สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 270 เพราะผมทิ้งคุณไม่ลง
บทที่ 270 เพราะผมทิ้งคุณไม่ลง
เขายืนอยู่ที่ระเบียงทางเดินหน้าลิฟต์ หลังพิงผนัง บนหน้าหล่อเหลาแบบลูกครึ่งใบนั้น ท่าทางหนักหน่วงพอสมควร
ดูขึ้นมา เหมือนมีเรื่องในใจ
ยากที่เย้นหว่านจะเจอฉูรั่วไป๋ในท่าทางแบบนี้ ทุกครั้งที่เจอเขามักเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สง่างามอย่างเอ้อระเหยลอยชาย
“คุณฉู”
เย้นหว่านเดินไปตรงหน้าเขาด้วยความเป็นห่วงอยู่บ้าง
ฉูรั่วไป๋ถึงได้สติกลับมา เงยหน้าก็มองเห็นเย้นหว่านและโห้หลีเฉินยืนเคียงบ่าเคียงไหล่
โห้หลีเฉินยืนตำแหน่งด้านข้างของเย้นหว่าน ระยะห่างเพียงน้อยนิด ร่างสูงใหญ่เหมือนปกคลุมเย้นหว่านไว้ เต็มไปด้วยความรู้สึกยึดครอง
อารมณ์ของฉูรั่วไป๋ยิ่งไม่ดีเข้าไปอีก
สายตาของเขาตกกลับบนตัวของเย้นหว่าน บนหน้าหล่อเหลาฉีกรอยยิ้มที่คุ้นเคย “พึ่งกินข้าวเสร็จ?”
“อืม คุณล่ะ ทำอะไรอยู่ที่นี่?” เย้นหว่านถาม
แน่นอนว่ามารอเธออยู่ที่นี่ไง
ถึงแม้ทิศทางการทานข้าวของโห้หลีเฉินและเย้นหว่านไม่เหมือนกัน ลิฟต์ที่ขึ้นก็ไม่เหมือน ปกติจะไม่เจอคน แต่หลายวันมานี้ฉูรั่วไป๋ไม่เจอเย้นหว่านมาทานข้าวที่ห้องอาหาร พอสอบถามก็รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร
เหมือนว่าทุกวันเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินจะทานข้าวกันตามลำพัง
ฉูรั่วไป๋อิจฉาในใจ กระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก ทว่าต่อหน้ายังคงรักษารอยยิ้มไว้
“กินข้าวแล้ว เลยมาเดินเล่นเฉยๆ”
ฉูรั่วไป๋หาเหตุผลง่ายๆ มา
จากนั้นถามอีก “คุณล่ะ? หลายวันนี้ไม่เจอคุณเลย กำลังยุ่งอะไรอยู่ล่ะ?”
“ก็ยังกำลังอ่านหนังสือหัวข้อของPJ”
“อ่านเป็นยังไงบ้าง? เจอปัญหายากอะไรที่ไม่เข้าใจบ้างรึเปล่า”
ฉูรั่วไป๋ถามอย่างห่วงใย ขณะพูดยังอดกวาดตามองโห้หลีเฉินทีหนึ่งไม่ได้
เพียงแค่เรียนไม่กี่วัน เขายังคงไม่เชื่อว่าโห้หลีเฉินจะเก่งกาจจนสามารถเข้าใจหัวข้อPJได้กระจ่างจริงๆ ทั้งยังไม่มีปัญหาสักนิดเลย
เย้นหว่านส่ายหน้าแล้ว “ตอนนี้ยังไม่มีเลย”
ปัญหาของเธอล้วนถูกโห้หลีเฉินแก้ไขให้หมดแล้ว หลายวันนี้เย้นหว่านปรับมุมมองใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกว่าโห้หลีเฉินคนนี้ฉลาดเหนือธรรมชาติเกินไป
ที่แท้ระหว่างคนเรา นอกจากสถานะที่ห่างกัน ยังมีสติปัญญาที่เป็นเส้นแบ่งระหว่างสองสรรพสิ่ง
