สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 210 หึงคุณฉูแรงมาก
บทที่ 210 หึงคุณฉูแรงมาก
เธอยื่นดอกไม้ให้กับฉูรั่วไป๋ด้วยสีหน้าเขินอาย
“ฉูรั่วไป๋ ฉันชอบการดีไซน์เสื้อผ้าของคุณมากเลยค่ะ ฉันซื้อมาใส่ทุกชุดเลย”
“ขอบคุณครับ”
ฉูรั่วไป๋ยิ้มกลับไปอย่างสุภาพ ใบหน้าลูกครึ่งของเขายิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูนุ่มนวลขึ้น
หญิงสาวมองอย่างตะลึง ใบหน้าเห่อแดงก่อนจะพูดออกมาอีกหนึ่งประโยค
“ฉะ ฉันก็ชอบคุณเหมือนกันนะคะ”
เย้นหว่านที่ยืนอยู่ด้านข้างตกใจ หญิงสาวคนนี้ไม่ได้เป็นเพียงแฟนคลับเท่านั้น ทั้งยังมาสารภาพรักด้วย?
แถมหญิงสาวคนนี้ดูๆ ไปแล้วเธอก็ยังดูสวยมากอีกต่างหาก
เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่เพิ่งเจอกับฉูรั่วไป๋ เป็นเพราะความกระตือรือร้นของเธอที่ทำเอาฉูรั่วไป๋ถึงกลับเข้าใจผิด จนเกือบจะเลยเถิดกันมาแล้วครั้งหนึ่ง เย้นหว่านได้แต่มองไปที่ฉูรั่วไป๋อย่างเป็นห่วง
เขาจะไม่ลงมือกับผู้หญิงคนนี้หรอกใช่ไหม?
งั้นคืนนี้เธอต้องนั่งแท็กซี่กลับโรงแรมเองไหม?
ในระหว่างที่เย้นหว่านกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็เห็นฉูรั่วไป๋รับดอกไม้จากมือของหญิงสาว ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลานั้น
“ขอบคุณที่ชอบผลงานของพวกเรานะครับ ผมจะพยายามออกแบบผลงานให้ดียิ่งขึ้นครับ”
คำพูดขอบคุณ ทว่าก็เป็นการปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างมีชั้นเชิง
หญิงสาวรู้สึกจิตตก ทว่าคำพูดของฉูรั่วไป๋ก็ทำให้แฟนคลับสบายใจ
เมื่อเห็นหญิงสาวเดินจากไปอย่างพึงพอใจ เย้นหว่านเองก็อดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ สาวสวยขนาดนั้น ทำไมฉูรั่วไป๋ถึงยอมปล่อยเธอไปได้ล่ะ?
หรือว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ใช่สเปคของเขา?
ฉูรั่วไป๋ถือดอกไม้เอาไว้ หันกลับไปเห็นสีหน้าท่าทางของเย้นหว่าน เขาก็พอจะเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เขาก็อดไม่ได้ที่จะทำตัวไม่ถูก
เมื่อตอนที่เขาพบกับเธอครั้งแรก เขาก็เห็นว่าเย้นหว่านเป็นคนสวยน่ามอง ดูแล้วมีความสุขจากภายใน จึงคิดฉวยโอกาสและอยากได้เธอ
แม้ว่าสุดท้ายจะเป็นเขาที่ผิด แต่มันก็ไม่มีผลกระทบต่อมิตรภาพความเป็นเพื่อน
แต่ดูเหมือนว่าเพราะเหตุการณ์นี้ เย้นหว่านอาจจะเข้าใจอะไรเกี่ยวกับเขาผิดไป
แม้ว่าเขาจะเจ้าชู้แต่ว่าเขาก็ไม่ได้หิวโหยขนาดนั้น…..
ฉูรั่วไป๋นึกอยากจะอธิบาย ทว่าเมื่อเดินไปถึงตรงหน้าของเย้นหว่านแล้วเผชิญหน้ากับดวงตาใสซื่อจนถึงริมฝีปากนั่น ก็ได้แต่กลืนคำพูดกลับไปหมด
ช่างมันเถอะ เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดไป
เรื่องนี้ไม่สำคัญ
“ให้คุณ”
ฉูรั่วไป๋ยัดดอกไม้ในมือให้กับเย้นหว่าน
ทันทีที่ได้รับดอกไม้ช่อโตที่ปิดใบหน้าของเย้นหว่านจนมิด
“คุณฉู ผู้หญิงคนนั้นเอาให้คุณ คุณจะเอามาให้ฉันทำไม?”
