สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 224 จูบโมโหหึง
บทที่ 224 จูบโมโหหึง
เย้นหว่านรู้สึกผิดมาก อุ้มถุงผ้าอนามัยวิ่งเข้าไปซ่อนในห้องน้ำ
เธอนั่งเหม่อบนชักโครกอย่างสับสนในหัวใจ โห้หลีเฉินดีกับเธอแบบนี้ เธอยังจะไล่เขาไปอยู่ที่อื่น ดูจะใจไม้ไส้ระกำไปหน่อยไหม?
ความรู้สึกผิดยิ่งคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ
แต่เธอกับเขาไม่ได้เป็นคู่หมั้นกันจริงๆ ออกมาทำงานนอกสถานที่ก็ยังอยู่ห้องเดียวกัน คนอื่นจะเข้าใจผิดเอาได้ เธอไม่ควรใจอ่อนเพราะความรู้สึกผิดชั่วขณะ
ต้องแยกกันอยู่
เย้นหว่านสูดลมหายใจเข้าปอด ให้กำลังใจตัวเอง ก่อนเดินออกไปอย่างมั่นคง
โห้หลีเฉินกำลังนั่งอยู่บนโซฟา โต๊ะด้านหน้ามีน้ำตาลทรายแดงผสมน้ำร้อนวางอยู่ ไอร้อนยังคุกรุ่นเลย
เขาหันมามองเธอพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมเข้าไปนานจัง? ไม่สบายหรอ?”
เย้นหว่านสายตาหลุกหลิก ไม่กล้าสบตาโห้หลีเฉิน
เขานึกว่าเธอเขิน เม้มปากแน่น ยื่นมือดึงเธอไปนั่งข้างตัวเอง
จากนั้นก็หยิบน้ำร้อนที่ชงน้ำตาลทรายแดงให้เธอ
“ดื่มสิ”
น้ำชงน้ำตาลทรายแดงอุ่นมาก ถือไว้ในมือแต่ทำใจเย้นหว่านสับสนวุ่นวาย
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอดื่มน้ำชงน้ำตาลทรายแดงที่คนอื่นชงให้ เมื่อก่อนตอนคบกับซือหนาน เขาไม่เคยละเอียดอ่อนแบบนี้เลย
ตอนนั้นเธอคิดว่าเขาเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นคุณชายตระกูลสูง ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ไม่แปลก
แต่ตอนนี้โห้หลีเฉินหรูกว่าซือหนานไม่รู้กี่เท่า กลับมีความละเอียดอ่อน
เทียบกันแล้ว ถึงรู้ว่าเมื่อก่อนสายตาเธอแย่แค่ไหน คบกับซือหนานนานขนาดนั้น
ส่วนโห้หลีเฉิน…
เย้นหว่านรีบเบรกความคิดตัวเองไว้ เธอกับโห้หลีเฉินเป็นไปไม่ได้หรอก ไม่ควรคิดไปในทางนั้น
เธอมั่นใจในความคิดตัวเองมากขึ้น จับแก้วน้ำแน่น ก่อนวางลงบนโต๊ะ
เธอหยิบการ์ดห้องออกมาจากกระเป๋ายื่นให้โห้หลีเฉิน
“คุณโห้ ที่โรงแรมมีห้องพักว่างพอดี และเป็นห้อง president deluxe suiteด้วยค่ะ ฉันเห็นว่าเหมาะกับคุณเลยจองให้”
สีหน้าโห้หลีเฉินกระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นการ์ดห้อง เขาไม่ชายตาแลมันเลย
“ที่นี่ก็ดีแล้วรี่”
ความหมายก็คือ เขาไม่คิดจะย้าย
เย้นหว่านอึ้ง นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เธออยากได้ เธอยื่นการ์ดให้เขาอีกครั้ง คิดจะยัดใส่มือเขา
“ฉันเปิดให้คุณอีกห้อง เป็นแบบ president deluxe suite แบบนี้เหมือนกันค่ะ ไม่ต่างอะไรกับที่นี่เลย อีกอย่างคุณอยู่คนเดียวสะดวกกว่า คุณย้ายไปเถอะ”
“ถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ?”
