สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 148 อยากไปจากเขา
บทที่ 148 อยากไปจากเขา
เย้นหว่านส่ายหน้าด้วยความจำใจ เรื่องนี้เป็นด้ายผูกหัวใจเธอในตอนนี้อย่างยิ่ง
“ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไง โห้หลีเฉินเขาก็……”
พูดๆ อยู่เย้นหว่านก็ไม่พูดต่อไป
คิดว่าช่วงเวลานี้โห้หลีเฉินยั่วเธอทุกที่ แต่ละคำมีแต่อยากแต่งงานกับเธอ ทำเธอจิตใจว้าวุ่นไปหมด
หรือว่าโห้หลีเฉินไม่คิดจะถอนหมั้นจริงๆ?
“เสี่ยวหว่าน ไม่ต้องรีบร้อน ผมช่วยคุณได้ คุณบอกผม คุณอยากถอนหมั้นรึเปล่า?”
เย้นหว่านพยักหน้าแล้ว
บนหน้ามู่จื่ออี้เต็มไปด้วยความมืดมน ในที่สุดก็มีรอยยิ้มมาบ้าง
เขายื่นมือจับไหล่ของเย้นหว่านเอาไว้ ในน้ำเสียงมีความรอคอยดีใจ
“งั้นคุณคิดจะไปจากโห้หลีเฉินไหม?”
ไปจากเขา?
หลังจากถอนหมั้น เธอกับเขาก็ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ และจะไม่พัวพันกันอีกแล้ว นี่คือเรื่องที่เย้นหว่านมีการเตรียมพร้อมอยู่ในใจมาตลอด
เพียงแต่พอถูกพูดออกมา เธอกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ภายในอย่างน่าประหลาด
เป็นไปได้ว่าเคยชินกับช่วงเวลานี้แล้ว เลยเห็นเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง
แต่ไม่ใช่คนโลกเดียวกัน ท้ายที่สุดควรต่างแยกกันไปคนละทิศละทาง
เย้นหว่านลังเลสักพัก พูดเสียงเบามากๆ “คิด”
อยู่ไม่ไกลนัก ฝีเท้าของชายหนุ่มหยุดลงฉับพลัน
โห้หลีเฉินเพิ่งลงมา ก็ได้ยินคำตอบอันนี้แล้ว
อยากไปจากโห้หลีเฉินไหม? เธอตอบ: คิด
เย้นซินตามมาด้านหลังโห้หลีเฉิน ได้ยินคำพูดแบบนี้ เห็นสีหน้าของโห้หลีเฉินไม่สู้ดีเท่าไร ชั่วขณะหนึ่งรู้สึกดีใจ
เย้นหว่านไม่เนรคุณสักนิดต่อความหวังของเธอจริงๆ นัดเจอตามลำพังกับมู่จื่ออี้ก็ช่างไป ยังมาให้โห้หลีเฉินได้ยินคำพูดแบบนี้ด้วยความบังเอิญอีก
เย้นหว่านคือคนที่สวรรค์ส่งมาช่วยหล่อนให้กลายเป็นคุณผู้หญิงตระกูลโห้
เย้นซินเก็บซ่อนความดีใจเอาไว้ภายใน รีบร้องเสียงดังด้วยความตกใจ “พี่ พี่พูดอะไรกัน? ทำไมพี่อยากไปจากพี่เขย?”
พอได้ยินเสียง เย้นหว่านหันตัวมาทันใด มองเห็นโห้หลีเฉินอย่างแปลกใจ
หัวใจของเธอเต้นตึกตักสักพัก มีความสับสนอย่างลึกลับ
สายตาของโห้หลีเฉินมืดดำ มองเธออย่างหนักหน่วง อันตรายสุดๆ
ความดันรอบตัวเขาต่ำมาก ก้าวขายาว แต่ละก้าวเดินมาทางเย้นหว่าน ราวกับภูเขาสูงที่ล้มทับมา อยากทับคนให้แหลกเป็นผุยผง
เย้นหว่านกระวนกระวายใจ ประหม่าที่สุด สมองเธอหมุนเร็วสุดๆ กำลังคิดว่าจะรับมือสถานการณ์ในตอนนี้อย่างไร เวลานี้แขนข้างหนึ่งกลับดึงเธอไปทีหนึ่ง ลากเธอไปด้านหลังแล้ว
ร่างสูงของมู่จื่ออี้ยืนอยู่ด้านหน้าของเย้นหว่าน คล้ายกับกำแพงที่บังลม ตั้งสูงตระหง่าน
เขาเผชิญหน้ากับโห้หลีเฉินอย่างไม่กลัวสักนิด ท่วงท่าแข็งแกร่ง
“คุณโห้ เย้นหว่านอยากไปจากคุณ เป็นคำจริงใจของเธอ”
มองมู่จื่ออี้ที่บังอยู่ตรงหน้า เห็นข้อมือเย้นหว่านถูกมู่จื่ออี้จับไว้ เห็นเย้นหว่านยืนอยู่ด้านหลังของมู่จื่ออี้ ในใจโห้หลีเฉินเกิดความโหดร้ายทารุณขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ออร่ารอบตัวเขาต่ำถึงที่สุด ต่ำจนทำให้คนหวาดกลัว
สายตาล้ำลึกของเขามองทางเย้นหว่าน ชัดถ้อยชัดคำ ราวกับรอดออกมาจากร่องฟัน
“เธอคิดจะไปจากฉัน?”
