สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 145 ความรัก99ก้าว
บทที่ 145 ความรัก99ก้าว
เย้นหว่านเขินอายอีกครั้ง หนังแบบนี้กลัวว่าจะไม่เหมาะสมกับเธอและโห้หลีเฉินหรอก?
พวกเขาไม่ใช่คู่รักกันจริงๆ
เย้นหว่านหันหน้าบอก “คุณโห้ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราดู《Qi Men Dun Jia》เถอะ?”
โห้หลีเฉินยกมือรับตั๋วเข้ามา โบกไปด้านหน้าของเย้นหว่าน
“ตั๋วออกมาแล้ว คืนไม่ได้”
เย้นหว่าน “……” ทำอย่างกับคุณโห้คุณขาดเงินซื้อตั๋วใหม่ขนาดนั้นเหรอ?
สุดท้ายเย้นหว่านก็อุ้มถังป๊อปคอร์นไว้ โห้หลีเฉินถือโค้กสองแก้ว รอเวลาหนังเข้าฉายที่โซนพักผ่อน
เวลานี้มีผู้หญิงสารพัดหลงใหลหน้าตาของโห้หลีเฉินไม่ขาด คืนนี้พวกเขาดูไม่โจ่งแจ้ง แต่ยังดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย
ดีที่ เพราะเป็นโรงหนังสถานที่คลุมเครือแบบนี้ แถมยังมีโค้กและป๊อปคอร์น และชายหญิงโสด คนปกติล้วนคิดว่าเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินเป็นคู่รักกัน และไม่มีผู้หญิงคนไหนวิ่งมาผูกสัมพันธ์กับโห้หลีเฉิน ขอหมายเลขโทรศัพท์อะไรแบบนี้
กลับยังถือว่าไม่มีอะไรมารบกวน
เพียงแค่ตอนที่ทำให้เย้นหว่านแปลกใจ สุดท้ายยังมีคนล้อมเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มาไม่น้อย
แต่เป้าหมายที่พุ่งมา กลับเป็นเธอ
“คุณคะ ขอโทษนะคะคุณคือเย้นหว่านรึเปล่า?”
“คุณคือเย้นหว่านใช่มั้ย? เย็นนี้ฉันดูงานแถลงข่าวของคุณ ‘ฝันรัก’ ที่คุณออกแบบสวยมากจริงๆ ตัวจริงคุณก็สวยกว่าในทีวีอีก”
“ฉันดูถ่ายทอดสดเมื่อเย็นนี้กลายเป็นแฟนคลับของคุณแล้ว คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถและสวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา คุณเซ็นชื่อให้ฉันได้มั้ย?”
“ท่านนี้คือคุณโห้สินะ? พวกคุณเป็นคู่รักกันจริงๆ ด้วย น่าอิจฉามากดูรักกันมากเลย”
คนกลุ่มหนึ่งล้อมไว้ พูดจ้องกันอย่างเร่าร้อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็นทางนี้คึกคัก คนที่ล้อมนับวันยิ่งเยอะ
เย้นหว่านคาดไม่ถึงว่างานแถลงข่าวที่พึ่งจัดวันนี้ ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง จะเริ่มมีแฟนคลับแล้ว
นี่เป็นเรื่องดี และเป็นเรื่องที่กลัดกลุ้ม
มองแฟนคลับที่พยายามถ่ายรูปเธอ เธอเพียงรู้สึกปวดศีรษะไปหมด
ตอนนี้เธออยู่ด้วยกันกับโห้หลีเฉิน ทั้งสองคนมาเที่ยวโรงภาพยนตร์ด้วยกัน ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป คนจะคิดอย่างไร?
เย้นหว่านไม่กล้าคิดต่อไปอีกแล้ว
“พวกคุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เย้นหว่าน”
เธอก้มหน้าลุกขึ้นมา พูดกับโห้หลีเฉินด้วยเสียงต่ำ “คุณโห้ พวกเรารีบไปกันเถอะ”
โห้หลีเฉินเหมือนไม่ได้รู้สึกไม่เหมาะสมแต่อย่างใด นั่งอยู่ด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย
“ยังไม่ถึงเวลาหนังเริ่มเลย”
ที่นี่ล้วนล้อมด้วยฝูงชนมากมาย เขายังจะรอดูหนังอีกเหรอ?