โห้หลีเฉินมองหน้าเย้นหว่านตรงๆ ลดระดับคีย์เสียงลงต่ำ เริ่มมีออร่าแผ่ออกมา
นั่นเป็นสัญญาณถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของเขา
ถ้าเย้นหว่านยังตื้อไม่เลิก เขาต้องโมโหแน่ งั้นการให้เขาย้ายออกไปก็เลิกคุยได้เลย
เธอค่อนข้างกลัวโห้หลีเฉินอยู่พอดู อย่างน้อยเธอไม่กล้าบังคับเขา และไม่อยากยั่วโมโหเขาด้วย
เธอคิดไม่ตกอยู่นาน พอรู้ว่าหมดหวังที่จะให้เขาย้ายออกไป เธอคิดๆก่อนเปลี่ยนแผนใหม่
เธอเก็บการ์ดห้องกลับมา ยิ้มอย่างมีมารยาท
“ถ้าคุณชอบอยู่ที่นี่ งั้นก็เชิญตามสบายนะคะ ฉันย้ายไปอีกห้องก็ได้”
ยังไงซะก็เป็นห้องพักโรงแรม ห้องไหนก็เหมือนกัน
เย้นหว่านลุกขึ้นหลังพูดจบ กะจะไปเก็บของ แต่โดนโห้หลีเฉินยุดแขนไว้
เขาดึงเธอกลับมาที่โซฟา ตามมาด้วยร่างสูงใหญ่กดไว้
สีหน้าเขาดูทะมึนลง เหมือนท้องฟ้าก่อนพายุโหมกระหน่ำ ดูดำมืดจนทำให้คนรู้สึกถึงอันตราย
“คุณอยากแยกกันอยู่กับผมขนาดนั้นเลย?”
เสียงเขาต่ำมาก เหมือนพูดลอดไรฟันออกมา
เย้นหว่านแอบใจฝ่อลงโดยไม่รู้ตัว ดูหงอเวลามองโห้หลีเฉินแบบนี้
เธอตอบเสียงต่ำ “ฉันก็แค่…แยกกันอยู่มันสะดวกกว่า”
“อยู่ด้วยกันไม่สะดวกตรงไหน?”
โห้หลีเฉินย้อนถาม
เย้นหว่านสะอึก สีหน้าเริ่มซีด รู้สึกไม่รู้จะพูดอะไรชั่วขณะ
ก็ไม่ได้มีอะไรที่ไม่ค่อยสะดวก แต่มันก็ไม่สะดวกอยู่ดีน่ะ
โห้หลีเฉินเข้าใกล้เธอมากขึ้น พูดเสียงต่ำ ลมหายใจขณะพูดพ่นลงมาที่หน้าเธอ
“พวกเราอยู่ด้วยกันนานแล้วที่เมืองหนาน ทำไมมาที่นี่แล้วไม่พอใจล่ะ?”
พอคิดว่า ตอนอยู่ที่เมืองหนานเธออยู่ด้วยกัน นอนด้วยกัน กินด้วยกันกับโห้หลีเฉินทุกวัน แทบจะตัวติดกันตลอดยี่สิบชม. ดูสนิทสนมกว่าคู่รักคู่อื่นอีก
ต่อมาเธอเริ่มคุ้นชินกับวิถีชีวิตแบบนี้
ถ้าไม่ใช่ว่ามาเมืองเจียง แล้วเจอเพื่อนร่วมงานคนอื่น เธอคงไม่รู้สึกตัวว่าการอยู่ด้วยกับโห้หลีเฉินแบบนั้นมันดูสนิทสนมแค่ไหน!
