สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 146 เธอไม่เดิน นั้นฉันมาเอง
บทที่ 146 เธอไม่เดิน นั้นฉันมาเอง
เย้นหว่านมองสองคนที่โอบกอดกันบนหน้าจอ และประทับใจมาก แม้กระทั่งอิจฉาความรักที่บริสุทธิ์งดงามแบบนี้
ถ้ามีสักคนที่รักเธอแบบนี้ ยินยอมเดินมาหาเธอ99ก้าวอย่างไม่บ่นไม่เสียดาย คงจะดีมาก……
เธอกำลังเหม่อลอย เวลานี้ฝ่ามือกว้างใหญ่ข้างหนึ่งกลับจับมือน้อยของเธอเอาไว้แน่น ประสานสิบนิ้ว
ความอบอุ่นของฝ่ามือเขา แพร่ผ่านผิวพรรณของเธอเข้ามาแล้ว
เย้นหว่านตัวแข็งทื่อ หันหน้ามองทางชายหนุ่มข้างกายโดยจิตใต้สำนึก
ภายใต้เส้นแสงไฟที่ค่อยไม่ชัดเจน เธอกลับมองเห็นชัดเจนเป็นพิเศษ เขามองเธอด้วยสายตาที่ล้ำลึกใกล้จะพัวพันอุตลุด
เขาอยู่ใกล้เธอมาก เสียงที่ต่ำมากๆ ราวกับเสียงกระซิบกระซาบที่สนิทแนบแน่น
“เย้นหว่าน ฉันเดินไปทางเธอ99ก้าว เธอจะเดินก้าวสุดท้ายมั้ย?”
ชั่วขณะนั้นราวกับเสียงในหน้าจอใหญ่ ผู้คนในโรงภาพยนตร์ล้วนหายไปทั้งหมด รอบด้านเงียบสนิท
ในสายตาเย้นหว่านมองเห็นเพียงโห้หลีเฉิน
ในสมองของเธอทวนคำพูดประโยคนี้ของเขาอยู่ไม่ขาด
เย้นหว่าน ฉันเดินไปทางเธอ99ก้าว เธอจะเดินก้าวสุดท้ายมั้ย?
คาดไม่ถึงเขาจะใช้วิธีที่เธอรอคอยที่สุด มาสารภาพรักกับเธอ……
เงียบอยู่นานก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบ
โห้หลีเฉินจ้องเย้นหว่านด้วยสายตาล้ำลึก หน้าที่หล่อเหลาสุดๆ ใบนั้นเข้ามาใกล้เธออีกระดับ
เสียงของเขาเผด็จการอยู่บ้าง
“เธอไม่เดิน งั้นฉันเดินเอง”
ไม่ว่าจะเป็นก้าวแรกสุด หรือก้าวสุดท้าย ขอเพียงเป็นการเดินไปหาเธอ ถึงแม้ตั้งแต่แรกจนจบเธอจะยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เขาก็จะเดินไปตรงหน้าของเธอ
เขามั่นใจแล้วว่าเป็นเธอ
หัวใจของเย้นหว่านสั่นอย่างรุนแรง ราวกับถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็น จับเข้าไปในเหวลึกไม่มีก้นบึ้ง
เธอยิ่งดิ้นรน ยิ่งจมลึกลงไป
……
ถึงแม้เย้นหว่านจะพาโห้หลีเฉินวิ่งหนีแล้ว แต่เรื่องที่เธอกับโห้หลีเฉินออกเดตไปดูหนังที่โรงหนังยังแพร่สะพัดออกไปทั่วเมืองหนานอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากยอมรับเรื่องคลุมเครือในงานแถลงข่าว ทั้งสองคนแอบไปออกเดตดูหนังกัน นี่สำหรับผู้คนที่มองมา คือเรื่องที่จริงแท้แน่นอน
โห้หลีเฉินกับเย้นหว่าน ความสัมพันธ์แบบคู่รัก แน่นอนแบบไม่ต้องสงสัย
เย้นหว่านพึ่งกลายเป็นนักออกแบบมีชื่อเสียง ส่วนโห้หลีเฉินเป็นคนที่มีเงินที่สุดมีอำนาจที่สุดในเมืองหนาน ทั้งสองคนที่เป็นคนร้อนแรงระดับสูงมารวมตัวกัน กลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนติดตาม
มีคนนับไม่ถ้วนที่อิจฉาตาร้อน
และโดยเฉพาะโห้หลีเฉินเป็นคนตระกูลร่ำรวยเหลือเกิน เย้นหว่านยังเพิ่งมีแค่ชื่อเสียง ล้วนสามารถพูดได้ว่าเป็นซินเดอเรลล่า และมีเสียงที่แตกต่างออกไปมากมาย เริ่มคาดเดาอนาคตของความสัมพันธ์นี้ขึ้นมา
และเวลานี้ มีข่าวที่จริงจังมากแพร่ออกมาแล้ว
มีคนตระกูลดังเผยออกมา สองเดือนก่อนหน้านี้ โห้หลีเฉินกับเย้นหว่านก็หมั้นหมายกันแล้ว
เปลี่ยนคำพูด เย้นหว่านเป็นคู่หมั้นของโห้หลีเฉิน เป็นคุณผู้หญิงตระกูลดังของตระกูลโห้อย่างแน่นอน
พวกเขาไม่เพียงเป็นคู่รักกัน แต่เป็นคู่หมั้น!
