สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 25 ไม่ได้เจตนา แต่คิดจะทำ
บทที่ 25 ไม่ได้เจตนา แต่คิดจะทำ
เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อเย้นหว่านลืมตาขึ้น รู้สึกตกใจทันที
หล่อนมองใบหน้าอันหล่อเหลาที่ใกล้หน้าหล่อนและตัวของทั้งสองที่แนบชิดสนิทด้วยความเหลือเชื่อ
เมื่อคืนหล่อนนอนอยู่ริมเตียงไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆถึงนอนกอดกับโห้หลีเฉินได้ล่ะ?
และดูเหมือนว่าท่าทางกอดของหล่อนเหมือนคนกำลังจับปลา…
หล่อนเขินจนหน้าแดง ฉวยโอกาสตอนที่โห้หลีเฉินยังไม่ตื่น ค่อยๆดึงมือออกมา
แต่ในขณะที่หล่อนกำลังดึงมือออกมา “กริ๊ง กริ๊ง” เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น
เสียงนาฬิกาปลุกของหล่อนดังขึ้น
เย้นหว่านตกใจตัวเกร็ง หันมองไปที่โห้หลีเฉิน ทันใดนั้นเขาลืมตาขึ้นมาพอดี ทั้งสองสบตามองกัน
เขามองมาที่หล่อนด้วยสายตาคลุมเครือแบบคนเพิ่งตื่น เห็นแล้วรู้สึกช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
ใจของเย้นหว่านเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
จากนั้น หล่อนรีบดึงมือของตัวเองกลับ และพลิกตัวลงจากเตียง
เมื่อโห้หลีเฉินเห็นท่าทีกระวนกระวายของหล่อน เขาเม้มปากจนเป็นเส้นโค้ง
“กอดฉันทั้งคืนแล้วจะไปง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ?”
เย้นหว่าน หน้าแดง “ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”
“งั้นก็เจตนา?”
โห้หลีเฉินยกมือขึ้นลูบหัว ท่าทีผ่อนคลาย มองตรงไปที่หล่อนเสมือนบอกเป็นนัยว่าไม่เชื่อ
เย้นหว่านเขินจนทำอะไรไม่ถูก ปกติหล่อนเป็นคนนอนเรียบร้อย แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อคืนถึงหันไปกอดโห้หลีเฉินได้
หล่อนหันหลังกลับไปด้วยท่าทีเคอะเขิน “ฉัน…ฉันไปล้างหน้าก่อนนะ”
เย้นหว่านรีบเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยความร้อนรน สักพักหล่อนเพิ่งนึกถึงปัญหาใหญ่
ไม่มีชุดเปลี่ยน
ชุดเมื่อวานคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า และยังไม่ได้ซัก คงใส่ไปทำงานไม่ได้แน่นอน
หล่อนควรทำยังไงดี?
ขณะที่เย้นหว่านไม่รู้ว่าจะทำยังไง เสียงล้อลากด้านหน้าประตูห้องน้ำดังขึ้น ราวกับกำลังมีคนลากของบางอย่างอยู่
หล่อนจึงแง้มเปิดประตูออกไปด้วยความสงสัย ทันใดนั้นเห็นหญิงสาวสองคนเข็นราวแขวนเสื้อเข้ามาในห้อง
พวกหล่อนโค้งให้โห้หลีเฉินด้วยความนอบน้อม “คุณโห้ชุดพวกนี้เป็นชุดแฟชั่นใหม่ของช่วงนี้ค่ะ ให้พวกฉันแขวนไว้ที่ห้องแต่งตัวเลยไหมคะ?”