เย้นหว่านถูกมองจนขนลุกขนพอง หัวใจเต้นแรงจนหยุดไม่อยู่
ท่าทางแบบนี้ของโห้หลีเฉินดูเหมือนโกรธมาก หาเรื่องไม่ได้มากๆ
มู่จื่ออี้กลับไม่กลัวสักนิด จับมือของเย้นหว่านไว้แน่น พูดกับเธอว่า “ทุกอย่างมีผม ขอเพียงคุณพูดมาตามใจจริงของคุณ”
ขอเพียงเย้นหว่านยินยอม วันนี้เขาจะพาเย้นหว่านไปได้
สีหน้าของโห้หลีเฉินยิ่งดูแย่ลงไปอีก
เย้นหว่านหวาดผวาอย่างแรง มองเย้นซินที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เรื่องที่พวกเขาหมั้นกันหลอกๆ ไม่สามารถให้เย้นซินรู้ได้
เธอกัดฟัน พูดว่า “ไม่มีนี่ เมื่อกี้ลมแรง คุณฟังผิดไปรึเปล่า?”
มู่จื่ออี้ตะลึง มองเย้นหว่านด้วยความมึนงง ทำหน้าประหลาดใจ
โห้หลีเฉินท่าทีหวั่นๆ นิดหน่อย น้ำเสียงยังคงต่ำมาก
“ใช่เหรอ? งั้นเมื่อกี้เธอตอบว่าอะไร?”
เมื่อสักครู่มู่จื่ออี้ถามเย้นหว่านอยากจากไปหรือไม่ เธอตอบว่าอยากคำนั้นแบบตรงไปตรงมา คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนได้ยินชัดเจน
เย้นหว่านหวาดผวาอยู่บ้าง เบ้ปาก ตอบแบบจริงจังมาก
“เมื่อกี้ฉันยังไม่ทันพูดจบ ความหมายของฉันคือ คิดแล้ว คิดว่าจากคุณไปไม่ได้”
โห้หลีเฉินหัวใจสั่นอย่างรุนแรง เหมือนโดนค้อนเล็กๆ มาทุบ สั่นไหวจนหยุดไม่อยู่
มู่จื่ออี้หดมุมปากแล้วมองเย้นหว่านด้วยหน้าตาที่ไม่รู้จะคล้อยตามใครดี
นี่ไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้
ตอนนี้เย้นหว่านเปลี่ยนไวจนทำให้เขาเกือบตอบสนองไม่ทัน
เย้นซินไฟลุกเดือดดาล ยังสุดจะทนมากด้วย และไม่ยินยอมให้เย้นหว่านแปลกปลอมผ่านด่านไปขนาดนั้น หล่อนจงใจทำหน้าตาสงสัย
“แต่ว่าเมื่อกี้ฉันได้ยินนะ พี่ไม่ได้พูดคำด้านท้าย”
เย้นหว่านถลึงตาใส่เย้นซินด้วยความกลัดกลุ้ม หล่อนคงไม่ระแวงเธอจริงๆ หรอกมั้ง?
หลังลังเลสักนิด เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินด้วยหน้าตาจริงใจ แต่ละคำพูดอย่างจริงจังเป็นพิเศษ ราวกับเป็นความรู้สึกลึกซึ้งเป็นพิเศษ
“คุณไม่ใช่ไม่รู้ ฉันชอบอยู่ด้วยกันกับคุณมากที่สุด มีบางครั้งอยากติดอยู่ข้างกายคุณ จะยอมจากคุณไปได้อย่างไร? โห้หลีเฉิน คุณต้องเชื่อฉันนะ?”
