สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 231 ใครเป็นส่งอาหารเช้ามาให้กันแน่
บทที่ 231 ใครเป็นส่งอาหารเช้ามาให้กันแน่
บนรถ
ฉูรั่วไป๋เหลือบไปมองเย้นหว่าน ก่อนจะถามขึ้นมาว่า
“ตอนนี้ยังเหลือเวลาอยู่บ้างก่อนจะเริ่มงาน ไปกินข้าวเช้าก่อนก็ได้ เธอชอบกินอะไรล่ะ เดี๋ยวฉันพาเธอไปกิน”
เมื่อได้ยินคำนี้ เย้นหว่านก็หันไปมองฉูรั่วไป๋ด้วยความประหลาดใจ
“ทางโรงแรมฟีโร่ส่งอาหารเช้ามาให้ฉันแล้ว คุณไม่รู้เหรอ”
ตั้งแต่เมื่อคืนวาน เย้นหว่านก็พอจะมองออกอยู่แล้ว ว่าฉูรั่วไป๋กับทางโรงแรมฟีโร่ต้องมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันในแบบที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่ ดูท่าว่าก็คงไปพักที่นั่นอยู่บ่อยๆเหมือนกัน ถ้าพูดกันตามเหตุผลก็คงไม่มีทางไม่รู้เรื่องอาหารเช้าแน่
ฉูรั่วไป๋เองก็ยังแสดงท่าทางแปลกใจเล็กน้อย “อาหารเช้าส่งไปถึงที่ห้องเธอเลยเหรอ”
“อืม เห็นบอกว่าเป็นบริการสำหรับห้องพักแบบเพรสซิเดนเชียลสวีท”
ฉูรั่วไป๋ถามต่ออีกว่า “ส่งไปให้ โดยที่เธอไม่ได้สั่งอาหารเลยเหรอ”
“ไม่ได้สั่งนะ”
ทันใดนั้นฉูรั่วไป๋ก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม เดิมทีเขาก็เป็นพวกชอบพเนจรอยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องเข้าออกโรงแรมฟีโร่อยู่บ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่มีความสัมพันธ์กับคนภายใน แต่เป็นลูกค้าประจำของที่นั่นด้วย
แน่นอนว่าจะต้องรู้หลักเกณฑ์และวิธีการของที่นั่นอย่างละเอียดอยู่แล้ว
อย่างน้อยในตอนที่เขาไปพักมาก่อนหน้านี้ ก็ไม่เคยมีบริการส่งอาหารเช้าถึงห้องให้กับห้องพักแบบเพรสซิเดนเชียลสวีทมาก่อนเลย
เพราะทางโรงแรมฟีโร่มีห้องอาหารพิเศษสำหรับทานอาหารบุฟเฟ่ต์อยู่แล้ว เทียบเท่ากับโรงแรมขนาดใหญ่ได้เลย ปกติแล้วลูกค้าก็จะไปทานอาหารกันที่นั่น และต้องไปสั่งอาหารที่นั่นด้วย
ถ้าจะส่งมาถึงห้องพัก เว้นแต่จะจงใจไปสั่งไว้ เรื่องบริการเองถึงที่แบบนี้เขาเองก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
“คุณฉู มีตรงไหนไม่ถูกต้องหรือเปล่าคะ”
เย้นหว่านหันไปด้านข้างเพื่อมองฉูรั่วไป๋ตรงๆ ความสงสัยที่อยู่ในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก เกือบจะคับแน่นเต็มอกอยู่แล้ว
ตอนที่อยู่ในโรงแรมเธอก็รู้สึกว่าอาหารทุกอย่างรสชาติถูกปากเธอมาก เธอก็เริ่มรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลกอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้พอเห็นการตอบสนองของฉูรั่วไป๋ ก็เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้ว่ามีบริการอาหารเช้าถึงที่ข้อนี้เลย
ถ้าอย่างนั้นแล้วอาหารสองมื้อนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ฉูรั่วไป๋สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะพูดว่า
“อาจจะเป็นบริการใหม่ก็ได้ ครั้งหน้าถ้าฉันไปที่นั่นอีก เห็นทีจะต้องลองไปสัมผัสประสบการณ์นั้นดูบ้างแล้ว”
“ใช่เหรอ?”
เสียงของเย้นหว่านเบามาก แทบจะเหมือนกำลังพูดกับตัวเอง
อาจจะเป็นบริการใหม่ แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่กันนะ แต่ก็บอกไม่ได้
“ใช่ ถ้าเธอรู้สึกไม่วางใจ เดี๋ยวฉันลองโทรไปถามดูก็ได้”
ฉูรั่วไป๋ยิ้มแล้วพูดเสริมขึ้นมาอีกคำหนึ่ง สีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว เหมือนว่ากำลังพูดเรื่องที่แสนธรรมดาเรื่องหนึ่งอยู่เท่านั้น
แต่ก็มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ ว่าในใจเขาตอนนี้มันปั่นป่วนขนาดไหน ราวกับคลื่นลมในทะเลที่สุดแสนจะผันผวน
ห้องพักแบบเพรสซิเดนเชียลสวีทจะต้องไม่เพิ่มบริการส่งอาหารถึงที่กะทันหันแบบนี้แน่ และถึงจะมี ก็คงต้องถามความต้องการลูกค้าก่อนว่าต้องการอาหารแบบไหน ถึงจะทำแล้วส่งไปให้
แต่จากที่ฟังจากคำพูดของเย้นหว่าน คือไม่ได้มีการสอบถามอะไรก่อนเลย และส่งไปถึงที่ทั้งอย่างนั้น
นี่ไม่ใช่สิ่งที่โรงแรมฟีโร่จะทำเป็นแน่
ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง ก็คือมีคนอื่นสั่งไว้
และคนอื่นที่ว่า หากไม่ได้มีอะไรผิดพลาด ก็คงเป็นโห้หลีเฉิน
เมื่อคืนเย้นหว่านหนีออกมาเอง คิดว่าโห้หลีเฉินคงส่งคนออกมาตามหาแล้ว ในเมื่อเขารู้แล้วว่าเย้นหว่านพักอยู่ที่โรงแรมฟีโร่ ทำไมถึงสั่งอาหารให้เธอเป็นการส่วนตัว แต่กลับไม่บอกเย้นหว่าน ?
ถ้านั้นก็อาจจะเป็นไปได้ว่า โห้หลีเฉินที่จริงแล้วนายไปอยู่ที่โรงแรมฟีโร่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วใช่ไหม
เมืองเจียงไม่ใช่พื้นที่ของโห้หลีเฉิน ถึงแม้ว่าเขาจะมีเงินและมีอำนาจ แต่ถ้าหากจะตามหาคนๆหนึ่งในพื้นที่ๆไม่คุ้นเคย ก็ต้องใช้กำลังกายและกำลังทรัพย์จำนวนมากเป็นแน่ แต่ดูเหมือนว่าเขาจำยอมทำทุกอย่างเพื่อเย้นหว่านไปหมดแล้ว
และแม้ว่าจะทำไปมากมายขนาดนี้ แต่โห้หลีเฉินกลับไม่บอกอะไรเย้นหว่านเลย
ใจของฉูรั่วไป๋กำลังกระสับกระส่าย ตอนนี้ไม่เพียงแค่เริ่มสงสัย ว่าความรู้สึกที่โห้หลีเฉินมีต่อเย้นหว่านนั้น ดูเหมือนจะไม่ปกติ ดูเหมือนว่าจะจริงจัง
ส่วนเย้นหว่าน……
ฉูรั่วไป๋มองหญิงสาวที่อยู่ข้างตัวเงียบๆ เธอกำลังหันไปด้านข้างและมองไปนอกหน้าต่าง คิ้วขมวดเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องวุ่นวายใจอยู่มากมาย
แต่ถึงแม้ใบหน้านั้นจะกำลังแสดงสีหน้ากังวลใจ แต่กลับทำให้ฉูรั่วไป๋มองแล้วรู้สึกเจริญตา ทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก
เขาแทบอยากจะยืนมือไปลูบหว่างคิ้วของเธอเพื่อคลายความกังวลให้
จู่ๆความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในใจ เหมือนมีคนเอาค้อนมาทุบหัวใจ การสั่นสะเทือนแปลก ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนแพร่กระจายไปทั่วร่างกายทันที
ความรู้สึกนี้มันแปลกและไม่คุ้นเคย แต่กลับรู้สึกดีอย่างน่าประหลาดใจ
เขากะพริบตา มองเย้นหว่านตรงๆ สัญชาตญาณนักล่าที่อยู่ภายในค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าเขาจะชอบผู้หญิงคนนี้เข้าจริงๆเสียแล้ว
อยากจะทำให้เธอกลายเป็นของตัวเอง
ดังนั้นเมื่อกี้เขาก็เลยโกหกเธอออกไป และเก็บซ่อนความจริงเอาไว้
ใจของเขาไม่ต้องการให้เธอรับรู้เรื่องที่โห้หลีเฉินทำเพื่อเธอ ไม่อยากให้เธอใจอ่อน ถ้าเธอกับโห้หลีเฉินต้องห่างไกลกันเพราะเหตุการณ์นี้เลยยิ่งดี
และเขา เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะปรากฏตัวอยู่ข้างๆเย้นหว่าน ไม่ใช่ในฐานะเพื่อน แต่เป็นฐานะผู้ชายคนหนึ่ง
มันเป็นความคาดหวังที่ฉูรั่วไป๋ไม่เคยมีมาก่อน ราวกับหนุ่มแรกรุ่นที่กำลังเจอรักแรก
“ตี๊ด…. ตี๊ด…. ตี๊ด…….”
