สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 136 ความสุขมากะทันหันเกินไป
บทที่ 136 ความสุขมากะทันหันเกินไป
กลับถึงคฤหาสน์ เย้นหว่านใช้ลายนิ้วมือของตนเองเปิดล็อกประตูเปิดออก
เธอกลับมาไม่ดึกนัก และถือว่าเร็วอยู่ แต่ในคฤหาสน์กลับเงียบสงบมาก คาดไม่ถึงจะไม่มีใครสักคน
พวกเขาล่ะ?
เร็วขนาดนี้ คงไม่ใช่นอนกันแล้วหรอกมั้ง หรือว่าออกไปข้างนอก หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วเหรอ?
เย้นหว่านนึกถึงนิสัยของโห้หลีเฉิน ไม่สบายใจเท่าไรโดยจิตใต้สำนึก
เวลานี้เขาไม่ได้ทำงาน เป็นไปได้มากว่าจะออกไปแล้ว
เพียงแต่เย้นซินไปที่ไหนแล้ว?
เย้นหว่านลังเล สักพักคิดจะโทรศัพท์ถามเย้นซินหน่อย เธอกลับไปที่ห้องนอนเพื่อวางกระเป๋าลงก่อน
“แกร๊ก”
เย้นหว่านพึ่งเดินเข้าห้องนอน ยังไม่ทันได้เปิดไฟ ตรงหน้าก็มีเงาดำสูงใหญ่กระโจนมา กดเธอให้ติดกำแพงอย่างแข็งกร้าว
เธอตกใจทันใด ชั่วขณะนั้นหนังศีรษะตึงแน่นไปหมด
ในบ้านไม่มีใคร ขโมยมาแล้ว
“ช่วยด้วย……อื้ม”
คำพูดของเย้นหว่านยังไม่ทันตะโกนออกมาหมด ก็โดนริมฝีปากที่ร้อนแรงของชายหนุ่มอุดลมหายใจเอาไว้
จูบของเขามาอย่างรุนแรง ทระนงองอาจเหมือนสัตว์ป่าที่บ้าระห่ำ ตวัดลิ้นและริมปากของเธอเข้าไป เหมือนอยากจะกินลงท้องไป
แม้กระทั่งเย้นหว่านยังรู้สึกถึงความเจ็บที่ปลายลิ้น
“อื้ม!”
คนสารเลวนี้ ไม่เพียงเป็นขโมย ยังเป็นพวกอันธพาล โรคจิต
เย้นหว่านหวาดกลัวที่สุดแล้ว สมองว่างเปล่าไป ใช้แรงมากที่สุด การดิ้นรนที่รุนแรงที่สุด ผลักเขาออก
หมัดน้อยๆ นั้น ปล่อยแรงออกมา แม้กระทั่งยังสามารถทำให้เขารู้สึกเจ็บได้
นี่คือเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน
ร่างสูงใหญ่ของโห้หลีเฉินแข็งทื่อฉับพลัน ชั่วขณะนั้นยิ่งโมโหเดือดดาลยิ่งขึ้น เธอตกลงปลงใจกับมู่จื่ออี้แล้วเหรอ?
เพราะยอมรับมู่จื่ออี้แล้ว ดังนั้นตอนนี้ถึงปฏิเสธต่อต้านรุนแรงกว่าเมื่อก่อนเป็นร้อยเท่า ไม่ให้เขาแตะต้อง
ในหน้าอกไฟโกรธโหดเหี้ยมลุกไหม้ ยังมีความเจ็บที่มืดมนด้วย
โห้หลีเฉินไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน แต่หัวใจก็เหมือนจะระเบิดแตก ทำให้เขาควบคุมไม่ได้ สติเกือบแตกพังกระจาย
จูบของเขายิ่งหยาบคายและไร้เหตุผล เขากอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่น แรงเยอะราวกับจะรวมกันไปในกระดูกเลือดเนื้อของเขา
เหมือนมีเพียงแบบนี้ ถึงสามารถจับเธอไว้ได้
เย้นหว่านเจ็บไปทั้งตัว และยิ่งหวาดกลัว กลัวราวกับต้นอ่อนจะถูกบีบจนตาย
ส่วนการต่อต้านของเธอนั้นไม่ส่งผลกระทบสักนิด แต่กลับเหมือนกระตุ้นความอยากพิชิตของชายหนุ่ม ทำให้เขายิ่งแข็งกร้าวรุกราน
ในความมืด เขายิ่งกดร่างกายของเธอแน่นเพิ่ม ฝ่ามือไถลเข้าไปใต้เสื้อผ้าของเธอ
ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปตามคางของเธอ ไปถึงคอ กระดูกไหปลาร้า……
“คน คนสารเลว อย่ามาโดนฉัน อย่ามาแตะต้องฉัน”
พอปากได้รับอิสระ เย้นหว่านจึงรีบร้องตะโกนอย่างฮึกเหิม
แต่ทว่ารอบด้านมืดดำไปหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงียบงัน ยังมีบุคคลที่สามอยู่หรือเปล่า
เย้นหว่านหวาดผวาราวกับปลาที่ขาดน้ำ รู้สึกถึงฝ่ามือของชายหนุ่มล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าของเธอ ตกอยู่บนส่วนอ่อนนุ่มของเธอ
เธอแข็งทื่อทันที สีหน้าซีดขาวราวกระดาษ
เหมือนจะโดยสัญชาตญาณ เธอดึงเสียงพูดข่มขู่ “ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน โห้หลีเฉินจะต้องไม่ปล่อยแกไปแน่!”
