สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 232 จบกัน ชนเข้าอย่างจัง
บทที่ 232 จบกัน ชนเข้าอย่างจัง
เนื่องจากได้รับโทรศัพท์จากโห้หลีเฉิน หวางกวนจิ้งเองก็เป็นคนที่รู้จักหาวิธีเอาตัวรอด ก็เลยยืนรอเย้นหว่านอยู่หน้าห้องประชุมตั้งแต่เช้าแล้ว
ไม่ง่ายเลยจนได้เห็นเย้นหว่านเดินมา เธอถึงได้โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง แต่กลับเห็นว่าเย้นหว่านเดินมากับฉูรั่วไป๋อย่างคาดไม่ถึง
พวกเขาเดินเคียงไหล่กันมา พูดคุยและหัวเราะกัน ดูแล้วหนุ่มก็หล่อสาวก็สวย ช่างเข้าขากันมาก
แต่หวางกวนจิ้งกลับตระหนักได้ทันทีว่านี่มันไม่ใช่เรื่องดีเสียแล้ว
จากสายที่โทรเข้ามาเมื่อเช้า แน่นอนว่ามันต้องหมายความว่าระหว่างคุณโห้กับเย้นหว่านจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ และตอนนี้ความเข้าขากันระหว่างเย้นหว่านกับฉูรั่วไป๋ กลับยิ่งดูเหมือนว่าพวกเขาต่างหากที่เป็นคู่รักกัน
แต่เย้นหว่านเป็นคู่หมั้นของคุณโห้นะ!
ถ้าเกิดว่าเย้นหว่านเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นเข้าล่ะก็ แทบไม่กล้าจะคิดเลย……
หวางกวนจิ้งรู้สึกหวั่นกลัวขึ้นมาเล็กน้อย มองดูเย้นหว่านที่กำลังเดินเข้ามา เพียงแค่พริบตา ก็เดินเข้าไปลากเย้นหว่านไว้ทันที
“เย้นหว่าน ในที่สุดเธอก็มาสักที ฉันรอเธออยู่ตั้งนาน รีบมากับฉันเร็ว”
“พี่หวาง เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
เย้นหว่านรู้สึกงงงวย ที่ถูกลากให้เดินเข้าไปทั้งแบบนั้น
ฉูรั่วไป๋หยุดไปสองก้าว เมื่อเห็นว่าเย้นหว่านกำลังทิ้งระยะห่างจากตัวเองไปเรื่อยๆ
เขาก็รีบเดินตามเข้าไป
การประชุมจัดขึ้นที่ข้างโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวยาว ตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนต่างก็เลือกที่นั่งกันตามสบาย
หวางกวนจิ้งดึงตัวเย้นหว่านไป ให้นั่งลงที่ข้างๆตัวเอง
เย้นหว่านสงสัย “พี่หวาง มีเรื่องด่วนอะไรเหรอคะ”
หวางกวนจิ้งที่ถูกถามก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อกี้เธอก็แค่หาข้ออ้างเพื่อแยกตัวเย้นหว่านออกมาจากฉูรั่วไป๋ก็เท่านั้น ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาเดินเข้ามาด้วยกัน ก็คงนั่งด้วยกันพอดีแน่ๆ
ตอนนี้ความสัมพันธ์กับทางท่านประธานกำลังอยู่ในช่วยคับขันขนาดนั้น ถ้าเกิดท่านประธานมาเห็นเข้าจะต้องเกิดเรื่องแน่ๆ
ความคิดของหวางกวนจิ้งหมุนไปอย่างรวดเร็ว และหยิบยกเหตุผลลวกๆมาอันหนึ่ง
“เมื่อเช้าฉันพบเจอปัญหานี้เข้า เลยอยากหารือกับเธอหน่อย”
ขณะที่พูด หวางกวนจิ้งก็หยิบแฟ้มเอกสารออกมา เปิดไปหน้าหนึ่งแล้วหาหัวข้อสนทนาเพื่อคุยกับเย้นหว่าน
เย้นหว่านเป็นคนจริงจังกับงาน ก็เลยปฏิบัติตัวอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าปัญหานี้ดูแล้วคงไม่น่าจะยากเกินความสามารถหวางกวนจิ้ง
อีกอย่าง ปกติแล้วหวางกวนจิ้งก็ไม่เคยมาปรึกษาเธอเวลามีปัญหาอยู่แล้ว แล้วทำไมวันนี้ถึงมาหาเธอได้ล่ะ
