สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 165 ฝีปากกล้า
บทที่ 165 ฝีปากกล้า
ทุกคนเหมือนโดนสาดหน้าด้วยอาหารสุนัขหรือโดนอวดผัวอวดเมียออกสื่อ
พวกเขาล้วนแสดงท่าทีสะอิดสะเอียนผ่านทางสีหน้า พลางจ้องโห้หลีเฉิน พวกเขาเพียงรู้สึกว่าตั้งแต่เขามีภรรยา นับวันก็ยิ่งทำตัวรับไม่ได้โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนโสดอย่างพวกเขา
เย้นซินโมโหแทบคลั่งเมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสได้เจอพวกเพื่อนๆของโห้หลีเฉิน และยิ่งเป็นช่วงที่เย้นหว่านไม่อยู่ด้วย ในตอนนี้จึงถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เธอจะได้ทำดีเอาหน้า
แต่เธอกลับไม่มีโอกาสทำแบบนั้นเลยสักครั้ง
เธอไม่พอใจ
เย้นซินพยายามที่จะระงับความอิจฉาริษยาเอาไว้ภายในใจ จากนั้นก็นั่งลงข้างๆโห้หลีเฉิน เธออมยิ้มและมองไปที่คนเหล่านั้น
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบพวกคุณ พี่เขย คุณช่วยแนะนำพวกเขาให้ฉันรู้จักหน่อยสิ”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากของเขา แต่ไม่พูดและไม่สนใจเย้นซิน
ฉินฉู่บุ้ยปาก นอกจากปฏิบัติต่อเย้นหว่านต่างจากคนอื่นแล้ว เขาก็ยังคงเย็นชากับคนอื่นอยู่เหมือนเดิม
เขารู้สึกสงสารเย้นซินจึงหันไปยิ้มแล้วพูดว่า
“สาวสวย มาๆ ฉันจะแนะนำตัวให้เธอรู้จัก ฉันชื่อฉินฉู่ เขาชื่อเย้นเหวินหนาน ส่วนเขา กู้อ๋าง”
ในขณะที่พูดแนะนำตัว เย้นเหวินหนานและกู้อ๋างก็ยิ้มให้อย่างมีมารยาทเพื่อเป็นการทักทาย
เมื่อเย้นซินรู้สึกได้รับความสนใจ เธอก็ดีใจไม่น้อย
เธอมองไปที่เย้นเหวินหนาน “คุณคือคุณชายตระกูลเย้น และเป็นรองประธานโห้ถิงกรุ๊ปชื่อ เย้นเหวินหนานใช่ไหมคะ?”
เย้นเหวินหนานพยักหน้า “ใช่แล้ว”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ!”
เย้นซินลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น โห้ถิงกรุ๊ปเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งแห่งเมืองเฉิงหนาน โดยมีประธานบริษัทที่เก่งกาจอย่างโห้หลีเฉิง และมีเย้นเหวินหนานเป็นรองประธานที่แข็งแกร่ง
บวกกับที่เขายังเป็นคุณชายจากตระกูลเย้นซึ่งเป็นตระกูลเศรษฐี เขาจึงมีสถานะที่มีเกียรติอย่างมาก
เย้นซินดีใจอย่างมากที่ได้รู้จักเขา
การแสดงออกบนใบหน้าของเย้นเหวินหนานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและยิ้มออกไปอย่างมีมารยาท หลังจากที่เขาจับมือกับเย้นซินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เย้นซินนั่งลงได้สักพัก แต่เธอยังคงมองเย้นเหวินหนานด้วยสายตาแผดเผา และพยายามหาหัวข้อเพื่อพูดคุยสานสัมพันธ์
มีเด็กผู้หญิงจำนวนมากที่ชื่นชอบในตัวเย้นเหวินหนาน แต่สถานการณ์แบบนี้กลับทำให้ฉินฉู่ไม่ค่อยสบายใจ
เห็นๆกันอยู่ว่าเย้นเหวินหนานและกู้อ๋างแนะนำตัวพร้อมกัน แต่เย้นซินกลับทักทายแค่เย้นเหวินหนานคนเดียวโดยไม่ชายตามองกู้อ๋างสักนิด ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกันเลย
ผู้หญิงคนนี้…
ดูจะไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่
ฉินฉู่ลอบมองชุดที่เย้นซินสวมใส่ ความประทับใจที่มีต่อเย้นซินก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าเขายังคงความเป็นสุภาพบุรุษโดยการไม่พูดอะไรไม่ดีออกไป
ในเวลานี้กลับมีคนพูดขึ้นมาว่า
“เอ๋ มีคนใหม่เข้ามาอยู่กับพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมฉันไม่รู้?”