“ผมเป็นผู้ชายตัวโต ดูแลดอกไม้ไม่เป็นหรอกนะ คุณเอากลับไปใส่แจกันที่โรงแรมเถอะ ให้มันฟอกอากาศในห้องคุณ”
ฉูรั่วไป๋พูดขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ
เมื่อเย้นหว่านได้ฟังเหตุผลนี้ ก็อุ้มดอกไม้ขึ้นรถไป
ฉูรั่วไป๋พาเย้นหว่านไปส่งที่ประตูโรงแรม
เย้นหว่านอุ้มดอกไม้ลงจากรถ ก่อนจะโบกมือให้เขา
“คุณฉู วันนี้ขอบคุณมากนะคะ พี่พาฉันไปทำความรู้จักกับเมืองเจียง คุณก็ขับรถระวังๆ นะ”
“โอเคครับ พรุ่งนี้เจอกัน”
ฉูรั่วไป๋ยิ้ม เขาพูดออกมาก่อนจะขับรถออกไป
เย้นหว่านดึงสายตากลับก่อนจะเตรียมหมุนตัวจะขึ้นไป ทว่ากลับเห็นเงาร่างสูงเดินเข้ามา เธอถึงกลับชะงักเท้าลงดวงตาแข็งค้าง
สายตามองอย่างไม่อยากเชื่อ
เพียงแค่เห็นเงาของร่างสูงที่อยู่ใต้แสง ทั่วทั้งร่างดูสูงส่งไม่สามารถรับรู้วันคืน เขามองมาด้วยสายตาเย็นชา
โดยเฉพาะดวงตาที่ดูลึกล้ำราวกับน้ำทะเลจนทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
เย้นหว่านนิ่งไปเกือบห้าวินาที เป็นเขาจริงๆ –โห้หลีเฉิน
“คะ คุณโห้ คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”เธอเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับใจที่กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง
หลังจากที่ไม่เจอกันมาสามวัน เธอคิดว่าเขาคงจะยอมแพ้ไปแล้ว แต่ทว่าตอนนี้เขากลับปรากฏตัวขึ้นในสายตาเธอ เขา…..
เมื่อโห้หลีเฉินเห็นสายตาประหลาดใจของหญิงสาว ในใจเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเพิ่มขึ้นไปอีก
เพิ่งคุยหัวเราะต่อกระซิกกับผู้ชายคนนั้น พอเจอเขากลับแสดงท่าทางอย่างนี้งั้นเหรอ?
เมื่อก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าเธอ ท่าทีโกรธของเขาก็ยังคงดูสง่าอยู่ตลอด
“เขาเป็นอะไรกับคุณ?”
ลมหายใจที่รดลงมากระทบเข้ากับใบหน้าเล็กของเย้นหว่าน มันเย็นอยู่เล็กน้อย เธอตกใจ ทำไมเขาถึงได้ดูเหมือนกำลังโมโหเธออยู่เลยล่ะ?
เธอเปิดปากตอบกลับไป “เพื่อน”
“เพื่อน?” โห้หลีเฉินยกมุมปาก สายตาเย็นชาของเขาจ้องมองไปที่ช่อดอกไม้ในมือเธอ ราวกลับจะแช่แข็งมัน ก่อนเอ่ยถามทีละคำ “ในฐานะเพื่อน เขากลับมาส่งคุณกลางดึก แถมยังมีช่อดอกไม้นี้อีก? ในฐานะเพื่อน ตอนจะแยกกันบอกให้ขับรถดีๆ? เย้นหว่าน คุณแน่ใจเหรอว่าเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา?”
น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูเหมือนกำลังอดทนอดกลั้นเอาไว้ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้แรงหึงของเขามันมีอยู่มากแค่ไหน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขานึกถึงสายตาของชายคนนั้นที่มองมาทางเย้นหว่าน เขาแทบจะทนรอไม่ไหว ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเตือนให้เขาขับรถระวังๆ
นานแค่ไหนแล้ว ที่เธอไม่มีความกระตือรือร้นแบบนี้ให้เขาเลย!