ในขณะที่เย้นหว่านกำลังคาดเดาไปต่างๆนาๆนั้น ที่นั่งด้านข้างอีกข้างหนึ่งของเธอก็มีเงาสูงใหญ่ของคนๆหนึ่งนั่งลง
เมื่อหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นฉูรั่วไป๋
บนใบหน้าลูกครึ่งอันหล่อเหลาของฉูรั่วไป๋มีรอยยิ้มทรงเสน่ห์ประดับอยู่ เขาพูดอย่างสบายๆว่า
“เธอยุ่งของเธอไปเถอะ”
เย้นหว่านยิ้มให้เขา แล้วหันกลับไปหารือปัญหากับหวางกวนจิ้งต่อ
กลับกลายเป็นหวางกวนจิ้งที่อยู่ไม่สุขขึ้นมา เธออุตส่าห์จงใจแยกพวกเขาทั้งสองคนออกจากกัน ปกติฉูรั่วไป๋ก็พูดว่าจะนั่งกับคนของเขาไม่ใช่หรือ แล้วทำไมวันนี้ถึงอ้อมมานั่งข้างเย้นหว่านล่ะ
นี่ถ้าเกิดท่านประธานรู้เข้า ก็มีแต่จะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่น่ะสิ
หวางกวนจิ้งรู้สึกปวดขมับขึ้นมา
“พี่หวาง พี่หวาง”
เย้นหว่านเห็นว่าหวางกวนจิ้งใจลอย ก็เลยเรียกออกไปสองสามครั้ง
หวางกวนจิ้งเลยได้สติกลับมา แล้วบีบนวดขมับอย่างเขินอาย “เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ก็เลยไม่ค่อยมีสติน่ะ”
“ถ้างั้นพี่ก็ลองพักผ่อนสักแป๊บดีไหมคะ งีบสักสองนาทีก็ยังดี”
เย้นหว่านวางเอกสารในมือที่กำลังหารือกันลง
ความคิดของหวางกวนจิ้งหมุนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็คิดได้ว่า “เอาแบบนี้ดีกว่า เย้นหว่าน เธอช่วยดูเอกสารนี้ให้ดีๆ แล้วอีกเดี๋ยวเธอไปช่วยฉันพูดนะ”
“ฉันเหรอคะ ?”
เย้นหว่านตกตะลึงเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นนักออกแบบหน้าใหม่ แต่หวางกวนจิ้งต่างหากที่เป็นผู้อาวุโสที่แท้จริง และมีคุณสมบัติพอที่จะออกไปพูด
แล้วเธอเป็นใครมาจากไหนกัน
“ฉันรู้สึกเหนื่อยมากจริงๆนะ เสี่ยวหว่าน เมื่อกี้เธอก็ได้ดูเอกสารนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ ก็คงคุ้นเคยแล้ว ให้เธอเป็นคนไปพูดฉันถึงจะวางใจ”
สีหน้าหวางกวนจิ้งดูเคร่งขรึมจริงจังมาก
เห็นท่าทางอ้อนวอนของหวางกวนจิ้งแล้ว แม้ว่าเย้นหว่านจะไม่มีความมั่นใจ แต่ก็กลับพูดคำปฏิเสธไม่ออกอีกเลย
“ก็ได้ค่ะ”
เย้นหว่านฝืนพยักหน้ารับปาก
เธอพึ่งจะพูดจบ หวางกวนจิ้งก็ดูเหมือนจะฟื้นตัวขึ้นมาทันที จากนั้นก็ดึงเย้นหว่านให้ลุกขึ้น แล้วลากไปนั่งที่สุดขอบของโต๊ะตัวยาว ที่ตำแหน่งของหัวหน้าธีม
หวางกวนจิ้งกดให้เย้นหว่านนั่งลง และออกคำสั่งอย่างจริงจัง “เธอนั่งที่นี่แหละ อีกเดี๋ยวจะได้พูดสะดวก”
“แบบนี้ไม่ค่อยดีมั้งคะ”
ปกติตอนที่หวางกวนจิ้งพูดก็ไม่ได้จงใจมานั่งที่ตรงนี้ แล้วจู่ๆเธอก็มานั่งตรงนี้ จะทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นรู้สึกว่าเธอทำตัวลำพองเกินไปหรือเปล่า
ขณะที่พูดเย้นหว่านก็คิดอยากจะลุกขึ้นมา แต่กลับถูกหวางกวนจิ้งกดไว้ให้อยู่กับที่
แล้วเหตุผลของเธอก็ดูหนักแน่นมาก “เธอเป็นตัวแทนที่มาพูดแทนฉัน จะให้ถูกเพื่อนร่วมงานคนอื่นดูแคลนไม่ได้เด็ดขาด นั่งตรงนี้แหละ จะได้ทำให้พวกเขารู้สึกเคารพนับถือขึ้นมาบ้าง”
“แต่…..”