การกระทำของชายหนุ่มหยุดชะงักฉับพลัน
ภายใต้ความมืดเขาเงยหน้าเล็กน้อย มองเค้าโครงเลือนรางของเธออย่างแปลกใจ
ทันทีที่รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มนิ่งค้าง เย้นหว่านคิดว่าเขากลัวแล้ว ในใจเกิดความหวังขึ้นทันที
เธอรีบพูดไป “ฉันจะบอกแกให้นะ ฉันเป็นคู่หมั้นของโห้หลีเฉิน เป็นผู้หญิงของเขา เขาเป็นผู้ชายที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองหนานแห่งนี้ เขามีเป็นหมื่นแผนการจะจัดการแกให้ตาย”
ไฟโกรธในสายตาของชายหนุ่มหายไปอย่างเงียบๆ ภายใต้ความมืด
คาดไม่ถึงเธอจะพูดว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขา
โห้หลีเฉินไม่ได้ปล่อยเธอ จ้องเธอภายใต้ความมืด ใช้เสียงที่ต่ำมากกดทับมากถามไป
“เธอพูดอีกรอบสิ เธอเป็นอะไรกับเขา?”
เย้นหว่านประหม่าระดับสุด เสียงของโห้หลีเฉินก็ต่ำมากด้วย เวลานี้เธอฟังไม่ออกว่าเสียงนี้เป็นของใคร
เธอพูดอย่างเน้นย้ำเสียงนิ่งสงบ “ฉันเป็นคู่หมั้นของโห้หลีเฉิน เป็นผู้หญิงของเขา ดังนั้นแกอย่า……อื้ม!”
คำขู่ของเธอยังพูดไม่จบ ริมฝีปากถูกอุดไว้อีกครั้งแล้ว
สมองเย้นหว่านระเบิดฉับพลัน อันธพาลคนนี้ คาดไม่ถึงแม้แต่โห้หลีเฉินยังไม่กลัว?
คืนนี้เธอจบกันจริงๆ แล้วหรือเปล่า?
ตอนที่เธอตกใจจนเกือบหมดหวัง กลับรู้สึกว่าจูบของชายหนุ่มไม่แข็งกร้าวกลิ่นโจรแบบก่อนหน้านี้ เวลานี้เขาจูบเบามาก อ่อนโยนมาก แม้กระทั่งยังพัวพันมาก
มือของเขาโอบที่เอวของเธอเพียงแค่กอดเธอไว้ เหมือนโอบกอดที่อ่อนโยนระหว่างคนรัก
และอันตรายของความรู้สึกรุกรานแบบนี้ลดลงมาทันที เย้นหว่านถึงรู้สึกเพิกเฉยเรื่องอื่นไป
กลิ่นอายของเขา……
คาดไม่ถึงคุ้นเคยอย่างสมควรตาย
ชั่วขณะหนึ่งเธอมึนงง สำนึกอะไรได้ทีหลัง
โห้หลีเฉิน……
เจ้าป่าเถื่อนคนนี้ที่เธอคิดว่าเป็นขโมย คาดไม่ถึงจะเป็นโห้หลีเฉินเอง
งั้นเมื่อสักครู่ที่เธอข่มขู่เขาแบบนั้น……
เย็นหว่านอับอายหงุดหงิดเหลือทนอยากจะหาถ้ำมุดเข้าไปให้ได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เธอทั้งอายทั้งโมโห ถลึงตาใส่ผู้ชายตรงหน้าไปอย่างแรงในความมืดมิด จากนั้นกัดฟันปิดลงอย่างโหดเหี้ยม
“ซี๊ด……”
ชายหนุ่มเจ็บ ในปากส่งเสียงทุ้มต่ำออกมา
เย้นหว่านถือโอกาสผลักเขาออกไปข้างหน้า หมุนตัวอยากจะจากไป
โห้หลีเฉินมือไวตาไว ดึงเธอเอาไว้ ร่างกายเอียงไปด้านหน้า ยันเธอติดกำแพงไปอีกครั้ง
