สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1327 วิธีการที่ไร้ยางอาย
เมื่อต้องประเชิญหน้ากับชายฝ่ายตรงข้ามที่คุกคามเชิงล้อเลียนเธอ เย้นหว่านเลยไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย จึงตัดสายไปเสียดื้อๆ
เก่อหรูซวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พอจะได้ยินบทสนทนาโดยประมาณแล้ว เมื่อรู้ว่าพวกเขาเจรจาเสร็จสิ้น ก็วางใจไปเปราะหนึ่ง
จากนั้นก็เอื้อมมือขึ้นมาเตรียมจะเก็บโทรศัพท์คืน แต่เย้นหว่านกลับหยิบโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายของตัวเองราวกับเป็นเรื่องปกติ
เก่อหรูซวนเบิกตาอ้าปาก ” เย้นหว่าน ทำอะไรของเธอ? นั่นมันโทรศัพท์ของฉันนะ ”
เย้นหว่านยิ้มเล็กน้อย ” เก่อหรูซวน พรุ่งนี้ฉันก็จะไปเจอเจ้านายของเธอแล้ว ถ้าสิ่งที่เขาพูดมันเป็นความจริงแล้วก็ ในมือของฉันก็ต้องมีแต้มต่อสิถึงจะถูก ”
แต้มต่องั้นเหรอ?
นี่คิดจะเอาเธอเป็นตัวประกันอยู่แล้วงั้นสิ?
เก่อหรูซวนพูดประชดประชัน ” เย้นหว่าน เธอมันอ่อนต่อโลกเกินไปหรือเปล่า? ฉันมันเป็นลูกน้องของนายท่านก็แค่นั้นเอง เธอกักตัวฉันไว้ มันขู่อะไรเขาไม่ได้หรอก ชีวิตของฉันไม่มีค่าอะไรสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย ”
” ถ้าถึงเวลามันเป็นอย่างที่พูดจริง ฉันก็จะฆ่าเธอ ชำระความแค้นให้สาสมแค่นั้นก็พอแล้วล่ะ ”
เย้นหว่านพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง ใบหน้าของเธอผุดรอยยิ้มราวกับว่าวันนี้ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ งามๆ กลับมาได้
เก่อหรูซวนโกรธจนแทบตาย แต่ก็ยังรู้สึกใจพะว้าพะวังอยู่
สิ่งที่เธอพูดมันคือความจริง เพราะเธอมันก็แค่คนที่อยู่เบื้องล่าง ถึงจะมีความสามารถ แต่สำหรับนายท่านลูกน้องแค่นี้ก็คงไม่แคร์อะไร ไม่มีเธอก็ยังชุบเลี้ยงคนใหม่ขึ้นมาได้ การที่เธอตายก็แค่ตาย ชีวิตของเธอก็คงไม่มีใครเหลียวแล
ถ้าเธอถูกเย้นหว่านกลับตัวเอาไว้แล้วล่ะก็ ผลลัพธ์ก็มีเพียงคำคำเดียวคือคำว่าตาย
เก่อหรูซวนหันหัวเตรียมวิ่ง แต่เว่ยชีเตรียมการไว้ตั้งนานแล้ว จึงเข้าล็อกแขนเธอไว้อย่างคล่องแคล่วว่องไว และกดตัวเธอลง เพื่อที่จะสามารถควบคุมเธอได้
เก่อหรูซวนตกใจจนร้องตะโกนออกมาเสียงดัง ” ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! ”
เว่ยชีกลับไม่ตอบอะไร แต่ยังคงกดตัวของเก่อหรูซวนไว้แล้วเดินไปข้างรถสีดำคันหนึ่ง ภายในรถมีบอดี้การ์ดร่างใหญ่รออยู่แล้ว
และท่าทีที่เก่อหรูซวนโดนกดเอาไว้ ทำให้ดึงดูดความสนใจของนักข่าว แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านหลังเย้นหว่านได้ทำท่าเป็นเชิงห้ามเอาไว้ ส่งผลให้ไม่มีใครกล้าถ่ายอีก