เย้นหว่านยิ่งปวดหัวเพิ่ม “หนังเอาไว้ครั้งหน้าค่อยเถอะ ที่นี่คนเยอะเกินไป”
“ไม่เป็นไร”
โห้หลีเฉินนิ่งเฉยจนทำให้เย้นหว่านกระทืบเท้า
ด้านข้างรอบด้วยเสียงคนจอแจมากมายอย่างไม่ต้องพูดถึง มองดูยังมีคนล้อมเข้ามาไม่ขาด ในมือทุกคนล้วนหยิบมือถือถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอ
เธอยังพัวพันต่อไป จากนั้นใช้แรงดึงแขนของโห้หลีเฉิน
“คุณโห้ จริงๆ นะ รีบไปเถอะ”
โห้หลีเฉินนั่งมั่นคงมาก แต่น่าแปลกใจคือถูกเย้นหว่านดึงขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
เขาปล่อยให้เธอลาก มืออีกข้างถือโค้กสองแก้วไว้ เดินตามเธอไป
“ขอโทษนะคะ หลบหน่อย”
เย้นหว่านก้มหน้ารอดออกไปจากในฝูงชน อยากเดินไปข้างนอก ทันใดนั้นโห้หลีเฉินพลิกมือมากุมมือเธอไว้ ดึงเธอเดินไปหน้าทางเข้าโรงหนัง
เย้นหว่านตกตะลึง เวลานี้แล้ว ยังจะดูหนังอีกเหรอ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังไม่ถึงเวลาด้วย
โห้หลีเฉินเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าโรงหนัง พูดสั่งกับพนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าโรงหนัง “กั้นคนเอาไว้”
พูดจบก็พาเย้นหว่านเดินเข้าไป ไม่ตรวจตั๋วและไม่มีคนห้าม ราวกับเข้ามาสวนดอกไม้ของบ้านตนเอง
“เย้นหว่าน เย้นหว่าน”
คนกลุ่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลังรีบตามเข้ามา วิ่งมาถึงหน้าประตู กลับถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยขวางไว้โดยสัญชาตญาณ
พวกเขาไม่พอใจ ยังอยากเข้าไป สถานที่ในเวลานี้กลายมาเป็นวุ่นวายพอสมควร
เย้นหว่านมองคนเหล่านี้ หนังศีรษะชาอยู่บ้าง
ที่แท้การมีชื่อเสียง ถูกคนตาม เป็นความรู้สึกแบบนี้
แต่ที่นี่ยังไม่สามารถอยู่นานได้
เธอจูงมือโห้หลีเฉินเดินไปห้องฉายหนังด้านใน แม้กระทั่งไม่ได้สังเกต ตอนนี้เธอกับโห้หลีเฉินจับมือกันไว้ สิบนิ้วประสานกัน
เดินมาถึงสถานที่ไม่มีคนอย่างรวดเร็ว เย้นหว่านถึงตบๆ หน้าอก โล่งอกไปทีหนึ่ง
โห้หลีเฉินเห็นแก้มที่แดงระเรื่อของเธอ สายตามืดครึ้มเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ น่าประหลาดมองอย่างไรก็ถูกชะตาอย่างนั้น
เขาเม้มริมฝีปาก ชี้ไปทางด้านหน้า
“โรงหนังหมายเลข7อยู่ตรงนั้น”
เนื่องจากพวกเขาเข้ามาก่อนจะถึงเวลา โรงฉายหนังที่กว้างใหญ่ ตอนนี้ไม่มีใครสักคน
ขณะเดียวกันก็กังวลว่าเดี๋ยวคนที่เข้ามาจะจำพวกเขาได้ ดังนั้นโห้หลีเฉินจึงให้พนักงานปิดไฟใหญ่ในโรงหนังก่อนล่วงหน้า
เวลานี้ในโรงหนังไม่เพียงเงียบสงบ ยังมีเส้นแสงสลัว เกิดบรรยากาศที่มีเลศนัยอย่างไม่เจตนา