เสียงดังกังวาลลอยเข้ามา มู่หรุงชิ่นเดินมาพร้อมกับรองเท้าส้นสูงด้วยท่าทางสง่างาม และสวมชุดสีแดงพลิ้วไหว
เธอเป็นคนสูงส่งไม่มีใครเทียบ อีกทั้งยังสวยจนไม่อาจละสายตาได้
สวย
สวยจนตะลึง
นี่แทบจะเป็นครั้งแรกที่เห็นเธอ แม้แต่เย้นซินก็ไม่มีข้อยกเว้น
หลังจากที่เย้นซินมองเธอด้วยความตกตะลึง หัวใจก็ยิ่งรัดแน่นและอยู่ไม่เป็นสุข
จากสัญชาตญาณของผู้หญิง เธอก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นพวกชอบใช้อำนาจคุกคาม
เย้นซินขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัย “คุณชายเย้น คุณคนนี้คือ?”
เย้นเหวินหนานกำลังจะอ้าปาก แต่กลับโดนฉินฉู่แย่งพูด
“เธอน่ะหรือ เธอคือมู่หรุงชิ่น คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่หรุง แล้วก็เป็นเพื่อนในวัยเด็กของพวกเรา”
ในขณะที่พูดฉินฉู่ก็หันไปทักทายมู่หรุงชิ่น “ชิ่น มานั่งกับฉันนี่มา”
มู่หรุงชิ่นเดินเข้าไปแต่ไม่ได้เดินไปข้างๆฉินฉู่ เธอมองไปที่คนสองคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างโห้หลีเฉิน
ด้านหนึ่งเป็นเย้นเหวินหนาน ส่วนอีกด้านเป็นเย้นซิน
สายตาเฉียบคมมองไปยังตัวเย้นซินแล้วพูดว่า “เฉิน เธอเป็นใคร? ทำไมฉันถึงไม่เคยเจอมาก่อน”
มู่หรุงชิ่นเห็นว่าโห้หลีเฉินดูมีน้ำอดน้ำทนต่อเย้นซินเล็กน้อยจึงแปลกใจ
เขาเงยหน้าแล้วพูดอย่างเรียบง่าย “น้องสาวของเย้นหว่าน”
เย้นซินยิ้มด้วยรอยยิ้มแข็งทื่อ น้องสาวเย้นหว่าน แม้แต่ชื่อของเธอ เขายังไม่แนะนำ
ในใจของเขา เธอก็เป็นได้แค่น้องสาวของเย้นหว่านสินะ?