รู้สึกว่าเรื่องราวมันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่เย้นหว่านกลับไม่รู้ว่าจะแย้งกลับยังไง
ฉูรั่วไป๋มองดูที่นั่งข้างตัวเองที่ว่างเปล่า แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปทางเย้นหว่านที่นั่งห่างออกไปหลายก้าว คิ้วก็เลิกขึ้นเล็กน้อย แล้วกวาดตามองไปที่หวางกวนจิ้งอย่างครุ่นคิด
นี่จงใจกันเขาให้ออกห่างหรือ?
ช่างเป็นพนักงานดีเด่นของโห้หลีเฉินจริงๆ
แต่คิดว่าแค่นี้จะสามารถแยกความสัมพันธ์ระหว่างเย้นหว่านกับเขาได้อย่างนั้นหรือ ? อ่อนหัด
ฉูรั่วไป๋ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่งดงาม และกลยุทธ์พร้อมบุกก็เต็มที่
เขาลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปที่ข้างเย้นหว่าน ก้มหน้าลงมองไปที่เอกสารในมือเธอ ก่อนจะเอ่ยปากอย่างอ่อนโยนว่า
“พอดีว่าหัวข้อนี้เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันก็เพิ่งทำการวิเคราะห์ระบบไป เธอดูควบคู่กับของฉันไป จะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นนะ”
ขณะพูด ฉูรั่วไป๋ก็นั่งลงข้างๆเย้นหว่าน แล้วเปิดแท็บเล็ตของตัวเองขึ้นมา วางไว้ตรงกลางระหว่างเขากับเย้นหว่าน
“จริงเหรอ คุณฉู ถ้างั้นก็ต้องขอบคุณคุณจริงๆนะ”
เย้นหว่านกำลังกังวลอยู่เลยว่าเวลาสั้นขนาดนี้ คงไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาหลักของหัวข้อนี้ได้ การวิเคราะห์ของฉูรั่วไป๋สำหรับเธอแล้วช่างเป็นเหมือนกองเพลิงท่ามกลางหิมะอันหนาวเย็นจริงๆ
เธอพลิกดูแท็บเล็ตทันทีอย่างกระตือรือร้น ควบคู่ไปกับเอกสาร ความเร็วในการทำความเข้าใจเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
เห็นได้ชัดว่าฉูรั่วไป๋คุ้นเคยกับหัวข้อนี้เป็นอย่างดี และยังช่วยอธิบายให้เย้นหว่านฟังเป็นครั้งคราวอีกด้วย เลยช่วยเธอได้เป็นอย่างมาก
อีกด้าน หวางกวนจิ้งกลับยิ้มไม่ออกเลยสักนิด หน้าฉันแทบยับยู่ยี่เป็นมะระอยู่แล้ว
เธอลงทุนลงแรงเพื่อจะแยกเย้นหว่านกับฉูรั่วไป๋ออกจากกัน แล้วทำไม่ฉูรั่วไป๋คนนี้ กลับทำตัวอย่างกับกาว ยิ่งเขี่ยยิ่งเกาะติดแน่นแบบนี้ล่ะ
ตอนนี้พวกเขานั่งดูข้อมูลเคียงข้างกันแบบนี้ ดูเหมือนหัวแทบจะติดกันอยู่แล้ว นี่มันจะดูสนิทสนมกันเกินไปแล้ว ถ้าเกิดท่านประธานมาเห็นเข้าล่ะก็…….
“กึก”
รองเท้าหนังกระทบกับพื้น เกิดเป็นเสียงที่ไพเราะเสนาะหู
เห็นเพียงหน้าประตูห้องประชุม มีเงาของคนที่สูงราวร้อยเก้าสิบเซนติเมตรหยุดอยู่ เสื้อโค้ตสีดำทำให้รูปร่างของเขาดูสูงเพรียวขึ้นเป็นพิเศษ ท่วงท่างามสง่า และบนเสื้อเสื้อโค้ตก็มีคราบฝุ่นที่ติดมาระหว่างทาง และกลายเป็นเกล็ดน้ำค้างแข็งก้อนเล็กๆ
มีความหนาวเย็นแผ่กระจายออกมาจากรอบตัวเขา ทำให้อุณหภูมิของทั้งห้องประชุมติดลบไปในชั่วพริบตา
เมื่อเห็นผู้มาเยือนได้อย่างชัดเจนแล้ว ร่างกายของหวางกวนจิ้งก็แข็งทื่อไปทันที หยดเหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาจากหน้าผากของเธอช้าๆ
เธอพยายามที่จะแยกเย้นหว่านกับฉูรั่วไป๋ออกจากกันอย่างเต็มที่แล้ว แต่ กลับคิดไม่ถึงว่าโห้หลีเฉินจะมาถึงเร็วขนาดนี้ และยังเห็นเข้าพอดี……..
ขณะนี้ในใจของเธอมีแค่คำสองคำที่กำลังวนเวียนอยู่ในนั้น
จบกัน