สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 158 ฉันกระเซอะกระเซิงมากสินะ
บทที่ 158 ฉันกระเซอะกระเซิงมากสินะ
โห้หลีเฉินสูงส่งอยู่ด้านบน น้อยมากจะห่วงใยใคร ยิ่งไม่มีทางพูดคำที่โอ่อ่า เขาพูดว่าไม่วางใจ ก็คือเป็นห่วงเธอจริงๆ
ห่วงใยถึงขั้นต้องลงมือทำด้วยตนเองทุกอย่าง ไม่อนุญาตให้มีความผิดพลาดสักนิดเดียว
ได้เขาที่สูงศักดิ์ลงมือด้วยตนเอง ดูแลด้วยตนเอง เย้นหว่านบอกว่าไม่ประทับใจ คงโกหก
สายตาเธอประกายแวววาวมองโห้หลีเฉิน “คุณเคยเรียนการแพทย์?”
โห้หลีเฉิน “……”
เขาหน้าอึมครึม พูดมาสองคำด้วยน้ำเสียงต่ำๆ “เคยเรียน”
เย้นหว่านถึงสบายใจลงมาหน่อยหนึ่ง ดีเลวอย่างไรเธอก็สามารถปลอบใจตนเองได้ ฝืนบังคับมองเพียงเขาเป็นหมอมืออาชีพคนหนึ่งเท่านั้นก็พอ
ฉินฉู่กระตือรือร้นรุกพูดขึ้นประโยคหนึ่ง “เพราะช่วงนี้พี่สะใภ้มักไม่สบายได้รับบาดเจ็บ หลีเฉินเลยพึ่งมาเรียนช่วงนี้”
เย้นหว่านพึ่งดื่มน้ำเข้าไป เกือบพ่นออกมาแล้ว
เธอมองโห้หลีเฉินด้วยความประหลาดใจ ท่าทางซับซ้อนอย่างยิ่ง
“พูดไร้สาระมาก”
โห้หลีเฉินเอ่ยปากอย่างไม่พอใจ ไล่แขกไปอย่างไม่รักษาหน้าสักนิด “นายไสหัวไปได้แล้ว”
ฉินฉู่ทำแก้มตอบ “ข้ามน้ำไปได้ก็พังสะพาน เห็นแฟนสำคัญกว่าเพื่อน”
การกระทำที่โห้หลีเฉินจะไปหยิบยาทาแผลในกล่องอุปกรณ์การแพทย์มาชะงักลง แต่หยิบมีดผ่าตัวที่เรียวเล็กและแหลมคมมาแทน
“นายอยากให้ฉันให้ความสำคัญนายยังไง?”
เห็นใบมีดที่แหลมคมนั้นวางอยู่ตรงหน้า ฉินฉู่รู้สึกเพียงว่าหนังศีรษะชาไปหมด
โห้หลีเฉินก็คือพวกวิปริตอย่างยิ่ง ทำให้คนเดือดดาล
“ไม่ต้องๆ อย่าให้ความสำคัญกับฉันเด็ดขาด นายสนใจพี่สะใภ้ก็พอ พอแล้ว ฉันยังมีธุระ ฉันไปก่อนนะ บ๊ายบาย”
พูดจบ ฉินฉู่รีบวิ่งไปด้านนอกด้วยความเร็วระดับที่ไวที่สุด ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
หลังจากประตูปิดลง ในห้องเหลือเพียงทั้งสองคน
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินหยิบยาทาแผลขึ้นมาในมืออีกครั้งแล้วปวดหัวอยู่บ้าง ความจริงเรื่องทำแผลให้เธอนั้นไม่เป็นอะไร แต่ปัญหาคือตรงที่เธอเจ็บล้วนมีเต็มไปหมดบนล่าง ให้โห้หลีเฉินมาทำ เธอคิดอย่างไรก็อึดอัดอยู่ดี
เย้นหว่านขยับไปด้านหลัง พูดอย่างอ่อนแรง “คุณโห้ มือของคุณคงยังไม่หายดีมั้ง? คุณมาทำแผลให้ฉันคงไม่สะดวก ไม่อย่างนั้นให้เย้นซินมาก็ได้นะ หล่อนเคยเรียนปฐมพยาบาลมา”
“มือของฉันดีแล้ว”
โห้หลีเฉินขยับมือซ้าย มองมือเรียวยาวขาวเนียน เคลื่อนไหวมีพลังมาก
แต่ทั้งๆ ที่เย้นหว่านจำได้ เมื่อวานเขายังห่อผ้าพันแผลไว้อยู่เลย
ทำไมวันนี้ถึงหายแล้วล่ะ?