ตอนนี้เย้นหว่านเลื่องชื่อลือนาม เรียกได้ว่าทุกคนในเมืองหนานต่างรู้กันหนาหู และยังรู้สึกเกรงกลัวเธออีกต่างหาก
อันที่จริงแล้ว นี่เป็นฉากหลังฉากหนึ่งที่ทำให้เธอดูมีอำนาจมหาศาล เป็นหญิงแบบที่โหดเหี้ยมอำมหิต ถึงขั้นแม้กระทั่งสามีตัวเองก็ยังปราบได้ลง
เดิมทีแล้ว เธอกลับมาในฐานะภรรยาของโห้หลีเฉิน ในช่วงเวลานั้นข่าวคุยโม้ถึงการโชว์ความหวานของทั้งคู่หรือไปทั่ว และเป็นเรื่องที่รู้โดยทั่วกัน จนทำให้ใครๆ ก็เริ่มรู้จักเธอ
จากนั้น เธอก็ถูกรักและทะนุถนอมอย่างดี จนกระทั่งเคยตัวใช้อำนาจบาตรใหญ่ แถมยังเอาแต่ใจเหยียบย่ำบริษัทของฟีโรเจ๊กจนตายไปข้างหนึ่ง เลยทำให้เหล่านักธุรกิจเริ่มจับตามองเธอ
แต่ในตอนนี้ เป็นเพราะเย้นหว่านไม่พอใจเก่อหรูซวน ก็เลยไล่ออกจากบริษัท ตี้เหา จำกัดอย่างกะทันหัน แล้วยังแย่งตำแหน่งการเป็นประธานของโห้หลีเฉินอีกด้วย นี่ถึงทำให้ทั่วบริเวณต่างตกตะลึง และวิธีการที่ใช้ก็ยังดูมีอำนาจจนทำให้ทุกคนเกรงกลัว
นั่นมันบริษัท ตี้เหา จำกัดเลยนะ กิจการค้าระหว่างประเทศที่สามารถยืนอยู่บนยอดสูงสุดของโลกเลยทีเดียว
ภายในเวลาอันสั้นไม่กี่วัน ก็เปลี่ยนเจ้าของมาเป็นเย้นหว่านอย่างง่ายดาย
ถึงแม้อิทธิพลของตระกูลเย้นจะเป็นกำลังสำคัญในครั้งนี้ แต่เย้นหว่านคือตัวแทนที่มีบทบาทโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างแท้จริง จนทำให้ผู้คนหวัดผวาถึงการมีอยู่ของเธอ
ภายในเมืองหนานไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหรือสื่อมวลชน หรือว่าผู้คนธรรมดาทั่วไป ก็ไม่มีใครกล้าหือกับเย้นหว่าน
หากทำให้เธอไม่พอใจแล้วก็ ถึงแม้คนคนนั้นจะมีทรัพย์สินเพียบพร้อม บริษัทใหญ่โตองอาจแค่ไหน ก็สามารถถูกเธอทำร้ายจนยับเยินได้
ไม่หญิงคนนี้มีอำนาจแล้ว สิ่งที่ตามมาคงไม่ใช่แค่สัญญาณเตือนเท่านั้น แต่มันคือการนำภัยพิบัติมาสู่ประเทศชาติและพลเมืองเลยทีเดียว
เรานักข่าวและสื่อมวลชน ก็ไม่กล้าท้าทายผู้มีอำนาจสูงสุดอย่างเย้นหว่าน ถึงแม้ในมือจะยังคงถือกล้องถ่ายทอดสดอยู่ แต่ก็ไม่กล้าขยับเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาทำราวกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ยิ้มเพียงแค่เล็กน้อย และสัมภาษณ์เย้นหว่านด้วยท่าทีที่เป็นมิตรถึงขีดสุด
เย้นหว่านเผชิญหน้ากับกล้อง เธอยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า
” พอดีว่าถูกกวนให้อารมณ์ไม่ดีนิดหน่อย ก็เลยไม่อยากให้สัมภาษณ์แล้ว ส่วนเรื่องที่บริษัท ตี้เหา จำกัดจะพัฒนาอะไรต่อไปในอนาคต พรุ่งนี้ตอนสิบเอ็ดโมง ฉันจะจัดงานแถลงข่าว และประกาศกับนักข่าวอย่างเป็นทางการอีกทีนะคะ ”