ระยะห่างเขาใกล้มาก ลมร้อนที่พูดออกมาเหมือนกระโจนใส่ที่หน้าของเธอทุกวินาที
“ที่เธอพูดเมื่อกี้ พูดอีกสิ”
เสียงของชายหนุ่มต่ำมาก แหบราวไฟลุก อันตรายมาก
ความหวาดกลัวต่างออกไปกับก่อนหน้านี้ โห้หลีเฉินในเวลานี้ ทำให้เย้นหว่านรู้สึกถึงอันตรายเพิ่มขึ้น หัวใจราวกับจะถูกเขาตีแตกกระจายไป
เธอแนบอยู่บนผนังตรงแน่ว บนแก้มเป็นไฟลุกไหม้
เรื่องน่าอายแบบนี้ เธอจะกล้าพูดอีกรอบได้อย่างไรกัน? เย้นหว่านเม้มริมฝีปาก ไม่พูดสักคำ
โห้หลีเฉินกลับไม่ปล่อยเธอไป ลมหายใจใกล้เข้ามาอีกระดับ ราวกับจะจูบเธออีกได้ทุกเวลา
เสียงของเขาแหบแห้งเซ็กซี่ ภายใต้ความมืดขยายใหญ่อย่างไร้ขีดจำกัด
“อย่าดื้อ พูดอีกรอบ เธอเป็นผู้หญิงของใคร?”
เย้นหว่านสับสนคล้ายกับชั่วขณะนั้นลำคอจะกระโดดออกมาแล้ว
นี่โห้หลีเฉินจงใจสินะ จงใจอย่างเด็ดขาด
“ฉัน ฉันเพียงแค่ร้อนใจพูดมั่วซั่วไป คุณอย่าคิดจริงจังเลย คิดเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้น”
เย้นหว่านกัดฟัน จากนั้นใช้มือสองทั้งคู่ผลักบนหน้าอกที่มาเข้าใกล้ของโห้หลีเฉิน ทำให้เขาถอยหลังไปนิดหน่อย ส่วนเธอรีบนั่งยองลงไป มุดออกไปจากทางด้านข้างด้วยความรวดเร็ว
ครั้งนี้เธอวิ่งเร็วมาก เหมือนกระต่าย แวบเดียวก็ดึงระยะห่างหลายเมตรกับโห้หลีเฉินได้
แม้กระทั่งเธอยังรีบเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว “ฉันไปอาบน้ำแล้วนะ”
โห้หลีเฉินมองภาพคนที่เห็นไม่ค่อยชัดภายใต้ความมืด อารมณ์ก็ยิ่งดีแล้ว
เขาจ้องเธออยู่ แต่ละคำแต่ละประโยค “คำพูดที่พูดออกมาเวลาร้อนใจ ถึงเป็นสิ่งที่มาจากใจที่สุด เย้นหว่าน คนที่เธอเชื่อใจมากที่สุดคือฉัน ใช่มั้ย?”
ฝีเท้าของเย้นหว่านแข็งฉับพลัน ทั่วทั้งตัวเหมือนถูกทิ้งลงในหม้อน้ำมัน ลวกจนหนังจะหลุด
เธอเกือบไม่มีทางปฏิเสธ วินาทีอันตรายขนาดนั้น คนแรกในสมองที่เธอนึกถึงก็คือโห้หลีเฉิน
สำหรับทำไมถึงคิดถึงเขา……
เย้นหว่านส่ายหน้า สะบัดความคิดที่แวบขึ้นมาทิ้ง จากนั้นพุ่งเข้าห้องน้ำด้วยความเร็วระดับไวที่สุด ปิดประตู
“ปัง” ดังทีหนึ่ง กั้นห้องนอนกับห้องน้ำออกมา
แต่ว่าหัวใจของทั้งสองคน ยังคงเต้นแรงไม่หยุด
ร่างกายภายใต้ความมืด โห้หลีเฉินยังคงมองประตูบานนั้นตรงๆ ในใจในสายตาล้วนถูกความปลื้มใจที่ไร้ขอบเขตค่อยๆ เติมเต็ม