สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 152 ผู้หญิงของโห้หลีเฉิน
บทที่ 152 ผู้หญิงของโห้หลีเฉิน
ตอนที่เย้นหว่านฟื้นขึ้นมา รู้สึกถึงความเจ็บแหลมคมที่สมอง สติเลอะเลือนอย่างรุนแรง
“อื้ม”
เธอส่งเสียงเจ็บ กลับตกใจที่พบว่าปากของเธอถูกเทปกาวปิดเอาไว้ ส่งเสียงเต็มๆ ออกไปไม่ได้
“อื้อๆๆ อื้อ!”
เย้นหว่านอยากใช้มือรีบไปดึงเทปกาวออก จากนั้นยิ่งพบเข้าอย่างตระหนก……มือของเธอโดนคนใช้เชือกมัดไว้ด้านหลัง ตอนนี้ความสามารถในการเคลื่อนไหวของเธอโดนจำกัดไว้หมดแล้ว
พวกเขาทำอะไรกับเธอกันแน่?
เย้นหว่านมองไปรอบด้านด้วยความลนลาน มองเห็นที่นี่เป็นโรงงานที่ไม่มีการก่อสร้างที่แล้วเสร็จ รอบด้านรกรุงรัง วัสดุทิ้งร้าง และมองออกไปเห็นสถานที่ผ่านกระจกที่เปิดไม่ได้นั้น ด้านนอกเป็นป่าหญ้าหนาอันแสนเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา
สถานที่นี้ห่างไกลผู้คนมากๆ
“อื้อ……อื้อๆๆ”
ใครจะมาช่วยเธอกัน
เย้นหว่านทนความเจ็บที่ศีรษะ ดิ้นรนลุกขึ้นนั่ง พยายามย้ายร่างกายของตนเอง
เวลานี้ ด้านนอกกลับมีเสียงเท้าเร่งรีบดังขึ้น
หัวทองและอีกสองสามคนเดินเข้ามา มองเห็นเย้นหว่าน ชั่วขณะหนึ่งทำหน้าตาดุร้าย
“แม่คุณ ฟื้นแล้วเหรอ? ฟื้นมาได้เวลามาก ดูแล้วเธอคงอยากจะเล่นอย่างถึงอกถึงใจกับพวกฉันมากสินะ”
“อื้อ! อื้อๆ”
เย้นหว่านประหม่าจนร่างกายตึงแน่นทันที หวาดกลัวจนหนังศีรษะชา
เธอไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหน แต่ว่าตอนนี้ในที่สุดคนพวกนี้กำลังจะลงมือกับเธอแล้ว
เธอหวาดกลัวจนย้ายร่างกายถอยไปด้านหลัง เบ้าตาแดงก่ำถลึงตาใส่
“ลูกพี่ แม่คนนี้หน้าตาสวยขนาดนี้ รสชาติต้องไม่เลวมากแน่ๆ ฉันยังไม่เคยลองของดีขนาดนี้มาก่อน ครั้งนี้ให้ฉันก่อนได้มั้ย?”
ผู้ชายคนหนึ่งที่ย้อมผมสีเขียวถูมืออยู่ ตื่นเต้นอยากจะทำอะไรกับเย้นหว่านก่อน
ความคิดชั่วร้ายบนหน้าเขา เดิมทีไม่ปิดซ่อนสักนิดเดียว
อัปลักษณ์จนทำให้เย้นหว่านอยากอาเจียน
เธอพูดไม่มีเสียงออกมา ภายในใจหวาดกลัวสุดๆ ภาวนาอย่าให้พวกเขาเข้ามา ภาวนาชื่อของโห้หลีเฉิน อ้อนวอนขอให้เขามาหาเธอเจอ สามารถมาช่วยเธอไว้ได้
เขาเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเธอในตอนนี้
ถ้าถูกผู้ชายพวกนี้ขืนใจเข้าให้ ชีวิตนี้เธอ……
“อื้อๆ อื้อๆๆ”
เย้นหว่านพยายามพูดให้มีเสียงออกมาจากปากสุดชีวิต ถอยไปข้างหลังไม่หยุด มือจับคลำไปทั่วเท่าที่จะทำได้ จับก้อนหินเจอหมายจะเอาไว้ในมือเตรียมป้องกันตัวเอง
“ผู้หญิงสวยขนาดนี้ ข้าไม่เคยลิ้นรสเลย ไสหัวไปออกไปกันได้แล้ว รอฉันจัดการก่อน”
หัวทองด่าไป ชั่วขณะนั้นเดินมาทางเย้นหว่านอย่างอดใจไม่ไหว
ผู้ชายคนอื่นผิวปากกันอย่างอิจฉาตาร้อน ผิวไปด้วย เริ่มถอนเสื้อผ้าของตนเองไปด้วย
ฉากยุ่งเหยิงตรงหน้าทำให้เย้นหว่านเกือบหมดหวัง
มองเห็นหัวทองเดินเข้ามาตรงหน้าของเธอแล้ว เธอเหมือนมีอารมณ์อยากตายขึ้นมา
หัวทองทำหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ นอนคว่ำลงมากดเย้นหว่าน “ไม่เสียแรงที่เป็นสาวงาม แม้แต่ถลึงตายังดูดีขนาดนั้น เสียงร้องของเธอต้องยิ่งเพราะมากแน่ๆ ถ้าเธอร้องกระเพื่อมขึ้นหน่อย เดี๋ยวฉันจะอ่อนโยนให้หน่อย เป็นยังไงบ้าง?”