“ใช่เหรอ?”
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านไปตรงๆ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่รู้เขาคิดอะไรอยู่บ้าง
แต่ถ้าตั้งใจดูจะพบว่าความดันลบที่น่าหวาดหวั่นรอบตัวเขา เทียบกับก่อนหน้านี้หายไปครึ่งใหญ่แล้ว
เห็นโห้หลีเฉินไม่มีความหมายจะร่วมมือแสดงกับตนเอง เย้นหว่านจึงลนลานอยู่บ้าง
เธอกัดฟันแล้ว มองเขาด้วยความลึกซึ้งต่อไป พูดดูคล้ายไม่ได้รับความเป็นธรรม
“คุณก็รู้ ในใจฉันมีเพียงคุณ”
มู่จื่ออี้ “……” คนที่พึ่งตกลงแน่วแน่ว่าจะถอนหมั้นเมื่อกี้ล่ะ?
เวลานี้เขารู้สึกว่าลมค่อนข้างแรง ทำให้เขารู้สึกถึงความยุ่งเหยิงเป็นพิเศษ
บนหน้าหล่อเหลาของโห้หลีเฉินไม่มีอารมณ์อะไร แม้กระทั่งรู้ว่าคำพูดพวกนี้ที่เย้นหว่านพูด ล้วนปั้นเรื่อง แต่อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนมาดีอย่างน่าประหลาดใจ
เขายื่นมือออกไปทางเธอ “เข้ามา”
ฝ่ามือขาวเนียนและยาวดูดีที่สุด ยังมีเสน่ห์ที่ทำให้คนใจสั่น
เย้นหว่านค่อยๆ ผ่อนคลายเส้นประสาทที่ตึงแน่นลง ดีที่ในที่สุดโห้หลีเฉินคิดจะให้ความร่วมมือในการแสดงละครกับเธอ
เธอรีบเดินไปทางโห้หลีเฉินทันที
เวลานี้แรงที่มู่จื่ออี้จับข้อมือของเย้นหว่านกลับมากขึ้น ไม่ได้ปล่อยเธอออก
เย้นหว่านมองเขาด้วยความสงสัย เอ่ยปากเสียงต่ำ “จื่ออี้”
มู่จื่ออี้ขมวดหัวคิ้วแน่น มีคำพูดล้นหลามที่อยากบอกเย้นหว่าน อยากบอกเธอว่าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ทำตามหัวใจของตนเองก็พอ
บอกเธอว่าเขาสามารถคุ้มครองความปลอดภัยของเธอได้ ให้ทุกอย่างที่เธอต้องการได้
บอกเธอว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม
แต่พอรู้สึกถึงความพยายามดิ้นรนของเย้นหว่าน เขายิ่งติดขัดในปาก พูดไม่ออกสักคำ
ถึงแม้อยากจับไว้มากแค่ไหน กลับทำได้เพียงค่อยๆ ปล่อยเธอออก
พอข้อมือได้รับอิสระ เย้นหว่านรีบก้าวไปข้างหน้า นำมือน้อยๆ วางในฝ่ามือของโห้หลีเฉินอย่างซื่อสัตย์
ฝ่ามือของเขาอบอุ่น เหมือนเครื่องทำความร้อน
เขาจับเธอไว้ พาเธอเข้ามาในอ้อมอกของตนเอง
เย้นหว่านแก้มแดง ไม่สบายเท่าไร อย่างผลักออกนิดหน่อย กลับได้ยินเสียงที่ทุ้มต่ำกำกวมของโห้หลีเฉินดังขึ้นข้างใบหูเธอ
“จำคำที่เธอพึ่งพูดเอาไว้”
อะไร? เมื่อสักครู่เธอเหมือนจะพูดอะไรมากมาย
เย้นหว่านยังไม่ทันเข้าใจ ก็ได้ยินเสียงที่น่าดึงดูดยั่วยวนของโห้หลีเฉิน
“ในใจของเธอ มีแค่ฉัน”
และมีได้เพียงแค่เขา
เย้นหว่านแข็งทื่อทันใด ชั่วขณะนั้นหัวใจเต้นเร็วนับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อสักครู่เธอเพียงแค่แสดงละคร เขารู้ไม่ใช่เหรอ?
ทำไมเธอรู้สึกว่าเขาเหมือนคิดจริงเลย…