สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 24 ไฟไหม้ลุกลาม
บทที่ 24 ไฟไหม้ลุกลาม
กลิ่นเหล้าอ่อนๆของคนเมา พัดโชยเข้ามา
เขายิ่งเข้ามาใกล้ เย้นหว่านยิ่งรู้สึกกลัวจนตัวเกร็ง ใบหน้าของหล่อนแดงก่ำขึ้นมาทันที
“คุณโห้คุณเมาแล้ว”
“คุณรู้ว่าผมไม่ได้เมา จำคำพูดของผมไว้”
เสียงอันแหบแห้งของเขา พูดออกมาด้วยความตั้งใจทุกคำ
ใจของเย้นหว่านสั่นจนเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่กล้าคาดเดาความหมายของคำพูดของเขา
ยังไงเขาก็คือโห้หลีเฉิน เจอกันครั้งแรกก็นัดกันเป็นคู่หมั้นที่ไม่ได้แต่งงานด้วย อีกทั้งยังรู้เรื่องเลวร้ายในคืนนั้นของหล่อนอีกด้วย
เมื่อเห็นใบหน้าที่ทั้งเกร็งทั้งกลัวของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินจึงไม่บีบบังคับหล่อนต่อ จูงมือหล่อนเดินตรงไปที่ประตู
เย้นหว่านตกใจตะลึง รีบเก็บมือกลับทันที
“ดึกมากแล้ว ฉันต้องกลับแล้วค่ะ”
ดึกดื่นแบบนี้ หญิงชายอยู่ด้วยกันสองต่อสองลำพัง หล่อนไม่กล้าพักที่บ้านเขาแน่นอน
หล่อนกลับหลังหันเดินออกไป แต่กลับเห็นว่าข้างนอกฝนกำลังตกอยู่ และดูเหมือนว่าจะยิ่งตกหนักขึ้นเรื่อยๆ
ในหมู่บ้านนี้ไม่มีทางหารถได้แน่นอน ถึงแม้ว่าจะเรียกรถก็ต้องเดินไปที่ประตูด้านนอกของหมู่บ้าน และจะต้องเดินไปไกลพอสมควร
หล่อนลังเลอยู่สักพัก มองไปที่โห้หลีเฉินด้วยความเกรงใจ
“คุณโห้หลีเฉินคะ ฉันขอยืมร่มได้ไหมคะ?”
โห้หลีเฉินยืนนิ่ง น้ำเสียงหนักแน่น “นอนที่นี่”
ว่าไงนะ?
เย้นหว่านตกใจอึ้ง รีบปฏิเสธทันที
“ไม่ได้ค่ะ แบบนี้จะดูไม่ดีนะคะ”
“เธอเป็นคู่หมั้นของฉัน จะดูไม่ดียังไง?”
โห้หลีเฉินพูดอย่างมีเหตุผล “อีกอย่าง ฝนตกหนักขนาดนี้ ปล่อยให้เธอกลับไปคนเดียว คนอื่นเห็นเข้าเขาจะว่ายังไง?”
“แต่ว่า….”
เย้นหว่านรู้สึกลังเลเมื่อได้ฟังเหตุผลของเขา แต่ยังไงหล่อนไม่ได้เตรียมใจจะมาค้างที่บ้านของโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินจ้องมองหล่อน “กลัวฉันจับเธอกินงั้นรึ?”