สีแตรอันแสบแก้วหูดังขึ้นกะทันหัน
ฉูรั่วไป๋ได้สติกลับมาทันที เห็นเพียงไฟแดงด้านหน้าตอนนี้เปลี่ยนเป็นไฟเขียวไปแล้ว และด้านหลังของรถเขา ก็มีรถติดยาวกันเป็นแถว
ต่างก็บีบแตรไล่กันอย่างเร่งรีบ
เย้นหว่านมองฉูรั่วไป๋ด้วยความสงสัย “เป็นอะไรไปเหรอ” ถึงขั้นเสียสมาธิขณะขับรถได้ จู่ๆเธอก็กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของชีวิตเธอขึ้นมาทันที
“ไม่มีอะไร”
ฉูรั่วไป๋รู้สึกอายนิดหน่อย เลยรีบสตาร์ทรถใหม่ และขับออกไปทันที
แต่ในใจเขากลับกระสับกระส่ายขึ้นอีกครั้ง ที่ผ่านมาเขาเป็นคนที่คอยคุมเกมในสนามรักมาตลอด และเคยอ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วนแล้ว แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่เสียการควบคุมไปเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวแบบนี้
เย้นหว่านเป็นคนที่สวรรค์ส่งมาเพื่อลงโทษเขาอย่างนั้นหรือ
ถ้าหากเป็นเธอ ถึงแม้จะเป็นการลงโทษ ดูเหมือนเขาก็พร้อมจะเต็มใจยอมรับมัน
ฉูรั่วไป๋เม้มปาก มุมปากยกขึ้นเป็นมุมที่แสดงถึงความพึงพอใจ รสชาติของการชอบใครสักคน ดูเหมือนว่าจะไม่เลวเลย
เย้นหว่านหันไปมองแล้วเห็นว่าฉูรั่วไป๋กำลังยิ้มอยู่ รอยยิ้มที่มุมปากช่างสดใส ทำให้ใบหน้าลูกครึ่งที่เดิมทีก็หล่อเหลาเอาการอยู่แล้วของเขายิ่งดูดีมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
และรอยยิ้มของเขา ก็เหมือนวัยยิ้มของวัยแรกรุ่น
คนๆนี้เมื่อคืนไปเที่ยวหาสาวสวยคนไหนมาอีกแล้วหรือเปล่านะ ถึงขั้นที่เช้าแล้วยังหวนนึกถึงได้ขนาดนี้
เย้นหว่านเบ้ปาก ฉูรั่วไป๋คนนี้ดีไปหมดทุกอย่าง จะติดก็ตรงเรื่องชู้สาว ที่ไร้ทางเยียวยาแล้วจริงๆ
เมื่อถึงโรงแรม
เย้นหว่านมองดูโรงแรมที่พักมาหลายวันจนเริ่มจะรู้สึกคุ้นเคยนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เลยเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ถ้าเธอเข้าไปข้างในจะเจอกับโห้หลีเฉินไหมนะ
เมื่อคืนเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เธอด่าเขาไป และหนีออกมาทั้งอย่างนั้น ถ้าทั้งสองคนต้องมาเจอหน้ากัน จะต้องเผชิญหน้ากันยังไงดีล่ะ
จะให้ทักทายกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ
หรือจะแสร้งทำหน้าบึ้งตึงแล้วเดินผ่านไปเหมือนไม่รู้จักกันดี
เหมือนว่าจะดูความคิดของเย้นหว่านออก ฉูรั่วไป๋ก็เลยเดินไปข้างหน้า แล้วใช้มือตบบ่าของเย้นหว่าน
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก คงจะไม่ได้เจอกันสักพักแหละ”
เขาพูดอย่างมั่นใจ ทำให้เย้นหว่านหลงเชื่ออย่างไม่รู้ตัว
ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกสงสัย “ทำไมคุณถึงรู้ล่ะ”
ฉูรั่วไป๋กะพริบตาเบาๆ จากนั้นบนใบหน้าก็มีรอยยิ้มบาง “สัมผัสที่หกของผู้ชายน่ะ”
เย้นหว่าน “……” ที่แท้ก็แกล้งอำเธอเล่น แล้วเธอก็ดันเชื่อจริงๆ
แต่ว่าพอได้ล้อเล่นกันแบบนี้ ในใจของเย้นหว่านก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอยู่บ้าง เลยเริ่มเดินเข้าไปข้างในโรงแรมอีกครั้ง