การคาดหวังของฉูรั่วไป๋ว่างเปล่า ผิดหวังเล็กน้อย
เขายิ้มพูดว่า “งั้นก็ดี ถ้ามีปัญหาอะไร สามารถมาหาผมได้ทุกเมื่อ”
“ได้”
เย้นหว่านพยักหน้า มองฉูรั่วไป๋อย่างละเอียดอีกที บนหน้าของเขามีรอยยิ้ม สายตาเปล่งประกายพัดผ่านพยับเมฆ มองความรู้สึกหงอยเหงาเศร้าซึมที่พิงผนังก่อนหน้านี้ไม่ออก
ถึงแม้กังวลอยู่บ้างว่าเขาจะเจอเรื่องอะไรไม่ดีหรือเปล่า แต่ฉูรั่วไป๋ก็ไม่ได้แสดงอะไรต่อหน้าเธอ เย้นหว่านจึงไม่กล้าถามอีก
เธอพูดคุยสองประโยคกับฉูรั่วไป๋ไปตามสบาย จากนั้นถึงบอกลา แล้วขึ้นลิฟต์ไป
ประตูลิฟต์พึ่งปิดลง รอยยิ้มที่มุมปากของฉูรั่วไป๋หดลงมาชั่วขณะนั้น ใบหน้ามืดครึ้มอย่างแรง
นิ้วมือของเขากุมเป็นหมัดแน่น กุมจนเสียงดังกรอบ
ในที่สุดโห้หลีเฉินก็ลงมือแล้ว ในคำพูดเขาสามารถรู้สึกถึงท่าทีที่เย้นหว่านมีต่อโห้หลีเฉินได้ ว่ากันตามแนวโน้มนี้ เรื่องที่พวกเขาสองคนคืนดีกันคงไม่ช้าก็เร็ว
ถึงตอนนั้นเดิมทีก็ไม่มีเรื่องอะไรของเขาแล้ว
“โห้หลีเฉิน เมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเรามาแข่งกัน ใครจะเก่งกว่ากัน”
ฉูรั่วไป๋กัดฟัน ในคำพูดล้วนเป็นความมั่นใจหวังว่าจะชนะ
หลายปีมานี้ เขารู้จักผู้หญิงมานับไม่ถ้วน ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่เขาสนใจ แล้วไม่ได้มาครอบครอง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นเขาหวั่นไหวต่อเย้นหว่านจริงๆ
เธอจะต้องเป็นของเขา
ฉูรั่วไป๋ตัดสินใจอยู่เงียบๆ รอหลังจากนั้นสักครู่ หยิบมือถือออกมา ส่งข้อความวีแชทไปหาเย้นหว่าน
ฉูรั่วไป๋: เสี่ยวหว่าน ตอนเย็นมีเวลาว่างมั้ย?
เย้นหว่านพึ่งกลับมาถึงห้องได้พักหนึ่ง กำลังแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำ
เห็นฉูรั่วไป๋ส่งข้อความมา เธอสงสัยนิดหน่อย เมื่อสักครู่เจอหน้าก็คุยนานขนาดนั้นแล้ว ครั้งนี้แยกกันมา ฉูรั่วไป๋ยังส่งข้อความหาเธออีก?
ถ้ามีธุระ ทำไมเมื่อสักครู่ตอนเจอหน้ากันถึงไม่พูด?
“จ๊อก……”
ด้านนอกห้อง เสียงเทเหล้าดังขึ้น
เวลานี้คนที่สามารถเทเหล้าอยู่ในห้องเย้นหว่านได้ ก็มีเพียงโห้หลีเฉินแล้ว
เย้นหว่านระลึกตัวได้ทีหลัง เมื่อสักครู่ฉูรั่วไป๋ไม่พูด เป็นเพราะโห้หลีเฉินยังอยู่ใช่ไหม?
เธอตบหน้าอกของตนเองสักหน่อย รู้สึกว่าตนเองโง่จริงๆ เลย โห้หลีเฉินอยู่ แน่นอนว่าฉูรั่วไป๋คงไม่พูดอะไรกับเธอ
เย้นหว่านรีบตอบกลับ: มีทำไมเหรอ?
