สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 147 หลอกลวง
บทที่ 147 หลอกลวง
ตั้งแต่เห็นทุกอย่างที่งานแถลงข่าวของเย้นหว่านในทีวี ต่อมาก็เป็นข่าวลือเรื่องการออกเดต พิธีแต่งงานเกี่ยวกับเย้นหว่านและโห้หลีเฉินที่กระจายไปทั่ว เรื่องนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกวิกฤติที่รุนแรง
ทำไมทั้งๆ ที่เป็นการหมั้นจอมปลอม ตอนนี้กลับบานปลายจนคนรู้ไปหมด แม้กระทั่งยังเตรียมจัดพิธีแต่งงาน
หรือว่าเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินจะแต่งงานกันจริงหรือ?
ถึงแม้จะเป็นเรื่องไม่จริง เขาก็รับไม่ไหวแล้ว
ดังนั้นเขาอดทนต่อไปไม่ได้ ค้นหาที่พักของโห้หลีเฉิน เข้ามาตามหาเย้นหว่านด้วยตนเอง
“ตอนนี้พี่สาวอาจจะไม่ค่อยสะดวก ถ้าไม่อย่างนั้นฉันพาคุณเข้าไปดีกว่า จากนั้นช่วยเรียกพี่สาวออกมาให้คุณดีไหม?”
เย้นซินยิ้มบอก ท่าทีมีมารยาทอย่างมาก และท่าทางลำบากใจอยู่บ้าง
มู่จื่ออี้เห็นท่าทางนี้ของหล่อน ในใจยิ่งอารมณ์เสีย
เป็นเพราะหลีกเลี่ยงการระแวงโห้หลีเฉิน ถึงไม่สะดวกมาเจอกับเขาสินะ
ตอนนี้เขาจะไม่เข้าใจมากนักว่าระหว่างเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินเป็นความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ เธออยู่ข้างกายโห้หลีเฉิน ใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง
เย้นซินพามู่จื่ออี้พามาถึงด้านนอกคฤหาสน์ ให้มู่จื่ออี้รออยู่ ส่วนหล่อนเดินเข้าไปตามลำพัง
หลังจากเข้าไปแล้ว เย้นซินมองเห็นเย้นหว่านยกกาแฟเตรียมขึ้นไปข้างบนพอดี
“พี่ พี่ทำอะไรล่ะ?”
เย้นหว่านก้าวเท้าหยุดลง “เอากาแฟไปให้พี่เขยเธอ”
ในใจเย้นหว่านอดบ่นไม่ได้ ช่วงนี้เธอทำเรื่องรับใช้แบบนี้ นับวันยิ่งคล่องมือ เป็นแบบนี้ต่อไป จะเคยชินแล้ว
ยิ่งทำให้จิตใจว้าวุ่น
เย้นซินเดินไปทางเย้นหว่าน “แต่ว่าด้านนอกมีคนมาหาพี่ เหมือนมีเรื่องสำคัญมาก”
เย้นหว่านสงสัย “ใครกัน?”
คนที่รู้ว่าเธอพักอยู่ที่นี่ไม่มาก ยังมีใครสามารถเข้ามาได้?
“มู่จื่ออี้ที่เคยเจอที่ห้างครั้งก่อน”
“เขาเหรอ งั้นทำไมเธอไม่ให้เขาเข้ามา รออยู่ด้านนอกทำไม?”