หัวทองพูดด้วยการรอคอยเต็มเปี่ยม แวบหนึ่งดึงเทปกาวบนหน้าของเย้นหว่านออก
ผิวหน้าของเย้นหว่านถูกดึงจนเจ็บ เธอไม่ทันได้สนใจแล้ว รีบตะโกนเสียงดังทันที “ออกไป! อย่าแตะต้องฉัน ช่วยด้วย ช่วยด้วย……”
“ฮ่าๆๆ ตัดใจเถอะ ที่นี่เป็นที่ร้าง สองสามเดือนก็ไม่มีสักคนผ่านมา เธออย่าวาดหวังจะมีคนมาช่วยเธอเลย”
เขาบีบคางของเย้นหว่านเอาไว้ “อย่าดื้อ เรียกพี่ชายให้ฟังหน่อยสิ ฉันรับรองจะให้เธอสบายหน่อย”
พูดๆ อยู่ แรงที่เขาบีบคางของเย้นหว่านนับวันยิ่งมากขึ้น เหมือนขอเพียงเธอไม่เชื่อฟัง เขาจะถอดคางเธอออกมา
ด้านข้าง ผู้ชายสองสามคนหัวเราะอย่างน่าเกลียด
“หรือเจอผู้หญิงสวยขนาดนี้ แม้แต่ลูกพี่ยังมีใจอยากสอนให้เชื่อง”
“แม่คุณ อย่าดื้อเลย เอาใจลูกพี่หน่อย ไม่แน่หลังจากเล่นเสร็จ ลูกพี่ทนฆ่าเธอไม่ได้ ยังให้เธอมีชีวิตตามเขาได้อีกนะ”
มีชีวิตอยู่ต่อ……
พวกเขาพาเธอมาถึงที่นี่ เพื่ออยากฆ่าเธอปิดปาก อยากทิ้งศพ
เย้นหว่านไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์ความเป็นความตายแบบนี้มาก่อน เวลานี้หวาดกลัวไปถึงกระดูก แน่นอนว่าเธออยากมีชีวิตอยู่ เธอไม่อยากตาย แต่ว่า……
เธอมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ถูกพวกหน้าไม่อายนี้เล่นสนุกเหรอ!
“พวกนายรู้ไหมว่าทำไมถนนออกเมืองถึงโดนปิด?”
เสียงของเย้นหว่านแหบแห้งอย่างรุนแรง แต่เวลานี้กลับเห็นได้ชัดว่าสงบมาก
เธอจ้องหัวทองอย่างไม่อ่อนแอสักนิด ในสายตาประกายความมันวาวที่แหลมคม สะดุดอย่างไม่ยอมท้อถอย
หัวทองตะลึงไปชั่วขณะ ขมวดคิ้ว “เธอรู้เหรอ?”