ตอนที่เย้นหว่านกำลังสงสัย ร่างสูงใหญ่ของโห้หลีเฉินโน้มมาทางเธอ ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างจากเธอใกล้มากๆ
เขาพูดเสียงต่ำ “ถอดเสื้อผ้าออก”
เสียงทุ้มต่ำเหมือนเสียงต่ำของเชลโล่ เซ็กซี่น่าดึงดูด ยั่วยวนอย่างเซ็กซี่
ชั่วขณะหนึ่งหัวใจของเย้นหว่านยิ่งสับสน ยิ่งลนลาน แก้มของเธอแดงราวกับเลือดจะพุ่งออกมา
“ฉัน บนตัวฉันเจ็บไม่หนัก ฉันสามารถทำแผลเองได้”
พูดๆ อยู่ เย้นหว่านอยากแย่งยาทาแผลในมือของโห้หลีเฉินเข้ามา แต่มือของโห้หลีเฉินกลับหลบไปอย่างง่ายดาย เธอกลับจับที่ข้อมือของเขาไว้
ข้อมือของเขาแข็งแรงมีพลัง ข้อมือเย็นๆ พอคลำขึ้นมายังสบายอยู่หน่อยๆ
ไม่ใช่ เธอเข้าใจผิดแล้ว
เย้นหว่านรีบดึงมือกลับมา มองโห้หลีเฉินแล้วยิ่งไม่สบอารมณ์เพิ่มขึ้น
กวาดตามองข้อมือตนเองที่ถูกจับไปทีหนึ่ง โห้หลีเฉินเม้มมุมปาก ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาด้านหน้าทันที ล้อมเย้นหว่านไว้ในอ้อมอกของเขา
เขามองเย้นหว่านอย่างตรงไปตรงมา สายตาล้ำลึกราวกับไฟ
“เธอคงเคยได้ยินยิ่งผู้หญิงพยายามดิ้นรน ยิ่งทำให้ผู้ชายอยากพิชิต”
การกระทำที่เย้นหว่านอยากผลักโห้หลีเฉินออก ทันใดนั้นก็แข็งค้างแล้ว
ความจริงเขาดูเหมือนอันตรายเหลือเกิน เหมือนขอเพียงเธอนอกลู่นอกทางสักนิด เขาก็พร้อมจะลงโทษเธอ ณ ตรงนั้น
ในห้องนี้มีเพียงพวกเขาสองคน
พริบตาเดียวเย้นหว่านก็กลัวขึ้นมา ร่างกายตึงแน่นพิงอยู่ที่เตียง ไม่กล้าขยับมั่วซั่วอีก
เห็นเย้นหว่านไม่ดื้อแล้ว โห้หลีเฉินเม้มๆ มุมปาก จากนั้นถึงหยิบยาเข้าไปใกล้ตรงหน้า
พูดอีกรอบหนึ่ง “ถอดเสื้อผ้าออก”
ครั้งนี้เสียงของเขาสุขุมมาก คล้ายกับคุณหมอที่นิสัยแปลกเหล่านั้นในโรงพยาบาล
ขาดความมีเลศนัย
ทำให้เย้นหว่านมีคำพูดปลอบใจตนเองมาเพิ่มอีก เพียงแค่ทำแผล ทำแผลเท่านั้น คิดเสียว่าโห้หลีเฉินเป็นหมอ คิดว่าเขาเป็นเพียงผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง คิดว่าเขา……ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
เย้นหว่านมองชายหนุ่มหล่อเหลาที่ทำให้คนหยุดหายใจตรงหน้า หัวใจดวงนี้ทำไมถึงสงบลงมาไม่ได้เลย
เธอฝืนนิ้วมือ ไปปลดกระดุมเสื้ออย่างเชื่องช้า ปลดออกช้ามากๆ ห้านาทีผ่านไป กระดุมเม็ดแรกยังปลดไม่ออกเลย
โห้หลีเฉินมองเธอแบบนั้น สายตาจำใจพอสมควร
ผู้หญิงคนนี้มักจะทำให้เขาอารมณ์เสีย
เขาวางยาลง มือขาวและเรียวยาวจับมือน้อยของเย้นหว่านไว้ จากนั้นปลดกระดุมเม็ดนั้นที่เธอใช้เวลาห้านาทีออกอย่างตรงไปตรงมา
ตามมาคือเม็ดที่สอง เม็ดที่สาม……