สีหน้าของเย้นหว่านมีรอยยิ้มที่ดูทะเล้นและน่ารัก แต่ไม่มีใครรู้สึกว่ามันดูน่ารักเลยสักคน เพราะทุกคนต่างดูออกแล้วว่า ในดวงตาของเธอนั้นมีแสงประกายที่เคร่งขรึมและเด็ดขาดอยู่
แน่นอนว่าพวกนักข่าวไม่กล้าที่จะถามคำถามใดๆ อีก ทุกคนต่างหัวเราะแหะๆ และพูดอย่างเคารพว่าจะมาตามนัด
หลังจากที่โยกย้ายพวกนักข่าวออกไป ก็ไล่คนที่มามุงดูเหตุการณ์รอบข้างด้วย ตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว เย้นหว่านก็เลยออกจากบริษัท แล้วกลับมายังวิลล่าส้ายน่า
ภายในลานบ้าน ป่ายฉีกับหานจื่อก็ยังคงต่อสู้กันอยู่…..
เย้นหว่านเห็นพวกเขาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เหนื่อยล้าเต็มที จึงยิ้มออกมาเผินๆ เป็นรอยยิ้มบางๆ ” สวัสดียามเย็นจ้ะ ”
การสู้กันโดยไม่พักผ่อน ทำให้สีหน้าของป่ายฉีดูแย่อย่างเห็นได้ชัด แม้กระทั่งริมฝีปากก็ขาวซีดไปบ้าง
เขาพูดขึ้นว่า ” เย้นหว่าน ทำซาลาเปาให้ฉันกินหน่อยสิ ”
เย้นหว่านเลิกคิว ” พวกเธอสู้กันไม่พักแบบนี้ สองวันข้าวปลาก็ไม่กิน จะเอาซาลาเปาไปทำอะไร? หานจื่อก็ไม่ใช่หมา ให้เธอไปก็ไม่มีประโยชน์ ”
” ฉันหิวแล้ว หิวจะตายแล้วเนี่ย ”
ป่ายฉีไม่ค่อยสบอารมณ์ ” รีบไปทำเถอะ ซาลาเปา หนึ่งอันคำเดียว จะได้ไม่เสียเวลาต่อสู้ อย่าลืมว่าต้องทำเสี่ยวหลงเปาด้วย ”
เย้นหว่านพอจะเข้าใจ จึงยกนิ้วโป้งขึ้นมาเป็นเชิงพูดชมป่ายฉีว่าฉลาดเอาเรื่อง
” หมอนี่ไม่เลวนะเนี่ย นายกินเสี่ยวหลงเปาเพื่อเติมความแข็งแกร่งของร่างกาย แต่ถ้าหานจื่อไม่กินล่ะก็ ร่างกายไม่แข็งแรงก็ตามไม่ทันนะ เธอก็จะสู้เขาไม่ได้ อาศัยจุดนี้ก็จะชนะได้แล้ว ”
ป่ายฉีหัวเราะได้ใจ ” ใช่แล้ว ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ หานจื่อต้องแพ้แน่ๆ ”
หานจื่อดูตึงหนักกว่าเดิม ” ไร้ยางอาย ”
ป่ายฉีกลับไม่ได้รู้สึกอับอายแต่คิดว่าเป็นคำชมแทน ” ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนนิสัยเย็นชา เวลาจะมีเรื่องมีราวก็ยังรักษากฎกติกาของการต่อสู้ ก็คือจะไม่ยอมกินอะไรเลยระหว่างนั้น ถ้างั้นเธอก็อย่าแหกกฎของตัวเองก็แล้วกันนะ ”
หานจื่อ: “……. ”
แต่เธอก็ไม่หยุดยั้งที่จะประเคนหมัดให้ป่ายฉียังบ้าคลั่ง
เย้นหว่านเดินอ้อมพวกเขาไปข้างในอย่างเรียบเฉย ” ป่ายฉี ฉันทำซาลาเปาไม่เป็น เดี๋ยวฉันจะให้คนส่งมาก็แล้วกัน เอาเป็นร้านอาหารห้าดาวนะ อย่าว่ากันถ้ามันไม่อร่อยเท่าที่ฉันทำล่ะ ”
ป่ายฉีมองบน ตัวเองทำซาลาเปาไม่เป็น จะทำอร่อยได้ยังไงกัน?
