สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 265 ถาม สรุปความสัมพันธ์สนิทมากแค่ไหน
บทที่ 265 ถาม สรุปความสัมพันธ์สนิทมากแค่ไหน
ทีน่ากดไฟริษยาในใจลงอย่างแรง กวักมือเรียก “พนักงาน สั่งอาหาร”
ไม่นานพนักงานก็รีบเข้ามา นำรายการอาหารสามชุดแบ่งยื่นให้พวกเขา
โห้หลีเฉินกลับไม่ได้มองรายการอาหาร และเพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสง่างาม สายตาล้ำลึกตกบนตัวของเย้นหว่านอยู่ไม่ขาด
ถึงแม้ในใจโมโหแทบแย่ แต่อย่างไรเสียทีน่าก็เป็นบุคคลอัจฉริยะในที่ทำงาน จึงกดอารมณ์ในใจลงมาอย่างเข้าใจเป็นอย่างดีมาก บนหน้ายังรักษาความมีมารยาทแบบเจ้าภาพไว้
หล่อนมองโห้หลีเฉินที่ไม่ขยับ แล้วถามว่า “คุณโห้ ทำไมคุณถึงไม่สั่งล่ะคะ? มีตรงไหนไม่พอใจหรือเปล่า?”
“เย้นหว่านจะสั่งให้ผม” โห้หลีเฉินตอบไปอย่างเป็นธรรมชาติสุดๆ
เย้นหว่านที่กำลังดูรายการอาหารมึนงงสักครู่ ทำไมต้องเป็นเธอสั่งให้เขา?
ขณะเดียวกันทีน่ากลัดกลุ้มใจมาก มองเย้นหว่านอย่างไม่สบายใจ “ดูแล้ว คุณเย้นคุ้นเคยกับรสชาติของคุณโห้มากสินะ?”
ใช่ คุ้นเคยมาก
เย้นหว่านไม่ค่อยสะดวกเท่าไร จึงพยักหน้าแบบแข็งทื่อ
อารมณ์ของทีน่ายิ่งกลัดกลุ้มเป็นสองระดับ “นี่กลับเกินความคาดหมายของฉันอยู่นิดหน่อยนะ ยังคิดว่าพวกคุณหมั้นกันได้ไม่นาน คิดไม่ถึงจะรู้รสชาติความชอบของอีกฝ่ายดี”
โห้หลีเฉินคนที่ยืนอยู่เหนือมวลชนแบบนั้น ในวันธรรมดายุ่งแทบแย่ ถึงแม้เย้นหว่านจะเป็นคู่หมั้นเขา ต้องไม่มีเวลาไปนัดเจอกับเธอมากเท่าไร
ระดับความเข้าใจของทั้งสองคน คงไม่สนิทแนบชิดคุ้นเคยกันเหมือนคู่รักที่ตัวติดกันเป็นกาว
ถึงแม้ทีน่ากำลังทอดถอนใจ แต่ว่าคำพูดนี้ ความหมายที่รวมอยู่ในความสงสัยเหล่านี้คือพูดประมาณว่าเย้นหว่านจะสั่งของที่โห้หลีเฉินไม่ชอบทาน
ในใจเย้นหว่านมีความไม่สบายเล็กน้อย เม้มริมฝีปากไว้ กลับไม่อยากตอบโต้ หรือไปช่วงชิงอะไร
ด้านข้าง เสียงทุ้มต่ำของโห้หลีเฉินไม่เบาไม่หนักดังขึ้น
“พวกเราพักอยู่ด้วยกัน กับข้าวที่ผมกิน แต่ไหนแต่ไรก็เป็นเย้นหว่านเลือกให้ผม”
ทีน่าตะลึงค้างฉับพลัน มองสองคนที่นั่งตรงข้ามด้วยความตกใจ
พวกเขาพักอยู่ด้วยกันแล้ว?