เย้นซินแววตาเผยแผนร้าย จงใจมองไปทางห้องหนังสือ
“ฉันกลัวพี่เขยอาจจะไม่ชอบ”
โห้หลีเฉินคนนี้จู้จี้มาก คนทั่วไปเข้าใกล้ไม่ได้ มู่จื่ออี้กับเขาไม่สนิทกันด้วย ถ้าให้เข้าคฤหาสน์ของเขาตามอำเภอใจ ไม่แน่จะทำโห้หลีเฉินโกรธได้
เย้นหว่านคิดไปก็ใช่ จึงพยักหน้า “งั้นฉันออกไปหาเขาก่อน”
ขณะพูดเย้นหว่านยกกาแฟจะขึ้นไปข้างบน
เย้นซินกลับรีบขวางเย้นหว่านเอาไว้ “พี่ พี่ไปหาเขาก่อนเถอะ ฉันยกกาแฟไปให้เองก็ได้”
เย้นหว่านลังเลสักหน่อย คิดดูเพียงแค่ส่งกาแฟเท่านั้น เป็นใครส่ง โห้หลีเฉินน่าจะไม่มีปัญหามากเท่าไร
ดังนั้นเย้นหว่านจึงนำกาแฟยื่นให้เย้นซิน และเดินออกไปข้างนอก
เย้นซินถือกาแฟไว้ เหมือนอุ้มของล้ำค่าอยู่ ทำหน้าปลื้มปริ่มใจ
หลายวันมานี้ เพราะเย้นหว่านอยู่ด้วยกันกับโห้หลีเฉินทุกเวลา แม้แต่โอกาสยกชาไปให้โห้หลีเฉิน หล่อนยังไม่มี ในที่สุดตอนนี้สามารถไปห้องหนังสือได้แล้ว ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังกับเขาสักครู่
เย้นซินคิดอย่างมีความสุข แล้วรีบเดินขึ้นด้านบนไป
“ก๊อกๆๆ”
เสียงเคาะประตูที่เบาและมีจังหวะลอยมา
เหมือนจังหวะเคาะประตูของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินรู้ว่าเป็นเย้นหว่านมาแล้ว สายตาแฉลบรอยยิ้มจางๆ
เขาเอ่ยปากเสียงต่ำ “เข้ามา”
เปิดประตูออก คนที่เห็นกลับเป็นเย้นซินที่ยกกาแฟมา
รอยยิ้มในสายตาโห้หลีเฉินละลายเป็นเย็นยะเยือกชั่วพริบตาเดียว สายตาที่มองเย้นซินราวกับทิ่มแทง
เสียงเคาะประตูก็สามารถเหมือนกันทุกครั้ง?
สบสายตาที่เย็นยะเยือกของชายหนุ่มเข้า เย้นซินทั้งหวาดกลัวทั้งประหม่า หล่อนโตมาขนาดนี้ เพิ่งเคยสัมผัสพลังที่ยิ่งใหญ่แบบนี้บนตัวของโห้หลีเฉิน
อันตรายจนทำให้คนเคลิบเคลิ้ม
บนหน้าเย้นซินยกรอยยิ้มที่ตนเองคิดว่างามที่สุดขึ้น ยกกาแฟอ้อมมาที่โต๊ะทำงาน ยืนอยู่ตำแหน่งด้านข้างของโห้หลีเฉิน
เสียงของหล่อนละมุนหยาดเยิ้ม “พี่เขย ฉันเอากาแฟเข้ามาให้พี่ เป็นแบบน้ำตาลครึ่งช้อนที่พี่ชอบ”
โห้หลีเฉินดื่มกาแฟจนเคยชิน มีเพียงเลขาข้างกาย และยังมีเย้นหว่านที่รู้
สีหน้าของเขาไม่ค่อยดี “ใครให้เธอขึ้นมา?”
การกระทำที่เย้นซินยกกาแฟยื่นให้โห้หลีเฉินแข็งค้าง ท่าทางดูสับสนพอสมควร “พี่สาวเป็นคนให้ฉันยกขึ้นมาให้”
“เขาไปไหนล่ะ?”
“เขา……”
เย้นซินสีหน้ายิ่งลนลานเพิ่ม พูดติดอ่าง “เขา เขามีธุระต้องทำ”
มีธุระต้องทำเป็นเรื่องปกติมาก แต่ว่าท่าทางที่เย้นซินพูดออกมา เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องอยากปิดบังแต่ปิดไม่มิด ล้วนเป็นข้ออ้างทั้งนั้น
โห้หลีเฉินหรี่ตาลง “เขากำลังยุ่งอะไรอยู่?”
ชั่วขณะนั้นเย้นซินยิ่งสับสน รีบเอ่ยปาก “ไม่ได้ยุ่งอะไร เดี๋ยวพี่สาวก็กลับมา พี่ไม่ต้องใส่ใจ”
โห้หลีเฉินจับประเด็นในคำพูดของเย้นซินได้อย่างอ่อนไหวมาก หลังจากกลับมา
แม้แต่โทรศัพท์บอกกล่าวเขายังไม่มี เธอก็ออกไปข้างนอกแล้ว หรือว่าเกิดเรื่องอะไรกะทันหัน?
