สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 201 ฉูรั่วไป๋
บทที่ 201 ฉูรั่วไป๋
โห้หลีเฉินหรี่สายตามองอีกครั้ง “ฉันจำได้ว่าเธอไม่ได้ออกไปทำธุระอะไรที่ไหนหนิ”
“คุณเย้นสมัครเข้าร่วมด้วยตัวเองเลยครับ เพราะฐานะของเธอกับคุณจะทำให้คนแผนกดีไซเนอร์ไม่กล้าปฏิเสธ”
เว่ยชีลอบมองสีหน้าของโห้หลีเฉินอย่างระมัดระวัง ยิ่งมองดูก็ยิ่งเห็นว่าสีหน้าของเขาดูย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ พลางแอบก้าวถอยหลังอย่างระวัง
จริงๆ แล้วคุณเย้นก็กล้าเกินไปแล้ว พรุ่งนี้ทั้งสองตระกูลก็ต้องทานอาหารเย็นด้วยกันแล้ว เธอกลับหนีไปเมืองเจียงโดยไม่บอกกล่าวกันเลยสักนิด
แบบนี้คงจะตั้งใจหลบหลีกเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่รู้เลยว่าเพื่อที่คุณผู้ชายจะจัดการเรื่องราวของตระกูลเย้นแล้ว แม้แต่งานก็ไม่สนใจ ช่างเป็นการคิดมากอย่างไร้ประโยชน์
โห้หลีเฉินสีหน้าขรึมขึ้น พลางเอ่ยออกมาเสียงต่ำ
“ไปเมืองเจียงงั้นเหรอ”
“ใช่ครับ”
เว่ยชีไม่กล้าพูดมากแม้เพียงครึ่งคำ รีบร้อนขึ้นรถประจำตำแหน่งคนขับ เตรียมที่จะออกรถทันที
ในขณะนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา
ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการ บนตัวของเขามีโทรศัพท์อยู่สองสามเครื่อง โดยแต่ละเครื่องก็มีเพื่อการใช้งานตามแต่ละบุคคลที่แตกต่างกัน ทั้งลำดับความสำคัญของสายที่โทรเข้ามาก็แตกต่างกัน
และสำหรับสายนี้น้อยครั้งถึงจะดังขึ้นมา เพียงแต่ละครั้งที่ดังขึ้นมาก็มักจะเป็นเรื่องใหญ่
เว่ยชีไม่กล้ารอช้า รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย
ยิ่งได้ฟัง สีหน้าที่จริงจังอยู่แล้วของเขาก็ยิ่งดูจริงจังหนักขึ้นไปอีก
หลังจากวางสาย เว่ยชีก็หันไปมองทางเบาะหลังที่มีโห้หลีเฉินนั่งอยู่ ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณผู้ชายครับ ที่ยุโรปเกิดเรื่องแล้วครับ”
โห้หลีเฉินถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองเฉิงหนาน และอำนาจของเขาก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เมืองเฉิงหนาน แต่ว่าขยายไปทั่วโลก
หนึ่งในนั้นก็มีฝั่งยุโรปที่ถือได้ว่าเป็นฐานที่สำคัญมาก
สามารถอธิบายได้ว่าเมื่อฝั่งนั้นเกิดเรื่องขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก
โดยปกติเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นแบบนี้ โห้หลีเฉินคงต้องวางทุกอย่างที่อยู่ในมือลง แล้วรีบไปจัดการแก้ไขในทันที
แต่ว่าในตอนนี้โห้หลีเฉินเพียงขมวดคิ้วและมีท่าทีลังเลเพียงเล็กน้อย
ถ้าต้องไปยุโรป ในสองวันนี้เขาก็ไม่สามารถไปที่เมืองเจียงเพื่อตามจับเย้นหว่านกลับมาได้ เรื่องงานหมั้นคงต้องถูกเลื่อนออกไปอีกครั้งแน่
เขาเคยปล่อยเย้นหว่านไปครั้งหนึ่งแล้ว ในครั้งนี้เขาจะทำพลาดอีกงั้นเหรอ?
เขารู้สึกไม่สบายใจเลย คล้ายกับว่าถ้าพลาดในครั้งนี้ มันจะกลายเป็นความผิดพลาดระหว่างเขาและเย้นหว่านไปตลอด
เว่ยชีไม่ได้แปลกใจมากนัก เขารอให้โห้หลีเฉินได้ดึงสติกลับมา เขาเห็นถึงท่าทีลังเลของโห้หลีเฉิน
เขาไม่เพียงแต่ตกใจ สำหรับคุณผู้ชายแล้วเมื่อด้านนอกมีเรื่องเกิดขึ้น เขาต้องรีบไปจัดการให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้เขากลับกำลังลังเลเพราะเย้นหว่าน
ไม่คิดเลยว่าเย้นหว่านที่อยู่ในใจของคุณผู้ชายจะสำคัญมากไปกว่าธุรกิจของเขาอีกเหรอ?
แม้ว่าในยามปกติเว่ยชีจะเคารพนับถือเย้นหว่าน และหวังว่าระหว่างโห้หลีเฉินและเย้นหว่านจะสามารถพึ่งพากันได้ แต่ตอนนี้เขาดูแล้ว เรื่องที่ยุโรปอย่างไรก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดอยู่ดี
เขาเอ่ยออกมาว่า “คุณผู้ชายครับ เรื่องที่ยุโรปไม่สามารถที่จะรอช้าได้ เรื่องที่เกิดขึ้นมันอาจทำให้ทุกอย่างสายเกินแก้ได้ คุณผู้ชาย เรื่องของคุณเย้นเอาไว้รอกลับมาแล้วค่อยไปจัดการก็ได้ครับ ไว้ค่อยนัดทานอาหารเย็นกัน ดีไหมครับ”
โห้หลีเฉินเม้มปากแน่น เขากะพริบตาถี่ๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เว่ยชีรู้สึกกระวนกระวายใจ ก่อนจะพูดเกลี้ยกล่อมต่อ
“เวลานี้คุณเย้นหว่านไปเมืองเจียงกับทีมดีไซเนอร์ก็เพราะตั้งใจหลบเลี่ยง และเรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องของคนสองคน ผมว่ารอให้คุณเย้นตอบตกลงด้วยความเต็มใจจะดีกว่า ถ้าตอนนี้คุณไปตามเธอกลับมา ถ้าเธอยังยืนยันว่าจะไม่ตกลงแล้วจะทำยังไงล่ะครับ? ”
ตลอดมาโห้หลีเฉินตามไล่จับเย้นหว่านทั้งๆ ที่เธอก็ไม่ได้เต็มใจ
ก็นั่นแหละไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ไม่ยอมรับ
ยิ่งมาตอนนี้เธอกำลังมีปัญหากับครอบครัว และถ้ายิ่งเขาบังคับให้เธอแต่งงานด้วยแล้วล่ะก็เธออาจจะโกรธจัดหรือไม่ก็อาจจะหนีไปก็ได้
ก็เหมือนกันกับครั้งนี้ เธอยังแค่หนีไปเมืองเจียงถ้าเกิดต้องแต่งงานเธอจะไม่หนีหายไปจนหาไม่เจอเลยเหรอ?
ถ้าเป็นแบบนี้แล้วโห้หลีเฉินคงไม่ยอมแน่
หลังจากที่เงียบไปสักพัก โห้หลีก็สามารถตัดสินใจได้แล้ว เขาจึงเอ่ยออกมาเสียงเบา
“ไปยุโรป”
เว่ยชีถอนหายใจอย่างโล่งอก “รับทราบครับ ผมจะรีบจัดการให้ทันทีครับ”
__
เย้นหว่านไม่ได้มีส่วนร่วมกับโครงการของแผนกดีไซเนอร์ตั้งแต่เริ่มแรก เธอรู้แค่เพียงโครงการนี้ต้องไปตรวจสอบ เรียนรู้ ประสานงานที่เมืองเจียง แต่ทว่าไม่รู้เรื่องขั้นตอนในส่วนลึกของโครงการเลย
และก็ยังไม่รู้เลยว่าท้ายที่สุดเธอจะต้องประสานงานกับดีไซเนอร์คนไหนของเมืองเจียง
แต่ก็ได้ยินมาว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ฉลาดมาก
เย้นหว่านสงสัยจึงได้เอ่ยถามหวางกวนจิ้ง “อีกฝ่ายเป็นดีไซเนอร์คนไหนเหรอ? เป็นคนมีชื่อเสียงเหรอ?”
เย้นหว่านเองก็เพิ่งจะมีชื่อเสียงได้ไม่นาน จึงมีความรู้สึกเกรงใจและเคารพรุ่นพี่ในวงการดีไซเนอร์
หวางกวนจิ้งไม่ได้ตอบกลับมาในทันที แต่กับเลือกที่จะดึงเอาจุดขายขึ้นมาพูด
“ไม่ใช่มีชื่อเสียงหรอก แต่เป็นชื่อดังมากต่างหาก ทุกคนก็เห็นว่าเรามาจากโห้ถิงกรุ๊ปจึงได้ยอมเห็นด้วยกับการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ ตอนนี้ฉันจะยังไม่บอกพวกเธอหรอกว่าเป็นใคร แต่รับรองได้เลยว่าหลังจากที่พวกเธอได้ไปแล้วพวกคุณต้องพากันกรีดร้องจนเสียงหลงแน่”
“มีคนที่สุดยอดขนาดนั้นด้วยเหรอ? พี่หวาง ยิ่งพี่พูดก็ยิ่งทำให้พวกเราสงสัย ตกลงเขาเป็นใครกันแน่อ่า? ”
“ใช่ ใช่ เป็นใครกัน พี่พูดมาเลย”
ดีไซเนอร์คนอื่นๆ ที่อยู่บนรถต่างก็พากันถามออกมาด้วยความสงสัย
หวางกวนจิ้งส่ายหน้าไม่ยอมบอกอะไรอีก
เย้นหว่านมองหน้าหวางกวนจิ้งที่จงใจพูดจุดขายออกมาอย่างนี้ เธอไม่ได้สนใจมากนัก คิดว่าเธออาจจะจงใจพูดเกินจริงไป
เธอหัวเราะออกมา ก่อนจะพูดอย่างติดตลก
“คงไม่ใช่ฉูรั่วไป๋หรอกใช่ไหม? ในวงการดีไซเนอร์ก็มีแค่เขาเท่านั้นแหละที่ทำให้ผู้คนในวงการต่างกรีดร้องด้วยความนับถือ แต่ว่าเขาก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมาง่ายๆ หรอก ตอนนี้เขาคงอาจจะอยู่ที่ยุโรปด้วยซ้ำ”
“ถ้าเป็นฉูรั่วไป๋ แล้วล่ะก็? ไม่เพียงแค่กรีดร้องหรอก ฉันแทบจะคุกเข่าเลยด้วยซ้ำ”
หลิวเจียหัวเราะขึ้นมา คนอื่นๆ บนรถต่างก็พากันหัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน จึงทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยดี
หวางกวนจิ้งยิ้มออกมาซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ไม่สามารถคาดเดาได้
ใช้เวลาถึงสี่ชั่วโมงกว่าที่รถบัสจะเดินทางมาถึงเมืองเจียง จนทุกคนบนรถต่างก็พากันหลับไปหลายตื่นแล้ว
เย้นหว่านเองก็หลับไปเช่นกัน เป็นหลิวเจียที่ช่วยปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมา
“เย้นหว่าน ถึงโรงแรมแล้ว ลงรถกันเถอะ”
“อ่อ อืม”
เย้นหว่านที่พึ่งลืมตาขึ้นยังคงงุนงงอยู่ เธอหันไปมองที่หน้าต่างของรถก็เห็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่อยู่ด้านนอก
สิ่งที่ควรค่ากับแผนกดีไซเนอร์ของโห้ถิงกรุ๊ปก็ต้องเป็นโรงแรมที่โอ่อ่าหรูหราที่สุดในเมืองเจียง เป็นโรงแรมที่หรูหราและดีที่สุด
เย้นหว่านถอนหายใจออกมา เธออดที่จะคิดถึงโห้หลีเฉินขึ้นมาไม่ได้
เธอหนีเขามาแบบนี้ไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาทราบเรื่องแล้วเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?
จะโกรธหรือเปล่า?
ด้วยนิสัยเย็นชาของเขา เขาอาจจะไม่สนใจเธอเลยหรือเปล่านะ?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ในส่วนนี้ ในใจของเย้นหว่านก็รู้สึกราวกลับว่ามีก้อนหินหนักๆ กำลังกดทับเธอไว้
“แปะแปะ”
เธอรีบใช้มือตบหน้าตัวเองอย่างรวดเร็วเพื่อไล่ความคิดพวกนั้นออกไปจากหัว
ในเมื่อออกมาแล้วก็อย่ากลับไปนึกถึงเรื่องของโห้หลีเฉินอีก
อย่างน้อยก็สักครึ่งเดือนนี้ ที่จะหยุดคิดได้ชั่วคราว
เพื่อนร่วมงานต่างพากันหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางทั้งใบใหญ่ใบเล็ก เย้นหว่านที่รีบร้อนเดินทางมาจึงมีเธอคนเดียวที่ไม่ได้พกอะไรมาด้วยเลย มาเพียงตัวเปล่า
เมื่อกลุ่มคนเดินลงรถแล้วก็พากันเดินมาถึงหน้าประตูโรงแรม จากนั้นก็มีพนักงานที่รีบเข้ามาให้บริการอย่างสุภาพ เดินนำไปพร้อมลากกระเป๋าไปด้วย
มีผู้หญิงหลายคนที่มองไปรอบๆ อยู่พักหนึ่งเมื่อไม่เห็นบุคคลที่อยากเจอ พวกเธอจึงเริ่มเอ่ยถามกับหวางกวนจิ้ง
“พี่หวาง ดีไซเนอร์ชื่อดังที่พี่บอกล่ะ? เขาจะมาต้อนรับพวกเราไหม?”
“เขาเป็นดีไซเนอร์ระดับโลก แค่มาเข้าร่วมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว นี่เธอยังจะให้คนระดับนี้มารับเธออีกเหรอ? เธอนี่ฝันสูงจังนะ”
หวางกวนจิ้งบ่นออกมา ก่อนจะเดินนำไปที่ห้องโถง
ทุกคนต่างพากันผิดหวัง แต่เมื่อมาคิดดูแล้วมันก็ใช่ พวกเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ในฐานะแขก คนอื่นแค่มาประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
ดังนั้นกลุ่มคนจึงเดินตามหวางกวนจิ้งไป และเดินไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม
เมื่อเดินไปที่ล็อบบี้ ผู้หญิงสองสามคนที่เดินอยู่ด้านหน้าก็หยุดเดินขึ้นมาอย่างกะทันหัน หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่แล้วมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ไกล