โห้หลีเฉินมองไปที่ห้องน้ำ รู้ว่าหล่อนกำลังจะออกมาแล้ว
เขาพูดขึ้น “ไม่ต้อง ออกไปเถอะ”
“รับทราบค่ะ”
หญิงสาวทั้งสองเดินออกไปจากห้องด้วยกริยาท่าทางเรียบร้อย จากนั้นประตูก็ถูกปิดลง
หลังจากที่พวกหล่อนเดินออกไป เย้นหว่านรีบออกมาจากห้องน้ำทันที มองไปที่ราวแขวนเสื้อ จากนั้นมองไปที่โห้หลีเฉินด้วยความหวัง
“คุณโห้ฉันขอยืมใส่หนึ่งชุดได้ไหมคะ? พรุ่งนี้ฉันเอามาคืนให้”
หล่อนเป็นดีไซน์เนอร์ มีไหวพริบเรื่องเสื้อผ้าในท้องตลาดอย่างแน่นอน เมื่อกวาดสายตามองไปหนึ่งรอบ หล่อนรู้ทันทีว่าเสื้อผ้าเหล่านี้เป็นเสื้อแบรนด์เนมรุ่นลิมิเต็ดแน่นอน มูลค่าของแต่ละตัวนั้นสูงมาก
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินนิ่งเรียบ ราวกับกำลังพูดเรื่องธรรมดาทั่วไป
“เสื้อพวกนี้ ผมซื้อให้คุณ”
เย้นหว่านตกใจตะลึง ใจแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอก
ทั้งสองออกมาจากบ้านพร้อมกัน เย้นหว่านเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนั่งข้างโห้หลีเฉินไปที่บริษัท
เมื่อใกล้ถึงบริษัท หล่อนต้องลงจากรถก่อน
“ขอบคุณค่ะ”
เย้นหว่านยืนขอบคุณเขาข้างหน้าต่างรถด้วยความนอบน้อม
เมื่อเห็นท่าทีเกรงใจของหล่อน โห้หลีเฉินหรี่ตามองลง ผู้หญิงคนนี้ยังคงปฏิบัติกับเขาแบบนี้
แต่ไม่เป็นไร ไม่รีบ
เขาพูดด้วยเสียงนิ่งขรึม “เจอกันที่บริษัท”
เย้นหว่านตกตะลึง ครั้งที่แล้ว หลังจากหล่อนลงจากรถ โห้หลีเฉินขับรถออกไปทันที ไม่แม้แต่หันมามองหล่อน
แต่ทว่าตอนนี้ถือว่ามีพัฒนาการที่ดี
เย้นหว่านเดินเข้าบริษัทไปอย่างมีความสุข
แต่ในตอนนั้นเอง ด้านหลังหล่อนที่ห่างออกไปไม่ไกล เสิ่นโป๋เม๋ยถือมือถือยิ้มเยาะด้วยความสะใจ เขาถ่ายภาพเย้นหว่านลงมาจากรถแลมโบกินีและยิ้มพร้อมพูดกับคนในรถไว้ได้หลายภาพ
“เย้นหว่าน แอบมีความสัมพันธ์กับหัวหน้า ฉันจะคอยดูว่าเธอยังจะกล้ามีหน้าอยู่ในบริษัทต่อไปอีกไหม”
เสิ่นโป๋เม๋ยมองดูหล่อนที่ค่อยๆเดินไกลออกไป ยิ้มอย่างร้ายกาจดุดัน
เย้นหว่านเดินไปถึงแผนกออกแบบ เห็นกลุ่มผู้หญิงกำลังล้อมวงดูบางอย่างกันอย่างคึกคัก
มีเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นไม่ขาดสาย
เย้นหว่านเข้าไปถามเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง “พวกเธอกำลังดูอะไรกันอยู่เหรอ? มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
“นี่เธอยังไม่รู้เหรอ บริษัทของพวกเรามีเด็กหนุ่มเข้ามาใหม่ หน้าตาดีมาก ยังหล่อกว่าพวกดาราตามหน้าปกนิตยสารอีกนะ และยังเป็นคนอารมณ์ดีขี้เล่นอีกด้วย”
เพื่อนของหล่อนพูดด้วยความลุ่มหลงคลั่งไคล้ ยังหันไปมองในกลุ่มคนพวกนั้นต่อ
เย้นหว่านรู้สึกสงสัยขึ้นมาเช่นกัน พนักงานใหม่หล่อแค่ไหนกัน ถึงทำให้ทุกคนคลั่งไคล้ได้ขนาดนี้?
หล่อนอยากจะแทรกตัวเข้าไปดู แต่ตอนนั้นเอง ได้ยินเสียงสดใสของผู้ชายดังขึ้นมาจากในกลุ่มคนพวกนั้น
“พี่สาวทุกท่านครับ ถ้าผมมีเวลา พวกเรามาคุยกันต่อนะครับ ตอนนี้ผมขอตัวไปรายงานตัวก่อน”
สาวๆที่ล้อมลงกันอยู่แทบไม่อยากให้เขาออกไป แต่ยังไงก็ต้องแยกวงให้เขาไปอยู่ดี
ผู้ชายคนนั้นที่เดิมทีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ก็ลุกขึ้นยืน เขาสูงราวเมตรแปดสิบ จนดูเฉิดฉายในกลุ่มคนพวกนั้น
หนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์จนทำให้ใครต้องใจสั่น ริมฝีปากทั้งบางและเรียบสวย รอยยิ้มของเขาหวานจนชวนหลงใหล ไม่ว่าใครเห็นเขาครั้งแรก ต้องประทับใจมากแน่นอน
เขาใส่ชุดลำลอง แต่ยังคงความดูดี เสน่ห์ล้นเหลือ
ชายคนนั้นเดินฝ่าฝูงชนออกมา ตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย้นหว่าน
เขามองมาที่หล่อนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส “สวัสดีครับ ผมชื่อมู่จื่ออี้”
เย้นหว่านมองดูเขา รู้สึกคุ้นเคย เหมือนเคยเจอที่ไหน แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
หล่อนจึงตอบกลับไปตามมารยาท “สวัสดีค่ะ มีธุระอะไรรึเปล่าคะ?”
มู่จื่ออี้ยื่นมืออกมาทักทายเย้นหว่าน “ผมเป็นผู้ช่วยใหม่ของคุณครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
เย้นหว่านตกใจอึ้ง คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ช่วยคนใหม่ของตนจะเป็นเขา ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้
ตอนนี้เอง หล่อนรู้สึกได้ถึงสายตาของคนรอบข้างที่มองมาด้วยความอิจฉา
เย้นหว่านรู้สึกกดดันเหลือเกิน
หลังจากทำความรู้จักกับมู่จื่ออี้เสร็จ เย้นหว่านพาเขาเดินมาที่โต๊ะทำงานของตน พร้อมจัดที่นั่งให้เขา
มู่จื่ออี้วางกระเป๋าเป้ลง แต่ยังไม่ทันนั่งลง เขาก็หันไปหยิบช็อกโกแลตหนึ่งกล่องออกมาจากกระเป๋า
เขายื่นให้เย้นหว่าน “ของขวัญแรกพบครับ”
เย้นหว่านมองดูช็อกโกแลตกล่องนั้น รู้สึกมึนงง หล่อนก็เป็นพนักงานที่เพิ่งมาใหม่เช่นกัน ไม่รู้ว่ามีของขวัญแบบนี้ด้วย
มู่จื่ออี้คิดว่าเย้นหว่านเกรงใจไม่กล้ารับ จึงยิ้มและนำช็อกโกแลตใส่ไว้ในมือของหล่อน
“ทุกคนมีเหมือนกันหมดครับ คุณวางใจได้ อร่อยมากนะ”
“ขอบใจจ้ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย้นหว่านจึงจะรับของมาด้วยความสบายใจ
หลังจากนั้น หล่อนก็นั่งลงบนที่นั่งของตัวเอง เริ่มจัดแจงเอกสาร
ขณะเดียวกัน หล่อนหันไปพูดกับมู่จื่ออี้ “นายทำความคุ้นเคยกับแวดล้อมที่นี่ดูก่อนนะ เดี๋ยวฉันทำเอกสารเสร็จแล้วจะเอาให้นายดู อ้อ อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้ว่านายจะมา ช่วยเอาเรซูเม่ของนายมาให้ฉันหนึ่งชุดนะ”
“โอเคครับ ผมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว”
มู่จื่ออี้นั่งอยู่ด้านข้างของเย้นหว่าน ยื่นเรซูเม่ให้เย้นหว่าน
เย้นหว่านกวาดสายตาอ่านเรซูเม่ของมู่จื่ออี้ จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นได้
หล่อนตกใจ หันไปมองเขาอย่างตกตะลึง