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมาข้างนอก ทั้งยังหยิบมือถือออกมา อยากโทรศัพท์หาเย้นหว่าน
เย้นซินเห็นเหตุการณ์ จึงรีบห้ามไว้
“พี่เขย พี่สาวอยู่ข้างนอกคฤหาสน์เท่านั้นเอง ไม่นานก็กลับมาแล้ว”
ขณะพูดหล่อนก็ยื่นกาแฟไปตรงหน้าของโห้หลีเฉิน “พี่เขย พี่ดื่มกาแฟก่อนเถอะ ไม่ต้องสนใจพี่สาวจริงๆ”
หล่อนยิ่งพูดแบบนี้ ยิ่งเห็นได้ชัดว่าหวาดผวา
แต่ไหนแต่ไรโห้หลีเฉินไม่เคยเพิกเฉยเรื่องที่เกิดขึ้น ก้าวเท้าใหญ่ๆ เดินไปริมหน้าต่าง
ตำแหน่งของเขานี้ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั้งด้านหน้าคฤหาสน์ได้หมด
เวลานี้เขามองเห็น ใต้ต้นท้อหน้าลานบ้าน คนที่กำลังยืนอยู่ด้วยกันคือเย้นหว่านและมู่จื่ออี้
หน้าหล่อเหลาของเขาอึมครึมทันใด เธอมีธุระด่วนกะทันหัน คือเจอมู่จื่ออี้?
แต่ว่าเจอก็เจอเถอะ ไม่เป็นอะไร เพียงแค่มู่จื่ออี้จับไม้จับมือกับเธอ……
บนหน้าโห้หลีเฉินทาด้วยเกล็ดน้ำแข็งชั้นหนึ่งในชั่วพริบตาเดียว ก่อนจะหมุนตัวเดินลงไปด้านล่าง
เย้นซินมองสองคนที่อยู่ด้านล่างจากหน้าต่าง มุมปากโค้งรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้น เวลานี้ถูกโห้หลีเฉินเห็นเหตุการณ์เข้า เย้นหว่าน ดูสิครั้งนี้เธอจะทำอย่างไร
หน้าลานคฤหาสน์
เย้นหว่านเดินออกมามองเห็นมู่จื่ออี้ยืนอยู่ใต้ต้นท้อ เงาต้นไม้ตกบนตัวของเขา มืดอยู่บ้าง แต่กลับทำเขาให้หล่อเหลาขึ้นชัดเจน
ด้านหลังของเขาเป็นใบต้นท้อเขียวขจี ดูขึ้นมาเย็นชุ่มชื่นและดูสบาย
เย้นหว่านเดินไปตรงหน้าของเขาโดยตรง “จื่ออี้ คุณมาหาฉันเหรอ? ทำไมไม่โทรมาหาฉันล่วงหน้า”
มู่จื่ออี้มองเย้นหว่านจิตใจเหม่อลอย
สองวันนี้ได้รับผลกระทบจากเรื่องข่าวลือ เขาก้าวผ่านแต่ละวันไปอย่างยากลำบาก ได้เห็นเย้นหว่านอีกครั้ง ก็เหมือนผ่านมาหลายศตวรรษ และในหลายศตวรรษนี้ เขาเกือบจะสูญเสียเธอไปแล้ว
แม้แต่สิทธิ์ตามจีบยังไม่มี
มู่จื่ออี้ตื่นเต้นอยากกอดเย้นหว่านไว้มาก ในใจมีคำพูดเป็นกอง แต่ว่าท้ายที่สุด เขาเพียงแค่พูดออกมาไม่กี่คำจากในปาก
“เสี่ยวหว่าน คุณสบายดีมั้ย?”
ในดวงตาของเขามีความห่วงใยที่ซ่อนไม่มิด
เย้นหว่านตะลึง นึกถึงข่าวลือที่แพร่กระจายในสองวันนี้ และมู่จื่ออี้เป็นคนที่รู้ความสัมพันธ์แท้จริงของเธอกับโห้หลีเฉิน ต้องเป็นห่วงเธอแน่
เย้นหว่านยิ้มส่ายหน้า “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันสบายดีมาก”
หัวคิ้วมู่จื่ออี้ขมวดอยู่ยังคงไม่คลายออก ลังเลสักพัก เขาถึงพูดเสียงต่ำ
“คุณอยากถอนหมั้นกับโห้หลีเฉินมั้ย?”
“อยากสิ”
เย้นหว่านตอบอย่างไม่คิด สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ
มู่จื่ออี้เหมือนค่อยๆ โล่งอกไปทีหนึ่ง อยากถอนหมั้น ก็ดี
“ตอนนี้ความสัมพันธ์ของคุณกับโห้หลีเฉินโดนทุกคนรู้หมดแล้ว ผมได้ยินมาว่าตระกูลโห้กำลังเตรียมพิธีแต่งงานแล้ว แนวโน้มตอนนี้กำลังพัฒนาต่อไป หลังจากนี้คุณกับโห้หลีเฉินถอนหมั้นจะต้องส่งผลกระทบทางลบมากแน่ พวกคุณมีวิธีแก้ไขแล้วรึยัง?