สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 222 ไม่เลวเลย นับวันยิ่งสนใจผมมากขึ้นนะเนี่ย
- Home
- สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
- บทที่ 222 ไม่เลวเลย นับวันยิ่งสนใจผมมากขึ้นนะเนี่ย
บทที่ 222 ไม่เลวเลย นับวันยิ่งสนใจผมมากขึ้นนะเนี่ย
โห้หลีแนกลับไม่แคร์ผู้ชายตรงข้ามที่ใกล้ระเบิด เขาเปิดเมนูอย่างสง่ารอบหนึ่งก่อนวางลง
และหันไปสั่งอาหารกับพนักงานทันที
พนักงานจดรายการอาหารเรียบร้อย ฉูรั่วไป๋กลับสงสัยนิดหน่อย
เขาหันทางเย้นหว่าน “คุณชอบอะไร? สั่งหน่อยสิ”
เย้นหว่านโบกมือปฏิเสธ พูดออกไปตามธรรมชาติว่า: “เมื่อกี้ที่คุณโห้สั่งไปเป็นของที่ฉันชอบหมดเลยค่ะ”
ฉูรั่วไป๋อึ้งไปพักหนึ่ง แปลกใจเอามากๆ
โห้หลีเฉินรู้ได้ยังไงว่าเย้นหว่านชอบกินอะไร แถมยังคุ้นเคยจนท่องได้ขึ้นใจ
เขามองออกว่าฉูรั่วไป๋สงสัย โห้หลีเฉินเลยอธิบายอย่างใจดีเป็นพิเศษว่า
“ผมอยู่กับเย้นหว่าน เธอชอบทานหรือใช้อะไร ผมรู้ดีที่สุด”
“อะไรนะ? พวกคุณอยู่ด้วยกันตั้งแต่ที่เมืองหนานหรอ?”
พอได้ยินคำนี้ ฉูรั่วไป๋ไม่นิ่งสงบแล้ว
เขาลุกพรวดขึ้นมองคนสองคน รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางหัว จนยากที่จะรับเรื่องนี้ได้
เขาพยายามกลั่นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก “พวกคุณ อยู่ด้วยกันก่อนแต่งหรอ?”
คำว่าอยู่ก่อนแต่งทำให้เย้นหว่านหน้าร้อนผ่าว
เธอรีบปฏิเสธอย่างไว “ไม่ใช่แบบที่คุณคิดนะ ฉันแค่…เพราะบางเหตุผล เลยต้องไปอาศัยบ้านคุณโห้ชั่วคราว ไว้หาบ้านใหม่ที่เหมาะสมได้ก็จะย้ายออกไป”
ไม่ได้อยู่ก่อนแต่งซะหน่อย
มือโห้หลีเฉินที่จับเอวเย้นหว่านไว้รัดแน่นขึ้น เขาไม่ค่อยสบอารมณ์ ใครให้เธออธิบายซะละเอียดขนาดนี้ล่ะ?
อีกอย่าง เรื่องอยู่ด้วยกันก็เรื่องจริง แถมยังนอนเตียงเดียวกันด้วย
ถึงเย้นหว่านจะอธิบายแล้ว แต่สำหรับฉูรั่วไป๋แล้ว ผลมันก็เหมือนกัน
ตอนนี้เย้นหว่านอยู่กับโห้หลีเฉินจริงๆ
ดังนั้นที่โรงแรม โห้หลีเฉินเลยเข้าไปอยู่ห้องเย้นหว่านได้อย่างหน้าตาเฉย
พอคิดว่าพวกเขาอยู่ด้วยกัน หัวใจของฉูรั่วไป๋ก็เจ็บเหมือนโดนเข็มแทง
เขาขมวดคิ้วก่อนนั่งลงอย่างไม่พอใจมาก ทั่วที้งร่างฉายออร่าอันตรายคล้ายจะระเบิด
โห้หลีเฉินมองเขาอย่างเย็นชา ยิ้มมุมปากแบบอันตราย
พนักงานเห็นพวกเขาเบรกการสนทนามาสักพัก จึงถามต่ออย่างระมัดระวังว่า:
“คุณฉู คุณจะสั่งอะไรคะ?”