พอข่าวนี้แพร่ออกมา เรื่องนี้ยิ่งเพิ่มความฮือฮา
และไม่มีใครคาดเดาอนาคตของความสัมพันธ์นี้อีก แต่เป็นทุกคนรวมตัวกันอิจฉาเย้นหว่าน อนาคตจะแต่งงานกับโห้หลีเฉินแล้ว
เรื่องนี้เอะอะจนทุกคนรู้กันหมด ตระกูลโห้ย่อมรู้ด้วยเช่นกัน
เวลานี้จูเหลียนอีงดูข่าวพวกนั้นในหน้าจออยู่ บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยยกรอยยิ้มที่พึงพอใจมาก
“ที่จริงหลีเฉินไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวัง ดูแล้วเขาอยากแต่งงานกับเย้นหว่านด้วยความจริงใจ”
“ยินดีด้วยครับคุณท่านใหญ่ ไม่ต้องกังวลเรื่องแต่งงานของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงแล้ว”
“ใช่ ถือว่าฉันสบายใจลงมาได้แล้ว เตรียมการสักนิด ให้ตระกูลเย้นมาทานข้าวด้วยกันสักมื้อ เลือกวันมงคลแต่งงานกัน”
จูเหลียนอีงยิ้มแล้วบอกไป “พิธีแต่งงานสามารถเริ่มเตรียมได้แล้ว จัดงานให้ยิ่งใหญ่ที่สุด ดีที่สุด ไม่ต้องปิดบังคนนอก”
เธอต้องการจัดพิธีแต่งงานที่เป็นที่ดึงดูดสายตาของคนทั้งโลกงานหนึ่ง เพื่อโห้หลีเฉินและเย้นหว่าน
ผู้ดูแลบ้านพยักหน้าด้วยความเคารพ “ได้ครับ คุณนายใหญ่”
……
เพราะงานแถลงข่าวพึ่งเสร็จสิ้น เย้นหว่านไม่จำเป็นต้องไปทำงานตามเวลาปกติ จึงพักผ่อนอยู่ที่บ้านช่วงหนึ่ง
ส่วนโห้หลีเฉินเพราะมือบาดเจ็บ จึงอยู่ที่บ้านไปโดยปริยาย
แต่ละวันผ่านไป เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินกับอยู่ด้วยกันนับวันยิ่งกลมเกลียวเป็นที่เข้าใจของทั้งสองฝ่าย
ถึงแม้เย้นซินจะพักอยู่ด้วยกันกับพวกเขา แต่ไม่ว่าหล่อนจะเข้าใกล้โห้หลีเฉินอย่างไร ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่มีทางใกล้ชิดเขาได้อย่างแท้จริง ยังห่างเหินอย่างเช่นเมื่อก่อน
ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของเย้นหว่าน หล่อนยังไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์ร่วมโต๊ะอาหาร
เย้นซินกลัดกลุ้มมาก บวกกับได้ยินข่าวคราวจากที่บ้าน ยิ่งเพิ่มความกลัดกลุ้มใจ แม้กระทั่งร้อนรน
หล่อนหาเย้นหว่านเจอ มองไปรอบด้าน หลังจากแน่ใจว่าโห้หลีเฉินไม่อยู่แถวนี้ จึงถามด้วยเสียงต่ำ
“พี่ พี่กับพี่เขยใกล้จะแต่งงานกันแล้วใช่มั้ย?”
