สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 266 หึงหวงอย่างมาก
บทที่ 266 หึงหวงอย่างมาก
โห้หลีเฉินไม่สนใจสักนิดว่าคนตรงข้ามมีปฏิกิริยาอะไร จูงมือเย้นหว่านไว้แล้วลุกขึ้นมา
บนหน้าหล่อเหลาสีหน้าเฉยชา ก้าวขายาวเดินไปด้านนอก
“พวกเราไปกันเถอะ”
เย้นหว่านถูกดึงให้ลุกขึ้นมา มึนงงอย่างมาก
นี่มันเรื่องอะไรกัน? มาทานข้าวอยู่ดีๆ ข้าวยังไม่ทันได้กินสักคำ โห้หลีเฉินก็ไปเลยทันทีอย่างคาดไม่ถึง
ส่วนเธอค่อนข้างรู้นิสัยของโห้หลีเฉินดี ถ้าไม่ใช่ตอนแรกตัดสินใจจะเซ็นสัญญานี้ คงไม่มานัดทานข้าวนี้ แต่ในเมื่อมาก็มาแล้ว ทำไมถึงไม่เซ็นมากะทันหัน?
และทีน่าก็มีข้อสงสัยอยู่เต็มท้องเหมือนกับเย้นหว่าน
หล่อนไม่สนใจอย่างอื่นอีกแล้ว รีบร้อนลุกขึ้นมา ใส่รองเท้าส้นสูงวิ่งเหยาะๆ ขวางด้านหน้าโห้หลีเฉินไว้
“คุณโห้ ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคุณต้องยกเลิกการร่วมงานนี้กะทันหัน ขอให้คุณช่วยให้คำอธิบายกับฉันได้รึเปล่า”
หัวคิ้วที่ดูดีของโห้หลีเฉินบิดแล้ว แววตาแฉลบความไม่อดทนผ่านไป
สายตาของเขาเย็นเฉียบ คำพูดยิ่งเป็นแบบเหตุผลที่ควรจะเป็นเช่นนั้น
“คุณทำให้เย้นหว่านไม่ดีใจแล้ว”
ทีน่าเหมือนถูกคนตีกลางแสกหน้า ทำเอาทึ่มไป ในสมองวิงเวียน ตกตะลึงพรึงเพริดจนพูดอะไรไม่ออก
เพียงเพราะหล่อน……ทำให้เย้นหว่านไม่ดีใจแล้ว?
เพียงเพราะเรื่องแบบนี้?
นั่นเป็นการร่วมงานที่สองบริษัทใหญ่ติดต่อกันไว้เมื่อหลายเดือนก่อน ผลประโยชน์ในนั้นเชื่อมโยงกว้างใหญ่มาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้โห้หลีเฉินออกหน้าเซ็นสัญญาด้วยตนเอง
แต่การร่วมงานใหญ่แบบนี้ คาดไม่ถึงว่าเพราะเย้นหว่าน โห้หลีเฉินบอกว่ายกเลิกก็ยกเลิกแล้ว!
ในสายตาเขา สัญญาหลายพันล้าน ล้วนเทียบไม่ได้กับการทำให้เย้นหว่านไม่ดีใจน้อยนิดนั้นเหรอ?
“ปัง”
ทีน่าร่างกายยืนไม่นิ่ง ถอยหลังไปสองก้าว ชนเข้ากับขอบโต๊ะไปเต็มๆ
สมองหล่อนมึนงง สายตาพร่าเบลอ เลือดจุกอยู่ที่หน้าอก ไม่ขึ้นไม่ลง ทำให้หล่อนเจ็บอย่างไม่สบายตัว
หล่อนเกือบจะไม่กล้าคิด สัญญาโดนยกเลิกเพราะหล่อน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การงานของหล่อนยังมีหวังอะไรอีก จากสวรรค์ตกลงไปนรก และไม่ใช่เหี้ยมโหดเช่นนี้เหรอ
หล่อนเสียใจแล้ว
เสียใจที่ไม่ควรอยากจะได้โห้หลีเฉิน ไม่ควรไปพาลโกรธเย้นหว่าน อิจฉาริษยาเย้นหว่าน
และเวลานี้หล่อนถึงได้เข้าใจกระจ่าง ที่แท้ยอมผิดใจโห้หลีเฉิน แต่ไม่ควรผิดใจคนที่เขาทะนุถนอมไว้ในดวงใจคนนั้น
โห้หลีเฉินไม่ได้สนใจทีน่าสักนิดเดียว พาเย้นหว่านออกไปจากห้องอาหารโดยตรง
จิตใจของเขาสุขุมเรียบนิ่ง ราวกับสูญเสียสัญญาหลายพันล้านไป สำหรับเขาแล้วไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรมากนัก
“อยากกินอะไร? ฉันจะพาเธอไปร้านอาหารอื่น”
ฟังคำพูดของชายหนุ่ม เย้นหว่านถึงได้สติกลับมาจากความตื่นตะลึง
เธอมองโห้หลีเฉินด้วยสายตาประกายแวววาว คิดแล้วคิดอีก ความจริงอดกลั้นความคิดที่อยู่ในใจไม่ไหว จึงถามขึ้น
“คุณโห้ เมื่อกี้ที่คุณพูดเป็นเพียงข้ออ้างสินะ คุณยกเลิกสัญญา ความจริงสาเหตุคืออะไร?”
ตีเธอให้ตายก็ไม่เชื่อว่าเป็นเพราะเธอ
โห้หลีเฉินจับมือน้อยๆ ของเธอไว้ เดินไปข้างหน้าด้วยระดับที่ไม่ช้าไม่เร็ว
เขาหันหน้ามองเธอแล้ว มุมปากเม้มเส้นรัศมีวงกลมตื้นๆ
“ฉันต้องหาข้ออ้างที่ไม่น่าเชื่อขนาดนี้ด้วยเหรอ?”
นี้ก็เหมือนตอนที่เลิกกัน บอกกับอีกฝ่ายว่าพวกเราเลิกกันเถอะ ฉันมองสังคมมนุษย์กระจ่างแล้ว คิดจะไปเป็นพระบนเขาตลอดชีวิต ซึ่งทำให้คนรู้สึกว่าโกหก
การร่วมงานธุรกิจ ยิ่งไม่อาจจะสะเพร่าขนาดนี้ได้
ถึงแม้อยากหาเหตุผล ก็ต้องหาที่สมเหตุสมผลด้วย เป็นเหตุผลที่รักษาหน้าตาของทั้งสองฝ่ายไว้ วันหลังจะได้ยังเจอหน้ากันได้ดี
ดังนั้นถ้าเป็นเพราะเย้นหว่าน เป็นเรื่องจริงเหรอโห้หลีเฉิน?
เย้นหว่านเบิกตาโตอย่างตะลึง ตกตะลึงพรึงเพริดจนเดิมทีไม่รู้ว่าควรมีปฏิกิริยาอะไร
การร่วมงานที่ยิ่งใหญ่ คาดไม่ถึงโห้หลีเฉินบอกว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้ว เพราะเธอ
สรุปเขาคิดอะไรอยู่?
ทำไมเขาต้องทำขนาดนี้?
เหมือนมองความสงสัยที่ทับถมในใจเย้นหว่านออก โห้หลีเฉินจึงเม้มริมฝีปากบาง อธิบายให้เธอฟังอย่างอดทนที่สุด
“เธอเป็นคู่หมั้นของฉัน คนนอกจะรังแกไม่ได้”
เขาไม่ได้บอกว่าเธอเป็นคนสำคัญในใจเขา ไม่อนุญาตให้คนอื่นมาทำร้ายสักนิดเดียว
เย้นหว่านมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความตกใจ ใจเต้นเร็วยิ่งขึ้นไปอีก เร็วจนทำให้เธอเกือบจะไม่มีทางหายใจ จะขาดอากาศอยู่แล้ว
นี่มันช่างสะเทือนอารมณ์คนเหลือเกิน
เพียงแค่เพราะเป็นคู่หมั้นของเขา เขาก็ปกป้องถึงขั้นนี้เลย โอ๋จนไม่มีจริยธรรมเลย
เย้นหว่านรู้สึกว่าพอติดยศของคู่หมั้นเขาไว้ เธอสามารถกระทั่งเดินเชิดในสังคมไฮโซ เจอใครแล้วตบคนนั้นล้วนไม่มีปัญหา
ถือหางเกินขีดแบบนี้ ทำให้ใจของเย้นหว่านเหมือนจะละลายแล้ว
ทันใดนั้นเธอเหมือนอยากจะเป็นคู่หมั้นของเขาไปตลอดชาติ ถูกเขาคุ้มครองอย่างไร้เงื่อนไขไม่มีเหตุผลแบบนี้
นั่นจะต้องมีความสุขมากแน่
……
หลังจากโห้หลีเฉินพาเย้นหว่านไปทานข้าวที่ร้านอาหารอื่นแล้ว ก็กลับมายังโรงแรมที่ทำงานด้วยกันกับเธอ
ตอนที่มาถึงโรงแรม ก็ช่วงสี่ทุ่มแล้ว
เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินเดินเคียงไหล่เข้าในโรงแรม อยากเดินไปทางลิฟต์ ในห้องพักผ่อนของโถงใหญ่ กลับมีภาพคนสูงใหญ่เดินออกมาอย่างรีบร้อน
