สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 227 ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
บทที่ 227 ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
โห้หลีเฉินหาทั้งในและนอกสวนสาธารณะสามรอบเต็มๆ แม้แต่มุมเล็กน้อยก็ไม่ละเว้น แต่ก็ยังไม่เจอเย้นหว่าน
ยิ่งใช้เวลาหานานแค่ไหน เขายิ่งร้อนใจมากขึ้น
กลางดึกอย่างนี้ เย้นหว่านไม่ได้พกอะไรติดตัวเลย เธอตัวคนเดียวจะไปไหนได้?
หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
โห้หลีเฉินยืนหน้าเครียดอยู่ข้างทาง และโทรหาเว่ยชี อีก “หาตามโรงพยาบาลหรือยัง? ส่งคนไปหาตามโรงพยาบาลทั้งหมดด้วย”
“บอส…”
เว่ยชีจะพูดแต่เบรกไว้ ดูแล้วเย้นหว่านไม่น่าเกิดอะไรขึ้นนะ แต่เขารับรู้ได้ว่าโห้หลีเฉินกำลังร้อนใจมาก เขาเลยไม่พูดอะไร และออกไปทำตามคำสั่ง
เขาติดตามโห้หลีเฉินมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นโห้หลีเฉินร้อนใจขนาดนี้
ท่ามกลางความไม่รู้เนื้อรู้ตัว เย้นหว่านกลับกลายมีความสำคัญสำหรับบอสถึงขนาดนี้แล้ว
ผ่านไปอีกครึ่งชม.
เว่ยชีโทรมา น้ำเสียงตื่นเต้น “บอสครับ เจอคุณเย้นแล้วครับ!”
“เธออยู่ไหน?”
น้ำเสียงโห้หลีเฉินตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด
“อยู่โรงแรมฟีโร่ครับ”
“ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
พอได้ยินอย่างนั้น โห้หลีเฉินวิ่งไปข้างนอกทันทีโดยไม่คิด พอถึงริมถนน ก็ขึ้นรถที่รออยู่ตรงนั้นแล้ว
คนขับขับด้วยความเร็วสูงไปที่โรงแรมนั่น เว่ยชียืนรอเขาอยู่หน้าโรงแรมเรียบร้อย
พอเห็นโห้หลีเฉินลงรถมา เขารีบเข้าไปรับ “บอส”
“เธออยู่ห้องไหน?”
ระหว่างพูดคำนี้ โห้หลีเฉินก้าวเท้ายาวเข้าไปในโรงแรมแล้ว
เว่ยชีดูลังเลนิดหน่อย ก่อนยื่นไอแพทในมือให้เขาดู
“บอสครับ บอสดูภาพจากกล้องวงจรปิดก่อนค่อยขึ้นไปดีกว่าครับ”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว สายตาจับจ้องมาที่เขาเขม็ง คิ้วขมวดมุ่น “เย้นหว่านเกิดอะไรขึ้น?”
ไม่งั้นเว่ยชีคงไม่ให้เขาดูคลิปกล้องวงจรปิดก่อนหรอก
“บอสวางใจได้ครับ คุณเย้นไม่ได้เป็นอะไร” เว่ยชียื่นไอแพทให้เขาอีก
ไม่เป็นไรแล้วให้เขาดูทำไม?
โห้หลีเฉินเม้มปาก รับไอแพทมา แต่เปิดไปเดินไป พริบตาเดียวก็เข้าลิฟท์
เว่ยชีรีบตามไป กดชั้นที่เย้นหว่านอยู่
ในขณะเดียวกัน คลิปในไอแพทก็เริ่มฉาย
เป็นภาพกล้องวงจรปิดของห้องโถงโรงแรมฟีโร่ เวลาในการฉายคือตอนที่มาถึงโรงแรมคืนนี้ แต่เธอไม่ได้มาคนเดียว ยังมี ฉูรั่วไป๋ มาเป็นเพื่อน
เธอสวมเสื้อคลุมของฉูรั่วไป๋ มาจองห้องด้วยกัน และเข้าลิฟท์ไปด้วยกัน
จากนั้นภาพก็หยุดลง
แต่ดูจากคลิป โห้หลีเฉินจับสังเกตเห็นว่า ในมือฉูรั่วไป๋มีคีย์การ์ดห้องอยู่หนึ่งใบ
มันแปลว่า…
ฉูรั่วไป๋กับเย้นหว่านเข้าห้องไปด้วยกัน พวกเขาอยู่ด้วยกันตอนนี้?
ความคิดนี้ทำให้โห้หลีเฉินตัวค้างแข็ง เหมือนโดนน้ำเย็นจัดราดใส่หัว ทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้านและหวาดหวั่นใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาปวดหัวตุบๆ ไม่กล้าคิดถึงภาพที่ฉูรั่วไป๋กับเย้นหว่านเข้าออกห้องพร้อมกัน
ไม่อยากคิดเลยว่าระหว่างพวกเขามันเกิดอะไรขึ้น
อุณหภูมิในลิฟท์ลดลงอย่างรวดเร็ว เหมือนเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างกะทันหัน
เว่ยชีตื่นเต้นแข็งเกร็ง พูดอย่างระมัดระวังว่า: “บอส เวลาไม่นาน เลยคว้าคลิปมาได้แค่ช่วงนี้ บางทีฉูรั่วไป๋อาจจะแค่มาส่งคุณเย้นเข้าห้อง แล้วก็ไปก็ได้”
“ส่งเธอแล้วก็ไป เวลาพวกนายยังไม่พออีกหรอ?”
น้ำเสียงโห้หลีเฉินเย็นเยียบอย่างน่ากลัว
เว่ยชีสะอึก ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาโต้แย้งดี
ถ้าฉูรั่วไป๋อยู่แป๊บเดียวแล้วออกมา คลิปที่ดึงมาต้องมีภาพเขาจากไปติดอยู่ แต่นี่มีแต่เข้าไป ไม่มีออกมา
เป็นไปได้มากว่าตอนนี้ฉูรั่วไป๋ยังอยู่ในห้องเย้นหว่าน
ดึกดื่นค่อนคืน ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้อง ง่ายมากที่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น…
“ติ๊ง”
เสียงเสียดหูดังขึ้น ประตูลิฟท์เปิดออก
เดิมโห้หลีเฉินแทบอยากพุ่งไปหาเย้นหว่านทันที มองประตูลิฟท์ที่เปิดออกช้าๆ แต่เขากลับยืนค้างอยู่กับที่ ไม่ยอมก้าวเท้าออกไป
ทางเดินยาวเบื้องหน้า เหมือนอุโมงค์ดำมืด ด้านในอากาศถ่ายเทไม่สะดวก ทำให้คนหายใจลำบาก
ตอนนี้เว่ยชีไม่กล้าสะกิดโห้หลีเฉินอีก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่ประตูลิฟท์ กดปุ่มเปิด ให้ประตูลิฟท์เปิดค้างไว้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เหมือนผ่านไปหลายทศวรรษ
รองเท้าหนังของโห้หลีเฉินถึงได้ขยับ ก้าวเท้าออกจากลิฟท์
แต่ละก้าวเขาเดินช้ามาก เหมือนทุกย่างก้าวมีถ่านร้อนรองอยู่ ทำให้มันแผดเผาเท้าแทบทนไม่ไหว
จนเขาเดินมาถึงหน้าห้องเย้นหว่าน
เห็นประตูห้องที่ปิดสนิท โห้หลีเฉินยกมือขึ้นจะเคาะประตู มืออยู่ห่างจากประตูไม่กี่ซม. แต่มันกลับไม่ยอมเคาะลงไป
เขาสายตาดำมืดจนน่ากลัว ความสับสนวุ่นวายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาไม่อยากรู้เลยว่า ถ้าประตูเปิดออกแล้วเขาจะเจออะไร
โห้หลีเฉินไม่รู้ว่ายืนอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหนแล้ว นานจนเว่ยชีขาเริ่มเหน็บชา เขาคิดว่าโห้หลีเฉินกลายเป็นหินไปแล้ว
แต่กว่าจะหาเย้นหว่านเจอมันไม่ง่ายเลย บอสคงไม่คิดจะยืนหน้าห้องทั้งคืนหรอกมั้ง?
หลังจากลังเลอยู่นาน เว่ยชีเอ่ยเตือน: “บอส ให้ผมเคาะประตูไหมครับ?”
ถึงไม่รู้แน่ชัดว่าระหว่างโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำให้เย้นหว่านแยกออกมาอยู่คนเดียว แต่จากเมื่อกี้จนถึงตอนนี้ ดูจากปฏิกิริยาของโห้หลีเฉินแล้ว เขาก็เดาเรื่องได้ไม่ยากว่า ตอนนี้โห้หลีเฉินหวาดหวั่นที่จะเจอเย้นหว่านแค่ไหน
แถมถ้าฉูรั่วไป๋ทำอะไรกับเย้นหว่านในห้องจริงๆ คนที่ไม่อยากเห็นภาพนั้นที่สุดก็คือบอสเอง
ดังนั้นเขาเคาะประตูเองน่าจะดีกว่า
เว่ยชีเขยิบเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เตรียมตัวจะเคาะประตู
แต่คิ้วของโห้หลีเฉินยังคงขมวดไม่หยุด
เขารู้สึกว่า จะเขาหรือเว่ยชีเคาะก็ไม่ต่างกัน เย้นหว่านต้องรู้อยู่ดีว่าเขามาแล้ว
ไม่ว่าด้านในจะเป็นยังไง เขายังคงต้องเผชิญกับมันอยู่ดี
คนอย่างเขาโห้หลีเฉินไม่เคยหนีปัญหา
โห้หลีเฉินเม้มปาก ดึงมือกลับพลางว่า: “เรียกพนักงานเสิร์ฟส่งอาหารว่างขึ้นมา”
“อะไรนะครับ?”
เว่ยชีทำหน้าอึ้ง นึกว่าตัวเองหูฝาดไป
เมื่อกี้บอสไม่ใช่ให้เขาเคาะประตูหรือไง?
โห้หลีเฉินโดนลูกน้องตัวเองจ้องจนเริ่มไม่สบอารมณ์ พูดน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ไม่เข้าใจ?”
เว่ยชีสะดุ้ง รีบตอบรับคำ “ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
เขาพูดพลางโทรสั่งการ
ในใจยังไม่หายตกใจ ความคิดบอสตอนนี้เริ่มคาดเดาได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ช่วยอย่างเขาโง่เกินไป ตามกระแสไม่ทันหรอไง?
หรือผู้ชายที่ตกอยู่ในห้วงความรักมักจะคาดเดาได้ยากแบบนี้ เขาควรจะคบแฟนสักคนดูดีไหม?
ไม่นาน พนักงานโรงแรมก็เข็นอาหารว่างขึ้นมา
โห้หลีเฉินยืนพิงกำแพงฝั่งทางเดิน เหล่มอง เว่ยชีรีบเข้าไปเบรกพนักงานไว้
ถึงที่นี่จะเป็นเมืองเจียง แต่ชื่อเสียงโห้หลีเฉินโด่งดังมาก พนักงานเองก็รู้จักเขา
พอเห็นเขา พนักงานตกใจ พูดอย่างมีมารยาทว่า:
“คุณโห้ มีอะไรให้ผมรับใช้หรอครับ?”