นั่นเป็นความสัมพันธ์ที่พัฒนารวดเร็วฉับไวแค่ไหน สนิทแนบชิดมากแค่ไหนกัน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องลับส่วนตัวแบบนี้ โห้หลีเฉินยังเป็นคนพูดออกมาเอง เห็นได้ชัดว่าเขาพึงพอใจต่อเย้นหว่านอย่างมาก แม้กระทั่งยินยอมประกาศความสัมพันธ์ระหว่างเธอต่อสาธารณะอย่างไม่ปิดซ่อนสักนิด
และการรุกก่อนของโห้หลีเฉิน ทำให้ทีน่าสำนึกได้อย่างชัดแจ้งในวินาทีนี้ ท่าทีที่โห้หลีเฉินมีต่อเย้นหว่าน
นั่นไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาสามารถชักนำไปได้ตั้งแต่แรก
น่าตลกที่วันนี้หล่อนทุ่มเทจิตใจอยากตกโห้หลีเฉินกลับไป อยากเบียดให้เย้นหว่านตกขอบ
ความหวังเคราะห์ดีในใจล้วนถูกบดแหลกกลายเป็นกากเดน จิตใจทีน่าดับมอดเหมือนขี้เถ้า มองเย้นหว่านแล้วยิ่งรู้สึกขวางตา อิจฉาริษยาแล้ว
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบหล่อนยังแสดงอารมณ์ออกไปได้ดีมาก สายตาที่มองเย้นหว่านนั้นตรงๆ เพียงแค่ที่ทำให้เย้นหว่านรู้สึกได้เพราะคำถามที่กำกวมอันนั้น และได้รับความสนใจที่ประหลาดใจนั้นเอง
เพราะเหตุนี้ เย้นหว่านจึงเขินอายอยู่หน่อย
เรื่องแบบนี้ ทำไมโห้หลีเฉินถึงต้องพูดออกมาต่อหน้าคนอื่นด้วย?
เย้นหว่านรู้สึกว่าหน้ากำลังจะรับไม่ไหวแล้ว สายตาทอประกาย รีบเปลี่ยนหัวข้อทันที
“ผู้อำนวยการทีน่า ที่ฉันมาวันนี้ ความจริงอยากอธิบายกับคุณเรื่องเมื่อเช้าสักหน่อยค่ะ”
ทีน่าเพียงแค่มองเย้นหว่าน ไม่มีการตอบรับอะไร และไม่ได้พูดว่าไม่ฟัง
เย้นหว่านรู้ว่าตนเองมอบความประทับใจแรกที่ไม่ค่อยดีให้ทีน่า และไม่ได้คิดมาก จึงอธิบายด้วยท่าทีจริงใจต่อไป
“ตอนนั้นฉันเห็นคุณไป๋ทำของล้มไปจริงๆ นะคะ แต่ที่ไม่ได้พูด เป็นเพราะสถานที่แบบนั้น ถ้าฉันพูดเรื่องราวมากมาย จะดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ ซึ่งทุกคนต่างก็มาดูโชว์กัน ไม่ได้มาดูเรื่องสนุก
เดิมทีฉันอยากจัดการเป็นการส่วนตัว ใครทำล้มแล้วคนนั้นก็ไปจัดการ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าคุณไป๋จะกลับมาย้อนเล่นงาน”
ที่จริงเธอแค่ไม่อยากหาเรื่อง กลับคาดไม่ถึงเรื่องราวจะมาหาเธอเอง
พูดขึ้นมา ความจริงยังเป็นการใส่ร้าย
ทีน่ามองเย้นหว่านด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้มีใจจะเข้าใจสักนิดเดียว
แม้กระทั่งพูดว่าเรื่องเมื่อเช้า เดิมทีหล่อนไม่ได้ใส่ใจ
ไม่ว่าเย้นหว่านจะเกิดเรื่องอะไร อย่างไรเสียสิ่งที่หล่อนมีต่อเย้นหว่าน ยังเกิดความรู้สึกดีไม่ได้สักนิดอยู่แล้ว แม้กระทั่งอดไม่ไหวอยากให้เย้นหว่านพังพินาศย่อยยับ
“อืม รู้แล้ว”
ทีน่าสีหน้าเรียบเฉยตอบไปคำหนึ่งแบบขอไปที เห็นได้ชัดว่าไม่ใส่ใจอย่างมาก
เย้นหว่านตะลึงครู่หนึ่ง ประสบอุปสรรคและความล้มเหลวอยู่หน่อยๆ