“คุณโห้ ตอนนี้พวกเรามาทำงาน อยู่ในสถานะเจ้านายและลูกน้อง อยู่ด้วยกันแบบนี้ คนอื่นมองดูไม่ดีนักค่ะ”
เย้นหว่านพูดอย่างจริงจัง
พอเห็นท่าทีแน่วแน่ของเธอ โห้หลีเฉินหน้าทะมึนมากขึ้น
เขาพูดเสียงต่ำอีก “ตอนอยู่เมืองหนาน ทั้งบริษัทรู้ความสัมพันธ์คุณกับผมหมด เข้าออกพร้อมกัน ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเราอยู่ด้วยกัน? ตอนนี้คุณพึ่งมารู้สึกว่ามันไม่ดี ไม่อยากให้ใครเห็นกันแน่?”
ไม่อยากให้ใครเห็น?
เย้นหว่านงง เธอไม่อยากให้ทุกคนเห็นต่างหาก
เธอกำลังจะตอบ แต่เห็นเขาจ้องมาที่เธอสายตาดุดันส่อประกายโกรธขึ้ง
เขาเน้นย้ำทีละคำว่า: “ ฉูรั่วไป๋ใช่ไหม?”
เกี่ยวอะไรกับฉูรั่วไป๋?
แต่พอคิดได้ว่า เป็นเพราะฉูรั่วไป๋บอกเธอว่ามีห้องว่าง เธอถึงรีบไปจองหวังจะได้แยกห้องกับโห้หลีเฉิน เธอก็อดหวั่นใจไม่ได้
เธอรู้สึกร้อนตัวพิกล “ไม่เห็นจะ…เกี่ยวกับเขาเลย”
เห็นสายตาหลุกหลิกของเธอแล้ว ใจเขายิ่งเดือดเหมือนโดนราดน้ำมันเพิ่ม ประกายตาเริ่มดุร้ายขึ้น
เขาไม่เคยอยากฉีกผู้ชายคนหนึ่งออกเป็นชิ้นๆเท่าวินาทีนี้มาก่อนเลย
เขากดร่างเหนือเย้นหว่าน สีหน้าดุดันจนน่ากลัว
“เย้นหว่าน คุณเป็นคู่หมั้นผมนะ”
ไม่ว่าจะในสายตาหรือหัวใจก็ห้ามมีผู้ชายคนอื่น ไม่งั้น เขาจะ…
เย้นหว่านตกใจกับแววตาดุร้ายของเขา จนแทบจะผุดลุกหนีจากเขา
“คุณโห้ คุณปล่อยฉันก่อน ฉัน…อุ๊!”
เธอพูดยังไม่ทันจบ ก็โดนเขาจูบปิดปาก
จูบเขาดุดันมาก เหมือนโจรป่า ทั้งบ้าคลั่งทั้งดุร้าย เหมือนจะกัดกลืนกินปากและลิ้นของเธอลงท้องไปเลย
เย้นหว่านรู้สึกเจ็บที่ปลายลิ้น
เธอเจ็บจนทุบหมัดลงที่ตัวเขา หวังจะผลักเขาออกไป
แต่การกระทำนี้กลับยิ่งเพิ่มความโมโหให้กับผู้ชายที่กำลังบ้าคลั่งมากขึ้น
โห้หลีเฉินกดไหล่เย้นหว่านไว้จนติดโซฟา แล้วนาบร่างลงไปแนบติดเธอ เหมือนอยากจะอัดเธอเข้าร่างเขา
เหมือนว่ามีแต่วิธีนี้ ถึงจะแสดงว่าเธอเป็นของเขา
จูบเขาเริ่มดูดดื่มขึ้น มือเขาเลื่อนเข้าไปในเสื้อผ้าเธอ…
เย้นหว่านเส้นสมองขาดผึงเมื่อได้รับสัมผัสร้อนจากผู้ชาย