย่างถูกต้อง แต่ท่าทีของเขาดูแปลกตาไปก็เท่านั้น
เย้นหว่านกำลังดื่มเครื่องดื่ม มือหนึ่งก็จับไปที่คาง เธอมองดูคุณโห้ที่กำลังยุ่งด้วยรอยยิ้ม
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว
อุณหภูมิก็กำลังพอดี
ได้ฟังเสียงคลื่นทะเล นี่คือช่วงเวลาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวานแห่งความสุข
คงจะดีถ้าสามารถหยุดเวลาไว้ตรงนี้ตลอดไป
โห้หลีเฉินไม่เชี่ยวชาญกับเรื่องของไฟ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาย่างของ มันก็เลยไหม้
เขาขมวดคิ้วและมองไปที่เนื้อที่ไหม้ จากนั้นก็โยนมันลงในถังขยะ
เย้นหว่านยิ้มและพูดว่า “อย่าเพิ่งท้อแท้ คุณโห้สู้ๆ”
“การให้กำลังใจที่เป็นการกระทำล่ะ?” โห้หลีเฉินมองเธอเงียบๆ
เย้นหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอเข้าใจในทันที เธอถือเครื่องดื่มและเดินไปที่โห้หลีเฉิน จากนั้นก็ยื่นหลอดไปที่ริมฝีปากของเขา
“สู้ๆ” เธอยิ้มเหมือนกับสุนัขจิ้งจอก
โห้หลีเฉินไม่เต็มใจที่จะแสดงจุดอ่อนออกมา เขาพูดติดตลกว่า “เดี๋ยวถ้าผมย่างเสร็จแล้ว ผมขอรางวัลนะ”
การให้กำลังใจสามารถเป็นเครื่องดื่มได้ แต่รางวัลคงจะต้องเป็นอย่างอื่นเท่านั้น
เมื่อจ้องมองไปยังสายตาที่ดุดันของเขา เย้นหว่านก็รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย มันเหมือนกับว่าเธอกำลังจะถูกหมาป่าที่กินคนจับจ้องไว้แล้ว
“ถ้าคุณทำได้อร่อยถึงจะมีรางวัล”
ประโยคนี้ มีพลังมากกว่าเครื่องดื่มอีก โห้หลีเฉินพยายามย่างต่อไปด้วยความตั้งใจ
เขาไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ในครั้งแรกเขาก็ล้มเหลว แต่เขาก็คุ้นเคยกับไฟมากขึ้น
ครั้งที่สองก็ไม่ได้ย่างจนไหม้แล้ว
เขาสามารถควบคุมความร้อนได้อย่างแม่นยำ ตอนที่ย่างเสร็จ มีปีกไก่หนึ่งไม้ สีมันดูเหลืองอราม และน่าทานมาก
เขายื่นให้เย้นหว่าน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง “ชิมสิ รสชาติเป็นยังไง”
มันมีกลิ่นที่หอมมาก
คุณโห้เป็นคนย่างเองกับมือ มันก็ยิ่งหอมกว่าเดิม
ท้องของเย้นหว่านร้อง เธอรับมาก่อนจะกัดคำโตโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของผู้หญิงเลย และเธอก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย
แต่หลังจากเคี้ยวไป 2 ครั้ง สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปและเธอก็อาเจียนออกมา “แหวะ”
“คุณโห้ คุณใส่เกลือไปเท่าไหร่เนี่ย?”
“เค็มมากเลยเหรอ?”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว เขาหยิบปีกไก่ขึ้นมา ก่อนจะกัดไปตรงที่เย้นหว่านกัด หลังจากเคี้ยวไปสองครั้ง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ดูไม่ค่อยดีนัก
มันเค็มเกินไป
เขายกมือขึ้นแล้วโยนปีกไก่ทิ้ง “ผมจะย่างอีกครั้ง”
เขารีบเดินไป และย่างอีกครั้ง
หลังจากการย่างในครั้งนี้ โห้หลีเฉินไม่ได้ยื่นให้เย้นหว่านในทันที เขาคิดที่จะชิมด้วยตัวเองก่อน
ทันทีที่เขากำลังจะยกไปที่ปาก เย้นหว่านก็บอกว่า “คุณจะทานคนเดียวไม่ได้นะ คุณต้องให้ฉันชิมก่อน มันจะดีหรือไม่ดีฉันจะเป็นคนตัดสินเอง”
หากรสชาติจืด หรือมีตรงไหนที่ยังไม่ดี หลังจากที่เขาชิมไปเขาก็สามารถไปปรุงแต่งรสชาติของไม้อื่นๆ ได้
แต่ถ้าเอาไปให้เย้นหว่าน ยังไงก็ถือว่าเขาทำเสร็จแล้ว
ถ้ามีปัญหาขึ้นมา เขาก็ต้องย่างใหม่ทั้งหมด
นี่ไม่ใช่ความคิดที่คุ้มค่าเลย แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่เร่าร้อนของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากนำบาร์บีคิวไปให้เธอ
เย้นหว่านยิ้มและหยิบเนื้อวัวมาทาน เธอได้รับบทเรียนมาแล้ว ครั้งนี้เธอจึงกัดเพียงคำเล็กๆ
หลากจากเคี้ยวไม่กี่ที จากนั้นเธอก็ประเมิน