เย้นหว่านมองไม่ค่อยเห็นทาง ตอนที่เดินไปที่นั่ง ระวังก้าวพลาดขั้นบันได ร่างกายโซเซล้มไปด้านหน้า
ที่เอวมีมือข้างหนึ่งยื่นมาทันเวลา โอบเธอเอาไว้
ร่างกายของเย้นหว่านพิงไปในอ้อมอกจองโห้หลีเฉินโดยอัตโนมัติ ร่างกายของสองคนอยู่ในระยะใกล้มาก
ใกล้ราวกับได้ยินเสียงหัวใจเต้นของอีกฝ่าย
ในเส้นแสงที่มืดสลัว รู้สึกว่าถูกขยายใหญ่อย่างไร้ขีดจำกัด ชั่วขณะนั้นรอบด้านเกิดกลิ่นอายที่วกวน
เย้นหว่านใจเต้นดั่งฟังร้อง รีบผลักโห้หลีเฉินออกทันที
“ขอบ ขอบคุณค่ะ”
โห้หลีเฉินมองเธอตรงๆ เม้มริมฝีปากบางไม่พูดอะไร
ถึงแม้เมื่อสักครู่จะกอดเธอเป็นช่วงสั้นๆ แต่กลับเป็นเหมือนต้นฝิ่น ทำให้เขาเสพติด อยากโอบเธอไว้ในอ้อมอกตลอดไป
ความคิดนี้ของเขายังไม่ทันเป็นจริง เย้นหว่านก็รีบร้อนเดินไปด้านหน้าแล้ว
หลังจากหาที่นั่งที่พวกเขาจองไว้เจอแล้ว เย้นหว่านนั่งลงมาอย่างเที่ยงตรง
เมื่อก่อนตอนที่มาดูหนังด้วยกันกับเพื่อน ยังผ่อนคลายดื่มด่ำ แม้กระทั่งตอนที่เคยมาดูหนังกับซือหนานก็ยังสบายใจมีความสุข แต่ว่าเวลานี้……
รู้สึกถึงร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มนั่งลงมาด้านข้างตนเอง ในใจเย้นหว่านกระสับกระส่าย เป็นความประหม่าที่พูดไม่ถูก
ดังนั้นเธอเหมือนจะหันเหความสนใจ กินป๊อปคอร์นไม่หยุด
โห้หลีเฉินหันหน้ามองเธอ สายตาประกายความมันวาวที่ล้ำลึก สิ่งนี้ไม่ใช่ของสุขภาพ แต่เธอกลับเหมือนจะชอบกินมาก?
เย้นหว่านไม่กล้ามองโห้หลีเฉิน โห้หลีเฉินกลับมองเย้นหว่านอยู่ตลอด
ทั้งสองคนนั่งอยู่ ต่างคนต่างคิดไปแบบนี้ จนกระทั่งถึงเวลาเข้าโรงหนัง ที่นั่งอื่นๆ เริ่มมีคนมานั่งลง
เพราะว่าแสงมืดสลัว จึงไม่มีใครจำเย้นหว่านได้
เย้นหว่านยังถือว่าดูหนังเรื่องหนึ่งได้แบบสบายใจ
นี่คือหนังรักเรื่องหนึ่ง แสดงเรื่องราวความรักที่สวยงาม พระเอกชอบนางเอกมาตลอดตั้งแต่ช่วงเป็นนักเรียน หลังจากโตมายังคงตามจีบนางเอกอย่างไม่ย่อท้อ
สารภาพรัก99ครั้ง ถูกปฏิเสธไป99ครั้ง
ครั้งสุดท้ายนี้ เขาถือดอกกุหลาบรอนางเอกที่ด้านล่างตึก แต่ทั้งสองคนกลับพลาดเวลากันอย่างจับพลัดจับผลู การสารภาพรักครั้งที่100 เขาไม่มีโอกาสพูดออกมา แต่สำหรับเขา นี่เป็นการสารภาพรักครั้งสุดท้าย
ท้ายที่สุดเขายอมแพ้ ตอนเสียใจกำลังจะออกไป นางเอกกลับปรากฏตัวขึ้นแล้ววิ่งมาทางเขา
หล่อนพูดว่า “นายเดินมาทางฉัน99ก้าวแล้ว ก้าวสุดท้ายนี้ ปล่อยให้ฉันเดินไปทางนายเถอะ”
ตอนที่เล่นมาถึงฉากนี้ ต่างได้รับน้ำตายกใหญ่ ในโรงหนังยิ่งมีอารมณ์ตื้นตันใจที่กลั้นไม่อยู่มากมาย จูบกันตรงนั้นแล้ว
แสงไฟที่มืดสลัว ภายใต้บรรยากาศคลุมเครือ ทั้งโรงภาพยนตร์เต็มไปด้วยกลิ่นอายรักใคร่