ฉูรั่วไป๋ใส่ชุดสูทสีเรดไวน์ ทั่วทั้งตัวล้วนแต่งตัวมาอย่างงดงาม เป็นสไตล์การออกงานเลี้ยง
เวลานี้ เขาเดินมาทางเย้นหว่านอย่างก้าวเร็วๆ “เย้นหว่าน ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว ผมรอคุณอยู่ตั้งนาน”
เขารีบก้าวเดินมา เดินเข้าใกล้ จากนั้นถึงสังเกตเห็นโห้หลีเฉินที่ยืนข้างกายเย้นหว่าน
ส่วนการแต่งตัวนี้ของโห้หลีเฉิน เห็นได้ชัดว่าไปออกงานเลี้ยงมา
ที่สามารถไปออกงานเลี้ยงกับเย้นหว่านได้วันนี้ เป็นเพียงงานแฟชั่น
เมื่อฉูรั่วไป๋สำนึกถึงอะไรได้ ชั่วขณะนั้นทั้งตัวก็ระเบิดไปหมด ถามด้วยความตกใจ
“พวกคุณไปงานแฟชั่นโชว์ด้วยกัน?”
“อืม”
เย้นหว่านพยักหน้าตอบ
ฉูรั่วไป๋เหมือนโดนคนสาดน้ำเย็นใส่ถังหนึ่ง ตั้งแต่ยอดศีรษะเย็นไปถึงปลายเท้า
เขาคำนวณดูแล้ว ไม่ได้คิดถึงว่าสุดท้ายจะเป็นโห้หลีเฉินที่ได้รับสิ่งที่คุ้มค่าแบบที่ตนเองต้องการที่สุด นั่นคือไปงานแฟชั่นโชว์เป็นเพื่อนเย้นหว่าน
ส่วนเขาโดนรถติดบ้าบอนั้น รถติดจนพลาดโอกาสดีมากขนาดนั้นที่จะได้ไปเป็นเพื่อนเย้นหว่าน
ฉูรั่วไป๋อยากตาย
เย้นหว่านมองฉูรั่วไป๋ที่สีหน้าเปลี่ยนยิ่งดูเศร้ารันทดด้วยความสงสัย ถามอย่างฉงน “คุณฉู คุณเป็นอะไรรึเปล่า คุณไหวมั้ย?”
ฉูรั่วไป๋ส่ายหน้า ยังคงหน้าม่อยคอตก
เย้นหว่านอดคิดไปถึงเมื่อเช้านี้ที่ฉูรั่วไป๋มาหาเธอทันเวลาไม่ได้ โทรศัพท์ก็ไม่ติด ส่งข้อความก็ไม่ตอบ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่?
เธอรีบเอ่ยปากอย่างห่วงใย
“คุณฉู คุณเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า? คุณบอกฉันหน่อย ฉันสามารถช่วยคุณได้มั้ย? คุณเป็นแบบนี้ทำให้ฉันเป็นห่วงมากนะ”
ได้ยินคำพูดของเย้นหว่าน สายตาฉูรั่วไป๋เป็นประกายแวววับอยู่บ้าง
เธอกำลังเป็นห่วงเขา
สีหน้าเขาดูดีขึ้นมาไม่น้อย มองเย้นหว่านด้วยสายตาระยิบระยับ “ขอโทษจริงๆ นะ ที่ทำให้คุณเป็นห่วงผม”
เขาพูดอย่างเสียใจ รอยยิ้มที่มุมปากซ่อนอย่างไรก็ไม่อยู่
ด้านข้าง สีหน้าของโห้หลีเฉินอึมครึมลงมา มองฉูรั่วไป๋ที่อิ่มอกอิ่มใจ
เย้นหว่านเป็นห่วงเขา? เป็นห่วงผู้ชายคนอื่น?
หน้าอกมีไฟลุกไหม้กองหนึ่ง ทำให้โห้หลีเฉินอยากเอาฉูรั่วไป๋มาทำลายชีวิตทันที