ฉูรั่วไป๋: การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว ก่อนไปผมอยากบอกลาคุณตามลำพัง
เย้นหว่าน: ได้ ตอนเย็นฉันจะไปหาคุณ
เย้นหว่านกลับไม่คิดว่าฉูรั่วไป๋จะกล่าวลาเธอเป็นพิเศษ เห็นท่าทางนั้นตอนที่เขาพิงผนังอยู่ น่าจะมีเรื่องอะไรในใจ
แต่อย่างไรเสียก็เป็นผู้ชาย ยังต้องการหาคนระบายสักหน่อย หาเหตุผลที่รักษาหน้าไว้
เย้นหว่านเข้าใจมากๆ
มีโห้หลีเฉินคอยช่วยเหลือ ถึงแม้กลางวันเย้นหว่านล้วนอ่านหนังสือ ศึกษาวิจัย แต่ความเร็วก็มีประสิทธิภาพสูง ปกติตอนเย็นคงไม่ต้องทำงานเพิ่ม
เย็นนี้ตามปกติจะเป็นเช่นนี้
หลังจากส่งโห้หลีเฉินไป เย้นหว่านก็วิ่งออกไปหาฉูรั่วไป๋แล้ว
สถานที่นัดกันร้านกาแฟด้านข้างโรงแรม
ตอนเย้นหว่านมาถึง ปล่อยให้พนักงานนำทาง เดินเข้าไปมองเห็นที่นั่งริมหน้าต่าง ชายหนุ่มรูปหล่อกำลังจิบกาแฟอยู่
เขาแต่งตัวสบายๆ แต่ความหล่อรอบตัวยากที่จะเก็บซ่อน สะดุดตาน่าหลงใหลราวกับเปล่งแสงสว่าง และภายใต้ความหล่อนั้น หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย และเพิ่มความรู้สึกเจ็บช้ำเคร่งขรึม
ทำให้อยากยื่นมือโดยจิตใต้สำนึก ลูบระหว่างหัวคิ้วที่ขมวดของเขาให้เรียบลง
ที่แท้ฉูรั่วไป๋มีเรื่องในใจสินะ เขาเพียงแค่ยิ้มอย่างสบายใจยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้นเอง
ในใจเย้นหว่านรู้ดี จึงเดินตามเข้าไปแล้ว
“คุณฉู”
“เสี่ยวหว่าน มาแล้ว”
เขาวางกาแฟในมือลง บนหน้าหล่อเหลายกรอยยิ้มที่อบอุ่นขึ้นมา ความกลัดกลุ้มระหว่างคิ้วก็หายไปตาม
น้ำเสียงเขาที่มีต่อเธออ่อนโยน อดทนตลอดกาล “อยากดื่มอะไรหน่อยมั้ย?”
“กาแฟก็ได้”
“กาแฟแก้วหนึ่ง หวานเจ็ดส่วน”
ฉูรั่วไป๋หันหน้าสั่งกับพนักงาน
เย้นหว่านประหลาดใจนิดหน่อย ฉูรั่วไป๋ยังจำระดับความหวานที่เธอชอบได้ เป็นผู้ชายที่ใส่ใจมากจริงๆ
“คุณฉูเหมือนคุณอารมณ์ไม่ค่อยดี”
เย้นหว่านนั่งอยู่ตรงข้ามฉูรั่วไป๋ เอ่ยปากพูดขึ้น
ฉูรั่วไป๋ตะลึงอยู่หน่อย แววตามีความอุ่นพาดผ่าน
“นี่โดนคุณมองออกหมดเลย” เธอยังสนใจต่อเขามากด้วย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ฉันสามารถช่วยคุณได้มั้ย?”
เย้นหว่านถามอย่างห่วงใย
ช่วงเวลานี้ฉูรั่วไป๋เป็นทั้งผู้แนะนำของเธอ และเป็นเพื่อนของเธอ ไม่ว่าจะเป็นบุญคุณหรือความรู้สึก เธอล้วนไม่อยากให้เขามีเรื่องอะไรไม่ดี
ถ้าเป็นไปได้ หวังว่าจะสามารถช่วยเขาได้
ฉูรั่วไป๋รู้สึกว่าอารมณ์วุ่นวายใจของเขาตอนแรก ชั่วขณะหนึ่งถูกเย้นหว่านคลายลงมาแล้ว
เธอเป็นยาดีของเขาจริงๆ
“มีอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ว่าสาเหตุ เป็นเพราะ……”
ฉูรั่วไป๋มองเย้นหว่านตรงๆ แต่ละคำพูดออกมาจากในปากที่ดูดีอย่างยิ่งนั้น “ผมทิ้งคุณไม่ลง”
เย้นหว่านงงงวย สำหรับคำตอบนี้ของฉูรั่วไป๋เป็นสิ่งที่เกินคาดแบบไม่สามารถเกินคาดไปได้อีกแล้วอย่างยิ่ง