“เอาแบบเดิม”
ฉูรั่วไป๋ตอบอย่างเซ็งๆ เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดี
ตอนนี้เขาไม่มีความอยากอาหารเลย
พนักงานหันไปหาเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินอีก “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง รับอะไรเพิ่มไหมคะ?”
โห้หลีเฉินไม่พูดอะไร เย้นหว่านคิดๆก่อนบอก:
“ขอปลาหิมะที่หนึ่งค่ะ”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ ไม่นานจะรีบนำมาเสิร์ฟค่ะ”
พนักงานเก็บปากกาและออกไปอย่างมีมารยาท
ส่วนโห้หลีเฉินจ้องไปที่เย้นหว่าน พูดกลั้วหัวเราะว่า: “ตั้งใจสั่งให้ผมหรอ?”
อาหารที่เขาชอบมีไม่มาก หนึ่งในนั้นมีปลาหิมะ
เย้นหว่านรู้สึกกระดากใจ ก่อนพยักหน้า ตอบเสียงต่ำว่า
“ก็คุณสั่งแต่ของที่ฉันชอบนี่นา”
ถึงความเคยชินด้านอาหารการกินของเขาจะไม่ต่างกับเธอมากนัก แต่เธอก็รู้ว่าเขามีอาหารที่ชอบเป็นพิเศษ
มือของโห้หลีเฉินที่โอบเย้นหว่านไว้กำแน่น พูดด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างไม่ปิดบัง
“เย้นหว่าน คุณเริ่มสนใจผมมากขึ้นแล้วนะ”
เย้นหว่านหน้าแดงฉับพลัน ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
เธอทำแบบนี้เหมือนมันเป็นความเคยชินไปแล้ว
ฉูรั่วไป๋นั่งมองจากฝั่งตรงข้าม ยิ่งดูยิ่งไม่ชอบใจ ไม่สบายใจเอาซะเลย
ตั้งแต่โห้หลีเฉินมา ทุกวันเขารู้สึกเหมอืนมีกระต่ายมาคอยกัดกินหัวใจเขาทุกวี่วัน
อาหารเสิร์ฟเร็วมาก แป๊บเดียวอาหารทั้งหมดก็ขึ้นโต๊ะ
เย้นหว่านเดินมาตลอดเช้า ตอนนี้หิวมากจริงๆ บวกกับอาหารข้างหน้าเป็นอาหารที่เธอชอบทั้งหมด ความอยากอาหารยิ่งพุ่งขึ้นทวีคูณ
โห้หลีเฉินสนใจแต่เย้นหว่าน พอเห็นเธอทานอย่างอารมณ์ดี เขาก็อารมณ์ดีด้วย
พอมาดูฉูรั่วไป๋ฝั่งตรงข้าม กลับไม่ดีขนาดนั้น เขาทานอาหารที่ปกติเวลามาต้องสั่ง แต่วันนี้กลับไม่มีความอยากอาหารเลย
หลายปีมานี้เขาไม่เคยอารมณ์เสียแบบนี้มาก่อน
“ตู้ดตู้ดตู้ด—“
ระหว่างทานข้าว มือถือของโห้หลีเฉินก็ดังขึ้น
ปกติเว่ยชีจะเป็นคนจัดการเรื่องต่างๆให้เขา การที่จะโทรสายตรงมาหาเขานี่น้อยมาก
และทุกเรื่องมักจะเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
โห้หลีเฉินหยิบมือถือออกมาดู ก่อนหันไปบอกเย้นหว่าน:
“คุณค่อยๆทานนะ ผมไปรับโทรศัพท์ก่อน”
“ค่ะ”
เย้นหว่านวางตะเกียบลงพลางพยักหน้า
โห้หลีเฉินลุกขึ้น เดินออกไปทางที่ไม่มีคนเพื่อรับโทรศัพท์
พอโห้หลีเฉินไป ฉูรั่วไป๋ก็เหมือนถูกปลอดปล่อยจากห้องมืด หายใจหายคอสะดวกขึ้น