เขายอมกินของร้านอาหารห้าดาวก็แล้วกัน
หลังจากที่เย้นหว่านเข้าไปในคฤหาสน์แล้ว ภายในห้องโถงใหญ่ก็มีหญิงสาวรูปร่างไม่ต่างจากเธอยืนอยู่หนึ่งคน หล่อนหันหน้ามาทางเธอแล้วพยักหน้าให้เล็กน้อย
จากนั้นก็พูดเบาๆ ว่า: ” คุณนายคะ ก่อนหน้าที่คุณจะกลับมา มีคนสามกลุ่มพยายามบุกเข้ามาในนี้ ฉันเห็นว่าพวกเขาเข้ามาเพื่อที่จะเอาตัวหานจื่อไปค่ะ ”
หานจื่อคือมนุษย์พันธุ์แกร่ง เบื้องหลังชายคนนั้นก็คงอยากให้เธอเป็นตัวยืนยันความเป็นความตายว่าอยู่ในมือของเขา มีวิธีหนึ่งที่ทั้งง่ายและแสดงให้เห็นชัด นั่นก็คือฆ่ามนุษย์พันธุ์แกร่งคนหนึ่งให้ตายต่อหน้า
แต่เมื่อเคยถูกหักหลังมาแล้ว ตอนนี้ผู้ที่ยังทำภารกิจไม่เสร็จสิ้นอย่างหานจื่อ รู้ได้เลยทันทีว่าตอนนี้เธอกลายเป็นหมากที่ไร้ประโยชน์กันไปแล้ว
ยังดีที่เธอได้เตรียมการไว้ก่อน คนที่เลือกมาไม่ได้มีดีแค่ภายนอก แต่ภายในก็แฝงไปด้วยความเป็นมืออาชีพ ตอนนี้ก็ได้เป็นเกราะป้องกันราวกับทางเหล็กที่ถูกล้อมไว้ทั่วคฤหาสน์แล้ว
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เย้นหว่านก็ยังกำชับอีกว่า ” พรุ่งนี้ก่อนสิบเอ็ดโมง ไม่ว่าจะเกิดการปะทะรุนแรงแค่ไหน ก็อย่าให้ใครเข้ามาได้สักคน หานจื่อห้ามออกไปจากที่นี่เด็ดขาด เธอคือคนที่ป่ายฉีชอบ ดังนั้นห้ามเกิดเรื่องร้ายกับเธอ ”
หญิงสาวพยักหน้า แต่ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
” แต่ในความเป็นจริงเธอเป็นศัตรูของพวกเรา แล้วเธอก็ลงมือกับป่ายฉีโดยไร้ซึ่งเยื่อใย ถึงแม้คุณชายป่ายฉีจะชอบ แต่ที่ดิฉันก็กลัวว่ามันจะเกิดเป็นผลตรงข้ามกับสิ่งที่เราหวังไว้ ”
จุดประสงค์ของการมีชีวิตอยู่บนโลกที่แสนอันตรายใบนี้ ก็เพื่อถอนรากถอนโคนศัตรูทั้งหมด และห้ามใจอ่อนเด็ดขาด
โดยเฉพาะคนจำพวกที่มีชีวิตอยู่และเป็นอันตรายอย่างหานจื่อ
ถ้าไม่ใช่ป่ายฉีเป็นคนมาห้ามเธอได้ทันเวลา ก็กลัวว่าคนจำนวนมากบริเวณลานบ้าน จะรั้งเธอไว้ไม่อยู่
หากป่ายฉีไม่อยู่ ไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลยจริงๆ