สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 21 ผู้ชายที่โรงแรมในค่ำคืนนั้น
บทที่ 21 ผู้ชายที่โรงแรมในค่ำคืนนั้น
ภายในใจแฝงไปด้วยความกังวลและเดือดร้อนใจ เย้นหว่านเรียกรถแท็กซี่ตรงไปที่บริษัททันที แทนที่จะนั่งรถไฟใต้ดินเหมือนวันปกติ
หล่อนไม่ได้ไปรายงานตัวที่แผนกออกแบบ แต่กลับตรงไปที่ชั้นทำงานของประธานบริษัท
เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์ เว่ยชีก็เดินผ่านมาพอดี
เย้นหว่านรีบถามขึ้น “ผู้ช่วยเว่ย ท่านประธานอยู่ไหมคะ?”
“เธอมาหาท่านประธานเหรอ?”
เว่ยชีมองเย้นหว่านด้วยสายตาคลุมเครือ พลางยิ้มขึ้น
จากนั้นพูดต่อ “ผมกำลังจะไปหาคุณพอดี ท่านประธานรอเธออยู่บนดาดฟ้า คุณขึ้นไปหาเขาสิ”
โห้หลีเฉินหาหล่อนทำไมกัน?
เย้นหว่านไม่คิดอะไรมาก เพราะยังไงหล่อนต้องไปหาโห้หลีเฉินอยู่แล้ว
เว่ยชีเดินไปส่งหล่อนถึงดาดฟ้า แต่ไม่ได้ออกไปจากลิฟต์ด้วย กลับลงลิฟต์ไปทันที
บนดาดฟ้าเป็นร้านกาแฟแบบเปิดโล่ง พนักงานในบริษัทสามารถขึ้นไปพักผ่อนได้
แต่ร้านกาแฟในตอนนี้กลับเงียบสงบ ไม่มีผู้คน แม้แต่พนักงานในร้านก็ไม่มีเช่นกัน
เย้นหว่านเดินเข้าไปด้านใน เห็นโห้หลีเฉินนั่งอยู่ที่จุดชมวิวที่สวยที่สุดบนดาดฟ้า
เขานั่งด้วยท่าทางที่สง่างาม แม้จะเห็นเพียงแค่ด้านข้าง ก็สามารถสัมผัสได้ถึงเสน่ห์และฐานะอันสูงส่งของเขา
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ต้องพูด เย้นหว่านรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที หล่อนสูดหายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้าเดินตรงเข้าไป
หล่อนนั่งลงตรงข้ามเขา พูดขึ้นด้วยความเคารพ
“คุณโห้ต้องการพบฉันเหรอคะ?”
โห้หลีเฉินวางแก้วกาแฟในมือลง กวาดสายตามองมาที่หล่อนสักพัก พูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งขรึม
“จริงๆแล้วผู้ชายที่เธอเจอที่โรงแรมซ่างผิ่นในคืนวันนั้น…..”
“คุณรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น?”
เย้นหว่านตกใจตะลึง จนขนตาที่ดกหนากระพริบสั่นไม่หยุด
หล่อนคลับคล้ายขึ้นมาว่า ผู้ชายคนนั้นดูเหมือนเป็นคนมีฐานะเช่นกัน เขาใช้ทุกวิถีทางพยายามตามหาว่าหล่อนคือใคร จนทำให้เกิดความแตกตื่นวุ่นวายไม่น้อย โห้หลีเฉินผู้เป็นนายใหญ่ของโรงแรม ซ่างผิ่น ต้องทราบเรื่องนี้แน่นอน
และต้องรู้ก่อนผู้ชายคนนั้นแน่นอนว่าหล่อนคือใคร
เย้นหว่านกำหมัดแน่น กัดฟันพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา
“คุณโห้ฉันมาพบคุณก็เพราะเรื่องคืนนั้นเช่นกันค่ะ ฉันขอร้องให้คุณช่วยอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ?”
เสียงของหล่อนแฝงไปด้วยความวิงวอนขอร้อง
เมื่อเห็นท่าทางของหล่อนทั้งกลัวทั้งซื่อ โห้หลีเฉินทำสีหน้านิ่งขรึม เหมือนสัมผัสได้ถึงบางอย่าง
“จะให้ช่วยอะไรเธอล่ะ?”
เย้นหว่านรู้สึกลำบากใจ เมื่อได้ยินโห้หลีเฉินพูดเรื่องคืนนั้นขึ้น
หล่อนฝืนเอ่ยปากพูด “ฉันไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นหาฉันเจอ และไม่อยากสานสัมพันธ์อะไรกับเขาต่อ แต่หูฟังของฉันตกอยู่ในห้องที่โรงแรมซ่างผิ่น ซึ่งหูฟังอันนั้นสามารถบ่งบอกตัวตนของฉันได้ ฉันไม่อยากให้ของสิ่งนั้นตกอยู่ในกำมือของผู้ชายผู้นั้น
คุณโห้ช่วยฉันได้ไหมคะ? เอาหูฟังมาคืนให้ฉัน หรือ อนุมัติสิทธิ์เข้าห้องให้ฉันเข้าไปเอาก็ได้ค่ะ”
สีหน้าของโห้หลีเฉินนิ่งขรึมมากขึ้น พูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง
“เธอไม่อยากมีความข้องเกี่ยวกับเขาต่อ?”
นิ่งไปสักพัก โห้หลีเฉินพูดต่อด้วยเสียงเย็นชา “เธอเกลียดเขางั้นรึ?”
“ฉันเกลียดเขาแน่นอน เขาฉวยโอกาสทำมิดีมิร้ายฉันตอนฉันเมา จะต่างอะไรกับพวกนักเลงในผับล่ะคะ?”
เย้นหว่านตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด สีหน้าท่าทางบ่งบอกถึงความเกลียดชังอย่างชัดเจน และยังแฝงไปด้วยความกลัว
ถ้าไม่ติดว่าหล่อนรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นดูทั้งน่ากลัว น่าเกรงขาม หล่อนคงจะกระทืบเขาสลบไปแล้ว
สีหน้าของโห้หลีเฉินแย่ขึ้น
เขาเม้มริมฝีปาก นั่งยืดตัวตรงขึ้น ราวกับรูปปั้น ความเยือกเย็นแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา
เมื่อเห็นว่าโห้หลีเฉินไม่พูดอะไร เย้นหว่านจึงคิดว่าเขาคงไม่ช่วยหล่อน จึงถามต่อด้วยความไม่สบายใจ
“คุณโห้จะช่วยฉันใช่ไหมคะ? ตอนนี้ฉันเป็นถึงคู่หมั้นของคุณ ถ้าฉันไปพัวพันกับผู้ชายคนนั้น คงกระทบกับชื่อเสียงของคุณไม่น้อย”
กระทบชื่อเสียงของเขา? หล่อนช่างเป็นห่วงเขาเสียจริง
โห้หลีเฉินมองไปที่เย้นหว่าน สายตาเย็นชายิ่งขึ้น ท่าทางฮึดฮัดไม่พอใจ
เย้นหว่านถูกเขามองด้วยสายตาเช่นนั้นจนรู้สึกกระวนกระวายใจ หล่อนพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ?
รู้สึกว่าไม่มีนะ
หล่อนไม่เข้าใจ จึงพูดต่อ “คุณโห้….”
ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากฟังหล่อนพูดต่อ โห้หลีเฉินสีหน้าบึ้งตึง พูดขึ้น
“ผมจะให้คนเอาหูฟังไปคืนให้คุณ”
เมื่อพูดจบ เขาลุกขึ้น เดินลงไปด้านล่างทันที
เย้นหว่านตกใจตะลึง มองดูเขาเดินออกไป ถอนหายใจโล่งอกขึ้นมาทันที
แม้ว่าโห้หลีเฉินบอกเพียงแค่ว่าจะคือต่างหูให้หล่อน แต่หล่อนรู้ดีเมื่อโห้หลีเฉินรู้เรื่องนี้แล้ว ต่อไปโรงแรมซ่างผิ่นคงไม่ยอมอำนวยความสะดวกให้ผู้ชายคนนั้นได้ตรวจสอบอะไรง่ายๆอีก
เมื่อเป็นเช่นนี้ หล่อนรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
เพื่อเป็นการฉลองที่หล่อนรอดพ้นจากอันตรายแล้ว และยังมีสิทธิ์ออกแบบชุดของท่านประธาน เรื่องดีสองเรื่องเกิดขึ้นพร้อมกัน กู้จื่อเฟยจึงเสนอให้ไปฉลองกันที่ผับ
ผับหมิงเจว๋ เป็นสถานบันเทิงขนาดใหญ่ที่ได้ความนิยมจากวัยรุ่นในเมืองหนานมากที่สุด
เสียงดนตรีสนุกสนานดังจนหูอื้อ หญิงชายมากมายเต้นกันอย่างเมามันส์กลางฟลอร์เต้นในผับ
บรรยากาศทั้งตื่นเต้น ทั้งเร้าใจ
กู้จื่อเฟยดึงเย้นหว่านเดินผ่านที่นั่งมากมายตรงไปยังฟลอว์เต้นรำ
“เสี่ยวหว่าน เราไปเต้นกันเถอะ”
“แต่ฉันเต้นไม่เป็นนี่”
“ฉันสอนให้”
กู้จื่อเฟยเดินต่อไป แต่จู่ๆก็หยุดลง
สายตาของหล่อนมองตรงไปเห็นที่นั่งวีไอพี “เห้ย นั่นคือโห้หลีเฉินนี่นา”
เย้นหว่านกวาดสายตามองตามหล่อนไป เห็นชายหนุ่มมากมายนั่งอยู่บนที่นั่งกว้างใหญ่ตรงฝั่งวีไอพี แต่โห้หลีเฉินกลับนั่งอยู่บนโซฟาคนเดียว
แสงไฟสลัวส่องตรงไปที่เขา ทำให้รู้สึกถึงความลึกลับ หยิ่งยโสในตัวเขา
เหมือนเขารู้สึกว่ามีสายตาจดจ้องอยู่ จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้น มองตรงมาที่เย้นหว่าน
วินาทีนั้น สายตาของทั้งคู่จ้องมองเข้าหากัน
เย้นหว่านใจเต้นแรง รู้สึกร้อนใจกระสับกระส่ายเหมือนทำอะไรผิด จึงรีบหลบสายตาทันที
หล่อนรีบดึงแขนกู้จื่อเฟยไปอีกด้านหนึ่งทันที
“พี่สะใภ้?!”
ตอนนั้นเอง มีเสียงของฉินฉู่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
เย้นหว่านหยุดเดินสักพัก แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน จึงเดินต่อไป
กู้จื่อเฟยกลับดึงหล่อนให้หยุด ยิ้มเจื่อน “ดูเหมือนว่าคนนั้นกำลังเรียกเธออยู่ เขาเดินมาโน่นแล้ว”
ช้าไปกี่วินาที ฉินฉู่รีบเดินมาหยุดตรงหน้าหล่อนเรียบร้อยแล้ว
เขาหัวเราะพูดขึ้น “พี่สะใภ้ บังเอิญจังเลย พี่ก็มาเที่ยวที่หมิงเจว๋ด้วยงั้นเหรอ”
“อื้ม บังเอิญจังเลย” เย้นหว่านพยักหน้าด้วยความเคอะเขิน
“ฉันกับหลีเฉินก็มาที่นี่ ไหนๆก็เจอกันแล้ว ไปนั่งด้วยกันหน่อยไหม?”
“ไม่….”
เย้นหว่านกำลังจะพูดปฏิเสธ แต่กู้จื่อเฟยกลับพูดแทรกขึ้น
กู้จื่อเฟยยิ้มให้ฉินฉู่ พูดขึ้น “โอเคค่ะ คนเยอะยิ่งสนุก”
เย้นหว่าน “……” เพื่อนรักคนนี้จะทรยศฉันงั้นเหรอ?
ในเมื่อตอบรับไปแล้ว เย้นหว่านทำได้เพียงเดินตามฉินฉู่ไป เมื่อไปถึงเห็นผู้ชายที่นั่งสงบเงียบแต่กลับแฝงไปด้วยความเป็นสุภาพบุรุษนั่งอยู่ตรงนั้น
มีผู้หญิงที่นั่งอยู่รอบข้างมากมายคอยแอบมองมาที่เขาด้วยสายตายั่วยวน
“พี่เหม่ออะไรอยู่? รีบนั่งสิ”
ฉินฉู่ผลักเย้นหว่านไปนั่งข้างโห้หลีเฉินบนโซฟา บอกเป็นนัยว่าให้หล่อนนั่งตรงนั้น
นอกจากงานหมั้น เย้นหว่านยังไม่เคยได้เข้าใกล้กับโห้หลีเฉินเลยสักนิด
เมื่อมองดูผู้ชายใบหน้าหล่อรวยเสน่ห์จนแทบจะหยุดหายใจตรงหน้า หล่อนรู้สึกตื่นเต้นจนเกร็งขึ้นมาทันที