เย้นหว่านตะลึงพักหนึ่ง “ไม่นะ เธอทำไมถึงถามมากะทันหัน?”
“ฉันได้ยินแม่พูดมาว่าตระกูลโห้ทางนั้นกำลังเตรียมเรื่องพิธีแต่งงาน เหมือนอีกไม่กี่วันจะนัดดูวันด้วยกัน”
เย้นซินเก็บซ่อนความอิจฉาไว้ในใจ หน้าตาพูดอย่างมีรอยยิ้ม
เดิมทีเย้นหว่านไม่ทันได้สนใจอารมณ์ของเย้นซิน เพียงรู้สึกว่าฟ้าร้องไล่หลังมา “เธอพูดเรื่องจริง? ทำไมฉันถึงไม่รู้”
“ตอนนี้น่าจะยังไม่แน่ใจ ดังนั้นแม่เลยอยากรอตระกูลโห้แจ้งวันนั้นถึงบอกพี่มั้ง เลี่ยงที่พี่จะดีใจเก้อ แต่ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ของพี่กับพี่เขยสนิทกันขนาดนี้ อาจจะรู้แต่แรกแล้ว”
เย้นหว่านส่ายหน้า อารมณ์ซับซ้อนที่สุด
ตระกูลโห้เริ่มเตรียมพิธีแต่งงานแล้ว ถ้าทั้งสองตระกูลนัดเจอกัน กำหนดวันแต่งงาน งั้นเธอกับโห้หลีเฉินก็จำเป็นต้องแต่งงานอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่ว่าพวกเขาไม่ได้คิดจะแต่งงานกันจริง……
เย้นหว่านกังวลจนปวดศีรษะไปหมด ตอนนี้ข่าวลือเกี่ยวกับเธอและโห้หลีเฉินยังว่อนเต็มไปหมด ตอนนี้ตระกูลโห้ก็กำลังเตรียมพิธีแต่งงาน
สรุปเธอต้องทำอย่างไรดี?
“พี่ พี่เป็นอะไรไปแล้ว? พี่ดูเหมือนสีหน้าไม่ค่อยดี หรือว่าพี่ไม่อยากแต่งงานกับพี่เขย?”
เย้นซินสังเกตท่าทางเปลี่ยนแปลงของเย้นหว่านได้อย่างแนบแน่น คิดจะมองอะไรที่ต่างออกไปจากท่าทีของเธอ
เย้นหว่านกระวนกระวายใจส่ายหน้า ไม่ได้ตอบรับความคิดของเย้นซิน
เธอต้องหาวิถีทาง ไม่สามารถให้เรื่องราวลุกลามต่อไปขนาดนี้ได้อีก ไม่อย่างนั้นต่อไปหากถอนหมั้น ผลกระทบจะยิ่งใหญ่เกินไป
เป็นไปได้มากว่าถึงตอนนั้นอาจสร้างผลกระทบด้านลบ ไม่เพียงแค่เธอ แม้แต่ตระกูลเย้นล้วนต้องประสบหายนะตามไปด้วย
เห็นท่าทางเย้นหว่านมีเรื่องหนักใจ เย้นซินแปลกใจอยู่บ้าง และคิดร้ายอย่างดีใจอยู่บ้าง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไม เย้นหว่านเหมือนไม่ปรารถนาต่อเรื่องแต่งงานนี้
แบบนี้ถึงสามารถให้โอกาสหล่อนได้
ในใจเย้นซินมีแผนการของตนเอง ตอนที่ยังกังวลคิดวิธีไม่ได้ จึงออกไปซื้อของข้างนอก จนได้เจอกับมู่จื่ออี้เข้า
เห็นทิศทางที่มู่จื่ออี้เดินมาคือคฤหาสน์ของโห้หลีเฉิน
เย้นซินดวงตาเป็นประกาย รีบเดินเข้าไปหามู่จื่ออี้
“มู่จื่ออี้ คุณมาที่นี่ได้ยังไง? มาหาพี่สาวเหรอ?”
“อืม”
มู่จื่ออี้พยักหน้า หน้าของเขายังคงหล่อเหลาบาดใจ แต่ภายใต้ดวงตาเหมือนมีสีเขียวจางๆ ชั้นหนึ่ง ดูขึ้นมาหน้าซีดเซียวแบบนอนหลับไม่ดี