อาหารบนโต๊ะก็ดูมีรสชาติมากขึ้น
คนที่เขาไม่อยากเห็นหน้ามีแค่โห้หลีเฉินจริงๆด้วย
แต่โห้หลีเฉินไปรับโทรศัพท์ มันไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้น ก็แปลว่าความสบายของเขาจะคงอยู่ไม่นานเหมือนกัน
เวลาตอนนี้ล้ำค่านัก ฉูรั่วไป๋ไม่ยอมเสียเวลา เขาเหลือบตาขึ้นมองเย้นหว่าน พูดว่า:
“เย้นหว่าน ผมอยากพูดอะไรกับคุณเป็นการส่วนตัวหน่อย”
เห็นสีหน้าจริงจังของฉูรั่วไป๋ เย้นหว่านอดกระดากใจไม่ได้ วันนี้เพราะโห้หลีเฉินมาด้วย การมาป่วนของเขาเธอเห็นอยู่กับตา
แต่เธอสู้โห้หลีเฉินไม่ไหว และไม่กล้าออกคำสั่งกับเขาด้วย
เธอได้พูดอย่างขอโทษว่า: “คุณฉู วันนี้ขอโทษจริงๆนะคะ ฉันไม่รู้ว่าคุณโห้จะมาด้วย นิสัยเขาไม่ค่อยดีนัก คุณอย่าถือสาเลยนะ”
แถมวันนี้ยังนิสัยแย่เป็นพิเศษด้วย
เห็นเย้นหว่านขอโทษแทนโห้หลีเฉิน ฉูรั่วไป๋รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
เขาไม่ชอบเห็นโห้หลีเฉินสนิทสนมกับเย้นหว่านเอามากๆเลย
ความคิดหนึ่งผุดจากก้นบึ้งของหัวใจ ฉูรั่วไป๋มองเย้นหว่านเขม็ง ถามอย่างจริงจังว่า:
“เย้นหว่าน คุณกับโห้หลีเฉินมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่?”
เย้นหว่านอึ้ง แอบบ่นในใจ
ความสัมพันธ์แท้จริง?
งั้นแปลว่า เขามองออกว่าเธอกับโห้หลีเฉินไม่ใช่คู่รักกันจริงๆหรอ
มือที่ถือตะเกียบเผลอคีบแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว “คุณฉู คุณหมายความว่าไงคะเนี่ย?”
ฉูรั่วไป๋คอยจับสังเกตปฏิกิริยาของเย้นหว่าน เขาหรี่ตาลง
เขาพูดอีก: “พวกคุณดูไม่เหมือนคู่รักกันจริงๆ ระหว่างคุณกับเขามีความสัมพันธ์แบบอื่นกันใช่ไหม?”
เป็นการถาม แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเชื่อมั่น
เย้นหว่านร้อนใจขึ้นมาทันที
โห้หลีเฉินมาแค่สองวัน ได้เจอกับฉูรั่วไป๋ก็แค่สองครั้ง พวกเขามีพิรุธตรงไหนกันนะ ฉูรั่วไป๋มองอะไรออกกันแน่?
ถึงเย้นหว่านไม่อยากแต่งงานกับโห้หลีเฉิน แต่ก่อนหน้าที่โห้หลีเฉินจะขอถอนหมั้น เธอไม่อยากให้ใครรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเขากับเธอ
ถึงการที่โห้หลีเฉินผิดสัญญาจะไม่ดี แต่เธอมีจรรยาบรรณของเธอ
เธอตื่นเต้น แต่ยังพยายามยิ้มอย่างมั่นใจ
“ฉันกับคุณโห้ไม่ใช่คู่รักกันนี่คะ เราเป็นคู่หมั้นกันต่างหาก”
เธอทำทีล้อเล่นปฏิเสธข้อสงสัยของฉูรั่วไป๋
ฉูรั่วไป๋หัวเราะ ยิ่งมั่นใจความคิดในใจมากขึ้น เย้นหว่านกำลังโกหก
ระหว่างเธอกับโห้หลีเฉินไม่เหมือนที่เห็นแน่ๆ
ในเมื่อมีพิรุธ งั้นเขาก็ยังมีโอกาส…