คอเสื้อเปิดออก เย้นหว่านค่อยๆ ก้มหน้า มองเห็นหน้าอกที่กระเพือมขึ้นลงของเธอเผยออกมา
ชั่วขณะหนึ่งแก้มของเธอแดงฉ่ำ เขินอายที่สุด
“คือว่าคุณอย่ามองได้ไหม……”
คำพูดของเธอยังไม่ทันพูดจบ เห็นเพียงโห้หลีเฉินปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายออก ดึงเสื้อของเธอออกเป็นสองด้าน
สภาพท่อนบนของเธอ ชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏออกมาทั้งหมด
เย้นหว่านอับอายแทบแย่
เธอจับหมอนมาปิดหน้าของตนเองเอาไว้ ตาทึ่มคิดเสียว่าทำเป็นไม่เห็นอะไร ไม่รับรู้แล้ว
โห้หลีเฉินเห็นการกระทำเด็กน้อยของเธอ มุมปากกลับอดยกขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติไม่ได้
เขาก้มหน้ามองแผลน้อยใหญ่เหล่านั้นบนตัวเธออีก สายตามืดดำลง หน้าอกเจ็บแน่นอย่างแปลกแยก
แผลที่ตัวเธอ เจ็บที่ใจเขา
เรื่องแบบนี้ เขาจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นมาเป็นครั้งที่สองอีกเด็ดขาด
โห้หลีเฉินหน้าอึมครึม ดึงผ้าก็อตบนตัวเธอออก ถือยาไว้ ใส่ยาไปใหม่อีก
เมื่อก่อนเขาไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลย แต่ตอนที่ใส่ยาให้เย้นหว่าน ฝีมือกลับคล่องแคล่วอย่างมาก ราวกับเป็นคุณหมอผู้ชำนาญทำงานมาหลายปี
บนตัวยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหนาวเย็นลอยมา ยังมีความเจ็บจี๊ดๆ อยู่บ้าง แต่สามารถรู้สึกได้ ตอนที่โห้หลีเฉินทำแผลนั้นเบามาก ลดความเจ็บของเธอให้เบาที่สุด
เย้นหว่านทั้งเขินอาย ทั้งรู้สึกแปลกในใจ
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโห้หลีเฉิน เหมือนอยู่บนทางเบี่ยงเส้นหนึ่ง วิ่งมาไกลมากๆ……
ในใจเย้นหว่านสับสนยุ่งเหยิง ค่อยๆ ย้ายหมอนออกมาบ้าง มองเห็นโห้หลีเฉินกำลังก้มหน้าจัดการบาดแผลให้เธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
บนท้องของเธอมีรอยแผลหลายที่ แปะผ้าก็อตสีขาวไว้
ดูขึ้นมาความจริงย่ำแย่พอสมควร
ในสมองเย้นหว่านคิดถึงเรื่องที่โรงงานเก่าขึ้นมาเองอีกครั้ง หัวทองดึงเสื้อผ้าของเธอทิ้ง เหยียดหยามเธอ เธอนอนบนพื้นเสื้อผ้าขาดวิ่น กระเซอะกระเซิงสุดจะทน……
ส่วนเขาล้วนเห็นทั้งหมด
ตอนนี้ก็เห็นแผลน้อยใหญ่บนตัวเธออีก
ในใจเย้นหว่านกดดันอย่างประหลาด หายใจลำบากอยู่บ้าง
เหมือนเรื่องราวสุดจะรับได้ของเธอทั้งหมด โห้หลีเฉินรับรู้หมดแล้ว ครั้งนี้เกือบโดนย่ำยี ครั้งก่อนเธออยู่โรงแรมในคืนนั้น เขาก็รู้ด้วย……
“ฉันกระเซอะกระเซิงมากสินะ?”
เสียงของเย้นหว่านต่ำมาก เหมือนเบียดออกมาจากในลำคอ เจืออารมณ์ตกต่ำไปด้วย