เย้นหว่านตกใจกับระดับการหายใจของโห้หลีเฉิน การพูดทีละคำนั้นราวกลับก้อนหินที่ขว้างใส่หัวเธอ จนทำให้เธอพูดไม่ออกอยู่นาน
โดยเฉพาะคำพูดที่เขาว่า ‘คุณแน่ใจเหรอว่าเป็นแค่เพื่อนธรรมดา’ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก
คำพูดที่ฉูรั่วไป๋พูดกับเธอในคืนนี้มันก็เกือบจะ…..
ท่าทางลังเลของเย้นหว่านตกอยู่ในสายตาของโห้หลีเฉิน ทว่าความหมายมันกับต่างกันออกไป
ดวงตาเขาลุกเป็นไฟ ยื่นมือออกไปจับช่อดอกไม้ในมือของเย้นหว่านก่อนโยนมันทิ้งลงถังขยะที่อยู่ด้านข้าง หลังจากนั้นมือใหญ่ของเขาก็โอบเข้าที่เอวเล็กของเธอ พลางก้าวเดินไปข้างหน้า ดันเธอให้ชิดกับกำแพงที่อยู่ด้านหลัง โดยที่มีตัวเขาค่อมเอาไว้
การเคลื่อนไหวของเขามันทั้งดูแข็งแกร่งและรวดเร็วจนทำให้เธอไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับมา
ดวงตาจ้องมองเธอที่ถูกล็อกตัวเอาไว้อย่างลึกซึ้ง ริมฝีปากเรียบตรง
“ทิ้งมื้ออาหารที่เจรจางานหมั้นเพื่อหนีมาที่นี่ เพียงแค่เวลาสั้นๆ แค่สามวันคุณก็สวมเขาให้ผมแล้วเหรอ?”
คำพูดนั้นฟังดูเย็นชาเป็นอย่างมาก
เย้นหว่านที่ถูกเขากดเอาไว้ เบื้องหลังเธอเป็นกำแพงที่เย็นเฉียบ เบื้องหน้าก็เป็นไหล่กว้างของร่างสูง บรรยากาศตึงเครียดแบบนี้ทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก
ยังไม่ทันได้ทำอะไรตอบกลับไป เพียงแค่ได้ยินคำพูดของเขา เธอก็ทั้งตกใจทั้งอับอาย
การสวมเขาไม่ใช่ใช้ระหว่างสามีภรรยากันหรอกเหรอ? เธอกับเขายังไม่ทันได้แต่งงานกัน เขาจะมาพูดอย่างนี้ได้ยังไง?
เพียงแค่ในเวลานี้ลมหายใจบนร่างกายของเขาค่อนแรงและเย็นเกินไป จึงทำให้กดเธอไว้ไม่ได้มาก
“คุณโห้ คุณปล่อยฉันก่อนเถอะค่ะ ฉันกับคุณฉูเราไม่มี…..” เย้นหว่านอยากจะอธิบาย ทว่ากลับถูกเสียงของชายหนุ่มขัดจังหวะขึ้นก่อน
“คุณโห้? คุณฉู? ต่อหน้าผมคุณกล้าเรียกผมกับคนที่พึ่งรู้จักไม่กี่วันเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ? หรือจะบอกว่าคุณฉูมีมากกว่า?”
โห้หลีเฉินไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะคิดเล็กคิดน้อยได้น่ากลัวขนาดนี้
เพียงแค่คำเรียกสองคำนี้อยู่ด้วยกัน พอมันพูดออกมาจากปากของเธอ มันช่างรุนแรง! ทิ่มแทงหัวใจ!
เย้นหว่านสะดุ้ง คืนนี้ชายหนุ่มเขาเป็นอะไรกันแน่? ก็ไม่ได้เป็นแค่การเรียกเองเหรอ? ถ้าไม่ให้เรียกว่าคุณฉู แล้วจะให้เรียกว่าอะไร?
เธอพยายามเอ่ยปากอย่างระมัดระวัง
“เป็นแค่เพื่อนร่วมงานจริงๆ นะ ที่เขาเอาดอกไม้นี่ให้ฉันเพราะว่ามีคนอื่นให้เขามา เขาเป็นผู้ชายเอาไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ก็เลยเอามาให้ฉันแทน”
ครั้งนี้เย้นหว่านพูดอย่างจริงจัง ทั้งยังมองสบสายตากับเขา
กลัวว่าเขาจะไม่เชื่อ กลัวว่าจะโมโหแล้วทำอะไรกับเธออีก