เย้นหว่านพูดอย่างอึดอัดใจ “เปล่า…”
“งั้นก็เข้ามาสิ”
โห้หลีเฉินตัดสินใจแทนหล่อนทันที จากนั้นหันหลังเดินเข้าประตูไป
เย้นหว่านยืนเก้ๆกังๆทำอะไรไม่ถูก หล่อนรู้สึกกังวลใจ ไม่มีทางที่จะหาทางกลับไปได้แล้ว
ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หล่อนจึงเดินตามเขาเข้าไป
เมื่อเห็นหล่อนเดินเข้ามา โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากสนิท
เขาเดินขึ้นไปบนชั้นสอง “ตามฉันมา”
“โอเคค่ะ”
เย้นหว่านเดินตามเขาขึ้นไปด้านบน ห้องที่โห้หลีเฉินกำลังเดินนำไป เป็นห้องที่หล่อนพักในคืนที่หล่อนป่วย
บรรยากาศที่คุ้นเคย ทำให้หล่อนรู้สึกสบายใจขึ้น
โห้หลีเฉินนำเสื้อเชิ้ตสีขาวไว้ในมือ ยื่นให้หล่อน
“บ้านฉันไม่มีเสื้อผู้หญิงเลย เธออาบน้ำเสร็จใส่ชุดนี้ก่อนแล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ”
เย้นหว่านยื่นมือออกไปรับ จากนั้นลูบจับเนื้อผ้าของเสื้อ หน้าแดงขึ้นมาทันที
นี่เป็นเสื้อของเขา ไม่รู้ว่าเคยใส่แล้วหรือยัง…
“เอ่อ งั้น ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ คุณก็รีบพักผ่อนนะคะ”
เย้นหว่านรีบพูดแก้เขิน พร้อมกอดเสื้อในมือไว้ด้วยความเขินอาย จากนั้นหันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำ
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง
เย้นหว่านอาบน้ำเสร็จ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้วยความเคอะเขินออกมาจากห้องน้ำ
หล่อนคิดว่าในห้องนี้ต้องไม่มีใครแน่นอน แต่กลับตกใจตะลึงเมื่อเห็นผู้ชายนั่งอยู่บนเก้าอี้
เขายังไม่ไปอีกเหรอ?
โห้หลีเฉินได้ยินเสียง จึงหันมามองที่เย้นหว่าน สายตาจดจ้องอยู่ที่หล่อน
หล่อนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ใบหน้าแดงก่ำจากน้ำร้อน เห็นแล้วรู้สึกเหมือนไข่แดงที่เพิ่งต้มสุก ดูนุ่มนิ่มจนแทบอยากจะเข้าไปกัด
เสื้อเชิ้ตตัวนั้นของเขายาวคลุมเข่าของหล่อนพอดี โชว์ขาเรียวขาวทั้งสองข้างของหล่อน ทำให้หล่อนดูตัวเล็กน่ารัก น่าทะนุถนอม
เมื่อเห็นสายตาที่ โห้หลีเฉินมองตรงมาอย่างไม่ชอบมาพากล เย้นหว่านหน้าแดงขึ้นมาทันที
หลายคนบอกว่าถ้าผู้หญิงใส่เสื้อของผู้ชาย คือสิ่งที่ยั่วยวนผู้ชายมากที่สุด
หล่อนรีบเดินไปที่เตียง หยิบผ้าห่มมาบังไว้
“คุณโห้มีธุระอะไรอีกรึเปล่าคะ?”
“ไม่มีครับ”
โห้หลีเฉินหลบสายตา ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยืนขึ้นด้วยท่าทีนิ่งขรึม
เขาเดินไปเปิดห้องแต่งตัว หยิบชุดนอนออกมาหนึ่งชุด
จากนั้น รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ
เย้นหว่านมองดูท่าทีของเขา ถามขึ้นด้วยความตกใจ “คุณจะอาบน้ำที่นี่เหรอ?”
โห้หลีเฉินยิ้มกรุ้มกริ่ม “ไม่อย่างงั้นล่ะ? นี่เป็นห้องของผม”
“ห้องของคุณ?”
เย้นหว่านตกใจจนกระโดดลงจากเตียง หล่อนคิดว่านี่เป็นห้องนอนแขกเท่านั้น
แต่เมื่อเห็นชุดนอนในมือของโห้หลีเฉิน หล่อนจึงเข้าใจขึ้นมาทันที ห้องแต่งตัวของเขาอยู่ตรงนี้ ห้องนี้ก็ต้องเป็นห้องนอนของเขาแน่นอน
เมื่อย้อนนึกถึงเมื่อครู่ตัวเองอาบน้ำในห้องน้ำส่วนตัวของเขา ทั้งยังนอนบนเตียงของเขา เย้นหว่านรู้สึกเขินอายจนแทบจะมุดตัวเขาไปอยู่ในซอกหลืบ
หล่อนทำอะไรไม่ถูก “ฉัน…ฉันไปนอนห้องนอนแขก”
“ที่นี่ไม่มีห้องนอนแขก”
โห้หลีเฉินเงยหน้ามองเย้นหว่าน พลางพูดต่อ “และมีแค่เตียงเดียว”
เย้นหว่าน “…” บ้านใหญ่ขนาดนี้ มีห้องเยอะแยะมากมายไว้ทำอะไรกัน?
หล่อนครุ่นคิดครู่หนึ่ง พูดขึ้น “งั้นฉันไปนอนที่โซฟาห้องรับแขก”
“บ้านของฉันไม่มีผ้าห่มผืนอื่น คืนนี้ฝนตกหนัก อากาศหนาวมาก นอนบนโซฟาเดี๋ยวเป็นหวัด”
“ไม่เป็นไร ฉันแข็งแรงดี…”
เย้นหว่านยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆโห้หลีเฉินหันหลังเดินตรงมาที่หล่อน
เขามองตรงมาที่หล่อน น้ำเสียงฟังดูไม่ปลอดภัย
“ฉันจะทำอะไรเธอ ถ้าเธอจะไปนอนที่โซฟาก็ทำได้เหมือนกัน”
เย้นหว่านตกใจจนตัวเกร็ง หน้าแดงฉาด
เมื่อเห็นสายตาอันหื่นกระหายของเขามองมา หล่อนไม่กล้าพูดอะไรต่อ เดินถอยหลังกลับไปที่เตียง นอนพิงลงที่มุมเตียง
เตียงกว้างสองเมตรกว่า หล่อนใช้พื้นที่ประมาณหนึ่งในสิบในการนอนเท่านั้น
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วขึ้น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเตียงตัวเองใหญ่เกินไป
นอนเตียงเดียวกับผู้ชาย เย้นหว่านรู้สึกว่าตัวเองต้องกลัวจนนอนไม่หลับแน่นอน แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจของโห้หลีเฉินที่อยู่ใกล้ หล่อนกลับรู้สึกผ่อนคลายจนผล็อยหลับไป
นอนฟังเสียงหายใจของหญิงสาวด้านข้าง ภายใต้ความมืด โห้หลีเฉินที่นอนหลับอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้น
เขาค่อยๆพลิกตัว สายตามองไปที่หญิงสาวที่นอนหันหลังให้เขา
ใกล้แค่เพียงเอื้อมมือ แต่กลับรู้สึกห่างไกลเหลือเกิน
“โครม”
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นนอกหน้าต่าง
เย้นหว่านตกใจจนสั่นไปทั้งตัว จากนั้นพลิกตัวหันหลังมา แต่กลับไปอยู่ในอ้อมอกของเขา
เหมือนหาที่พึ่งพิงจิตใจเจอ หล่อนยื่นมือทั้งสองออกไปโอบกอดเขา จากนั้นนอนหลับต่ออย่างสบายใจ
โห้หลีเฉินเกร็งไปทั้งตัว มองไปที่หญิงสาวในอ้อมอกด้วยความตกตะลึง
ตัวนุ่มลื่นของหล่อนกอดแนบชิดกับเขา เหมือนแมวตัวน้อยที่ซุกอยู่ในอ้อมอก
กลิ่นหอมหวานจากตัวหล่อนยิ่งทำให้เขารู้สึกต้านทานไม่ไหวมากขึ้น ตัวของเขาร้อนผ่าว ราวกับไฟลุกโชนขึ้นมาทันใด
หญิงสาวผู้นี้….