เย้นซินรู้สึกถึงความหมดหวังแผ่คลุมอยู่ในใจ และมู่หรุงชิ่นเองก็กำลังจ้องอยู่
มู่หรุงชิ่นหัวเราะเยาะเย้ยในใจ แท้ที่จริงแล้วเธอมองไม่ผิด ก็แค่ผู้หญิงที่จ้องจะกินโห้หลีเฉิง
ไม่รู้ชะตากรรมซะแล้ว
เธอยิ้มด้วยใบหน้างดงาม ร่างสูงเพรียวยืนอยู่ตรงหน้าเย้นซิน
“งั้นก็ต้องขอบคุณจริงๆที่น้องสาวช่วยเตรียมกาแฟไว้ให้ฉัน”
ทั้งโต๊ะจัดเตรียมกาแฟไว้เพียงห้าถ้วย
พอมู่หรุงชิ่นพูด เธอก็หยิบกาแฟที่อยู่ตรงหน้าเย้นซินมาเป็นของตัวเอง เย้นซินจึงถูกกีดกันจากที่ตรงนี้โดยตรง
เย้นซินเริ่มโมโหขึ้นมา ไม่ง่ายเลยที่เธอจะหาโอกาสสานสัมพันธ์กับพวกเพื่อนๆของโห้หลีเฉิน แต่ตอนนี้กลับถูกบีบให้ออกไปเช่นนี้
เธอมองไปทางมู่หรุงชิ่นอย่างหัวเสีย แต่มู่หรุงชิ่นกลับใช้สายตาเป็นการเตือนเธอ
“น้องสาว เธอยังต้องดูแลเสี่ยวหว่านใช่ไหม? ลำบากเธอจริงๆที่ต้องเตรียมของพวกนี้ให้พวกเรา”
เย้นซินต้องการจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่ก็ต้องพยายามกลืนลงท้อง
เธอเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าสาเหตุที่เธออยู่ที่นี่ได้ตอนนี้ก็เป็นเพราะเธอต้องดูแลพี่สาวในนามคนนี้
ในช่วงสองวันที่ผ่านมาตอนที่โห้หลีเฉินยุ่งอยู่กับงาน ล้วนแล้วแต่เป็นเธอที่เป็นคนดูแลเย้นหว่าน
ตอนนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
เย้นซินไม่พอใจ เธอเงยหน้าหันไปมองโห้หลีเฉินอย่างคับแค้นใจ และเพื่อเป็นการขออนุญาตเขาเล็กน้อย
ทว่าในสายตาโห้หลีเฉินผู้สูงส่งกลับไม่มองเธอแม้แต่นิดเดียว
ในใจเต็มไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด จากนั้นก็กลับมาเผชิญหน้ากับสายตามู่หรุงชิ่นอีกครั้ง เย้นซินรู้ดีว่าคราวนี้เธอไม่มีโอกาสแล้ว
เธอกัดฟันกรอดพร้อมทั้งลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ
“พวกคุณทานกันตามสบาย ถ้าต้องการอะไรก็เรียกฉันได้”
ใบหน้ายังคงยิ้มด้วยความใจกว้าง ประโยคที่เธอพูดกับทุกคนเหมือนกับว่าเธอเป็นนายหญิงของบ้าน
มู่หรุงชิ่นขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“ไม่ต้องหรอก เธอไม่ใช่คนรับใช้นี่ พวกเราจะรบกวนเธอได้อย่างไร”
เมื่อเอ่ยคำพูดนี้มากลับเป็นการกระทืบเย้นซินด้วยเท้า
ความหมายก็คือเธอเต็มใจทำให้ตัวเองตกต่ำ โดยการนำตัวเองไปเทียบกับคนรับใช้ที่นี่
เย้นซินมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้สำหรับมู่หรุงชิ่น
เธอกัดฟันและเดินออกไปด้วยความคับแค้นใจ
ฉินฉู่เลิกคิ้ว “ชิ่น ไม่ได้เห็นเธอปะทะคารมกับใครมานานแล้วนะ นับวันฝีปากเธอยิ่งร้ายกาจไปทุกที”
เมื่อก่อนตอนที่รอบกายโห้หลีเฉินรายล้อมไปด้วยพวกผู้หญิงทั้งหลาย นอกจากความเย็นชาของโห้หลีเฉินที่ทำให้คนหวาดกลัวจนหนีไปไม่น้อยแล้ว โดยส่วนมากก็หนีไปเนื่องจากปะทะฝีปากกับมู่หรุงชิ่น
พูดอีกอย่างก็คือมู่หรุงชิ่นเป็นผู้พิทักษ์ประจำตัวโห้หลีเฉิน
มู่หรุงชิ่นกระพริบตาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะนึกถึงความทรงจำในอดีต เธอคิดถึงฉากเหล่านั้นมาก
ครั้งหนึ่ง…แม้ว่าโห้หลีเฉินจะเย็นชากับเธอ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่กับเขาได้
เกือบทุกคนที่อยู่ภายนอกล้วนคิดว่าเธอเป็นแฟนสาวของโห้หลีเฉิน
ตอนนั้นเธอมีความสุขอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ในเวลานั้นยิ่งมีความสุขมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมีความต้องการมากขึ้นเท่านั้น เธอไม่อยากขีดเส้นความสัมพันธ์ที่เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น เธอจึงสารภาพรักกับโห้หลีเฉิน