เธออธิบายด้วยความจริงใจ หวังจะเปลี่ยนท่าทีที่ทีน่ามีต่อเธอ แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนการอธิบายนี้จะไม่มีผลสักนิดจริงๆ
แม้กระทั่งสามารถดูออกว่าทีน่ายังไม่ชอบเธออยู่มาก
ตั้งแต่ต้นจนจบสายตาโห้หลีเฉินมองเย้นหว่าน มองเห็นรอยยิ้มจางๆ นั้นบนหน้าเธอชัดเจน สายตาของเขามืดลง
ริมฝีปากบางที่เม้มไว้เพิ่มความดุร้ายนิดๆ
ทีน่าไม่ได้สนใจต่อเย้นหว่าน สำหรับโห้หลีเฉิน นอกจากความคิดถึงในใจ ยังมีความพยายามด้านธุรกิจ
หล่อนยังคงมองโห้หลีเฉินถูกชะตาอย่างมาก “คุณโห้ ที่เชิญคุณมาคืนนี้ เพราะอยากแน่ใจเกี่ยวกับการร่วมงานครั้งนี้กับคุณสักหน่อย ถ้าคุยกันราบรื่น หวังว่าพวกเราจะสามารถเซ็นสัญญากันได้ในคืนนี้”
ขณะกำลังพูด ทีน่ายกไวน์ตรงหน้าขึ้นอย่างสง่างาม ชูแก้วไปทางโห้หลีเฉิน
นี่คือการแสดงเจตนาดีทั่วไปบนโต๊ะอาหาร ซึ่งเริ่มเปิดขึ้นแล้ว
โห้หลีเฉินมองทีน่าด้วยสายตาเฉียบเย็น นั่งอย่างสง่างาม แต่แขนไม่ได้ยกสักนิด
ทำเอาทีน่าต้องยกแก้วค้างไว้ตรงนั้น
อย่างไรทีน่าก็คิดไม่ถึงว่าโห้หลีเฉินจะเย็นชาแม้แต่ชนแก้วยังหักหน้าหล่อน และหล่อนค้างแก้วไวน์อยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าอึดอัดอับอายเป็นพิเศษ
หล่อนรักษาการกระทำที่ชนแก้วไว้ สีหน้าซีดขาว การแสดงรอยยิ้มที่เสแสร้งเกือบแตกระแหง
เย้นหว่านมองท่าทางกระอักกระอ่วนของทีน่าอยู่ ลังเลสักนิด ค่อยๆ ใช้มือผลักๆ โห้หลีเฉินอยู่ใต้โต๊ะ
โห้หลีเฉินหงายฝ่ามือ นำมือที่เย้นหว่านดันเขามากุมไว้
ฝ่ามือกว้างใหญ่ห่อหุ้มมือน้อยของเธอ ถูอย่างไม่รีบร้อน
เย้นหว่านหน้าแดงฉับพลัน สับสนจนอยากดึงมือกลับมา สรุปโห้หลีเฉินกำลังทำบ้าอะไร? คนอื่นเคารพเหล้ากับเขาไม่ยอมสนใจ กลับจับมือของเธอเล่นอย่างเลวร้าย
ไม่เห็นหน้าทีน่าใกล้จะแตก หาที่ลงไม่เจอแล้วหรือไง
ทีน่าอยากตายอย่างยิ่ง มือค้างแข็ง คงไว้หรือเก็บกลับไปล้วนไม่เหมาะสม
หล่อนตึงรอยยิ้มบนหน้าไว้ด้วยความยากลำบากมาก พูดเตือนสติออกมาอีกครั้ง “คุณโห้ แก้วนี้ฉันเคารพคุณค่ะ”
พูดแบบนี้ โห้หลีเฉินควรจะชนแก้วกับหล่อนไปสักนิดล่ะมั้ง
โห้หลีเฉินกลับยังคงนั่งนิ่งราวภูเขา ไม่มีทีท่าจะชนแก้วสักหน่อย
ส่วนสายตาของเขาย้ายจากตัวเย้นหว่านออกไป มองทางทีน่าเหมือนเป็นพระคุณ สายตากลับเย็นเฉียบจนทำให้คนใจสั่น
“ร่วมงาน ยกเลิก”
“อะไรนะ?”
สี่คำง่ายๆ ทำเอาทีน่าตกใจจนหน้างามถอดสี
หล่อนมองโห้หลีเฉินด้วยความตกใจอย่างยิ่ง ความไม่อยากเชื่อเต็มใบหน้า
“คุณโห้คะ คุณล้อเล่นรึเปล่า? ไม่ใช่ก่อนหน้านี้เจรจากันเรื่องการร่วมงานนี้เสร็จแล้วเหรอคะ วันนี้เพียงแค่มายืนยันรายละเอียดสุดท้าย แล้วก็เซ็นชื่อ”
อย่างมากคือเจรจาข้อร้องขอพวกนี้สักหน่อย แต่โห้หลีเฉินไม่ได้พูดอะไร อะไรก็ไม่ดูทั้งนั้น ยกเลิกการร่วมงานมาโดยตรงเลย
ทีน่ารู้สึกว่าโดนตีกลางแสกหน้า ถ้าไม่ใช่ว่านั่งอยู่ เกรงว่าหล่อนจะล้มที่พื้นแล้ว