“เพราะพวกเขามาตามหาฉัน”
“นี่ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ให้ตำรวจมากขนาดนั้นปิดถนนตามหาคน? แม่คุณ เธอจะแต่งเรื่องก็ให้มันน่าเชื่อถือหน่อย เรื่องที่มันเกินจริง คุยโม้หนักไป”
พวกผู้ชายด้านข้างรีบหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา
เย้นหว่านหน้าซีด กลับมองหัวทองตรงๆ สายตาแน่วแน่หาที่เปรียบไม่ได้
“คุยโม้หรือไม่ พวกนายดูข่าวหลายวันก่อนก็ไม่รู้แล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันเป็นคู่หมั้นของโห้หลีเฉิน อีกไม่นานก็จะแต่งงานกับโห้หลีเฉิน เป็นคุณนายของตระกูลโห้”
ตระกูลโห้มีพลังมากมายแค่ไหนในเมืองหนาน ถึงแม้พวกนายอยู่ห่างไกล นายควรรู้สักหน่อยมั้ง? ภายในหนึ่งชั่วโมงถนนทั้งเมืองถูกปิดอย่างง่ายดาย เพื่อฉันแล้วไม่นานโห้หลีเฉินจะต้องหาที่นี่เจอ ถึงตอนนั้นพวกนายใครก็หนีไม่รอด”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของหัวทองเปลี่ยนไปแล้ว
เขารีบหยิบมือถือออกมา ค้นหาข่าวเกี่ยวกับโห้หลีเฉินเมื่อหลายวันก่อน ที่แท้เห็นรูปของเย้นหว่านจริงๆ ยังมีการคาดคะเนมากมายถึงความสัมพันธ์ของเธอกับโห้หลีเฉิน
เขาตกใจใหญ่ เกือบจับมือถือไม่อยู่แล้ว
ถึงแม้พวกเขาจะเป็นพวกเดนตาย ถึงแม้ไม่มีการห้ามใดๆ ทั้งสิ้น แต่ก็มีคนที่ไม่กล้าหาเรื่อง อย่างเช่นตระกูลโห้ โห้หลีเฉิน
ท่านนั้นเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจอิทธิพลมากมายในเมืองหนาน ยิ่งเป็นพวกแก่กล้า ฉลาดเฉียบแหลม
ถึงอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าการลักพาตัวผู้หญิงคนหนึ่งมาตามชอบใจ จะเป็นคนของโห้หลีเฉิน……
“ลูกพี่ ตอนนี้เอายังไงดี? พวกเราลักพาตัวคู่หมั้นของโห้หลีเฉินมาแล้ว โห้หลีเฉินจะไม่เล่นงานพวกเราเหรอ”
“โห้หลีเฉินค้นหาทั้งเมือง ไม่นานก็จะมาหาที่นี่ ถ้าถูกเขาจับได้ พวกเราตายกันหมดแน่ๆ”
“ทำยังไงดี? ไม่งั้นปล่อยหล่อนไปเถอะ……”
มีคนเริ่มอยากถอนตัวออกกลางคัน
เย้นหว่านตื่นเต้นได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ค่อยๆ มีความหวังนิดๆ
คิดไม่ถึงว่าชื่อเสียงของโห้หลีเฉินจะมีประโยชน์กับพวกเดนตายเหล่านี้ในที่นี้
รู้แต่แรกเธอเอาโห้หลีเฉินออกมาแต่แรกแล้ว
ตอนนี้หวังเพียงว่าพวกเขาจะตกใจจริงๆ แล้วปล่อยเธอ
“ปล่อยไปเหรอ? แกคิดว่าโห้หลีเฉินจะปล่อยพวกเราไปเหรอ ถึงพวกเราต้องตายหมด ก็ต้องให้นังผู้หญิงคนนี้ไปตายด้วย!”
หัวทองพังมือถือด้วยความโกรธเคือง หน้าตาเต็มไปด้วยความดุร้าย
สายตาที่มองเย้นหว่านไม่เพียงมีเจตนาร้าย ยังมีแรงอาฆาต
ชั่วขณะนั้นเย้นหว่านเสียวสันหลังวาบ รีบเอ่ยปาก “ถ้านายปล่อยฉันไป ฉันรับรองว่าจะให้โห้หลีเฉินปล่อยพวกนาย”
“หึ ตอนนี้เธอก็บอกจะปล่อย ถึงตอนนั้นไม่รู้จะใช้วิธีร้ายกาจแค่ไหนมาจัดการพวกฉัน คำพูดผู้หญิงอย่างเธอ เชื่อไม่ได้ที่สุด”
ขณะพูด หัวทองก็นั่งยองลงด้านข้างของเย้นซิน ดึงเสื้อผ้าเธอแบบหยาบคาย
“ถ้าเขามาจัดการฉัน ฉันก็จะทำให้เขาขายขี้หน้า ให้ทุกคนเห็นผู้หญิงของเขาโดนหมุนเวียนข่มขืนจนตาย”
“ไสหัวไป อย่าแตะต้องฉัน ถ้าแกทำอะไรกับฉันจริง โห้หลีเฉินจะเล่นงานแกเหลือแต่เถ้ากระดูกแน่”
เย้นหว่านกลัวจริงๆ แล้ว
เธอเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ที่เผชิญหน้าอยู่คือพวกเดนตายที่บ้าคลั่งพวกนี้
พวกเขาไม่กลัวตาย ยิ่งไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล