สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 279 พี่สะใภ้สนใจความรัก
บทที่ 279 พี่สะใภ้สนใจความรัก
“โอ๊ย ฉันยังต้องหลอกลวนลามเธอเหรอ? คนอย่างฉันยังขาดผู้หญิงเหรอ”
ฉินฉู่บ่นอย่างเหยียดหยาม แต่ว่าร่างสูงใหญ่นั้นกลับยังเข้ามาใกล้กู้จื่อเฟยทางนั้นอยู่
ขณะที่กำลังพูด ยังเอื้อมมือไปหยิบมือถือของเธอ
กู้จื่อเฟยมองเขาแบบเตือนภัย รีบคว้ามือถือไว้ด้านหลัง “นายจะทำอะไร?”
“ให้ฉันดูหน่อยว่าที่รักของเธอเป็นใคร”
ฉินฉู่พูดแบบเรื่องราวควรจะเป็นเช่นนั้น อาศัยข้อดีที่มือยาว พาดผ่านกู้จื่อเฟยจนคลำเจอมือถือแล้ว
จากนั้นใช้แรงดึง ก่อนจะแย่งมือถือจากเธอเข้ามาได้
“นายเอามือถือคืนให้ฉันนะ!”
กู้จื่อเฟยร้องเสียงดัง
ฉินฉู่กลับรีบถอยไปด้านหลัง อ่านไปบนมือถือของกู้จื่อเฟยอย่างรวดเร็ว นิ้วมือยาวๆ เลื่อนขึ้นไปบันทึกสนทนา
คนที่กู้จื่อเฟยเรียกว่าที่รัก ดูขึ้นมา เหมือนว่าจะชอบใครสักคนเข้า
และสถานการณ์นี้ เหมือนจะยังเป็นลักษณะที่ชอบมากด้วย
ฉินฉู่ไม่ได้ใส่ใจอันนี้ กลับอยากรู้อยากเห็นว่าที่รักของกู้จื่อเฟยคือใคร
ดังนั้นเขาจึงเลื่อนไปด้านบนบันทึกสนทนา
“ฉินฉู่ นายอายบ้างมั้ย? เลื่อนดูบันทึกแชทของฉัน นี่เป็นความลับส่วนตัวของฉันนะ!”
กู้จื่อเฟยโมโหกระทืบเท้า กระโจนเข้าไปอยากแย่งมือถือเข้ามา
ฉินฉู่ตอบสนองไวกว่า มือข้างหนึ่งกดไหล่ของกู้จื่อเฟยไว้ ทำให้เธอเข้ามาไม่ได้ มืออีกข้างยังคงเลื่อนบันทึกบทสนทนาอย่างว่องไว
ถึงแม้กู้จื่อเฟยจะตั้งชื่อให้เป็นที่รัก ไม่มีชื่อ แต่พอฉินฉู่กดรูปภาพของเธอออกมา กลับเห็นหน้าคนที่คุ้นเคย
คาดไม่ถึงว่าคือ……เย้นหว่าน
กู้จื่อเฟยกับเย้นหว่านเป็นเพื่อนรักกันมาตลอด ดังนั้นกู้จื่อเฟยจึงเรียกเย้นหว่านว่าที่รัก ซึ่งอยู่ภายใต้เหตุผล
จุดสำคัญคือเมื่อสักครู่เนื้อหาสนทนาที่ฉินฉู้ไม่ได้สนใจ เวลานี้กลับเป็นข้อความที่สำคัญที่สุด
เย้นหว่านมีคนที่ชอบแล้ว?
เย้นหว่านจิตใจหวั่นไหวแล้ว?
นั่นเป็นเรื่องใหญ่ล่ะสิ! นี่ถ้าให้โห้หลีเฉินรู้เข้า เขาจะไม่ดีใจตายเลยเหรอ?
เดี๋ยวก่อน งั้นคนที่เย้นหว่านชอบก็คือโห้หลีเฉินเหรอ?
ฉินฉู่ไม่ใช่คนที่บุ่มบ่าม รีบไปขอหลักฐานกับกู้จื่อเฟย
“คนที่เย้นหว่านชอบคือใคร?”
กู้จื่อเฟยยังอยากแย่งมือถือกลับมาอย่างใจเต้นโครมๆ พอได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้ว่าฉินฉู่คนต่ำนี้อ่านบันทึกสนทนาหมดแล้ว
นี่เป็นความลับส่วนตัวของหญิงสาว เขาเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ทำไมถึงได้หน้าไม่อายขนาดนี้ล่ะ
กู้จื่อเฟยดูถูกเขา “ทำไมต้องบอกนายด้วย? เอามือถือคืนให้ฉันเลยนะ!”
เธอเสียใจแล้ว คืนนี้ไม่ควรออกมาเที่ยว ออกมาเที่ยวแล้วยังต้องมาเจอพวกฉินฉู่อีก เธอยิ่งไม่ควรรับปากคำเชิญของพวกเขา มาร่วมโต๊ะกับพวกเขาแล้ว
ฉินฉู่คนนี้คือพวกหน้าไม่อายไม่มีขีดจำกัดอย่างยิ่ง
นี่ถ้าให้เย้นหว่านรู้ว่าข้อความส่วนตัวแบบนี้โดนฉินฉู่อ่านเจอแล้ว เย้นหว่านต้องลำบากในมาก อับอายมากแน่
“ฉินฉู่ ที่อ่านเมื่อกี้ ดีที่สุดนายลืมไปให้หมด ไม่อย่างนั้นฉันเอานายตาย”
กู้จื่อเฟยกัดฟันข่มขู่
ฉินฉู่กลับไม่ใส่ใจสักนิดเดียว สนใจปัญหาความสุขของเพื่อนสนิทตนเองอย่างมาก
เขารู้ว่าโห้หลีเฉินตามจีบเย้นหว่านลำบากมากแค่ไหน
ถ้าครั้งนี้เย้นหว่านเกิดอารมณ์หวั่นไหวจริง คนที่ชอบเป็นโห้หลีเฉินก็ดี นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนปีติยินดีอย่างยิ่ง คงร่วมกันเฉลิมฉลองทั้งประเทศ แต่ถ้าชอบคนอื่น……
ไม่กล้าคิด ไม่กล้าคิดเลย
บนโลกนี้น่าจะยังไม่มีผู้ชายที่ยิ่งมีเสน่ห์เทียบเท่ากับโห้หลีเฉินได้ เย้นหว่านคงไม่ปล่อยหนุ่มหล่อดีเยี่ยมขนาดนั้นไป แล้วไปเก็บขยะอื่นมาหรอก
“กู้จื่อเฟย เย้นหว่านเป็นพี่สะใภ้ฉัน ปัญหาความสัมพันธ์ของเธอ ฉันก็เป็นห่วงมาก เธอบอกฉันหน่อย สรุปชอบใครกัน?”
บนหน้าฉินฉู่ฉีกรอยยิ้มขึ้น ทันใดนั้นเข้ามาใกล้กู้จื่อเฟย พูดจาเอาใจ
กู้จื่อเฟยยังพยายามไปแย่งมือถือของฉินฉู่ การเข้าใกล้ที่ไม่บันยะบันยังของเขานี้ แวบหนึ่งใบหน้านั้นขยายใหญ่อย่างไร้ขอบอยู่ตรงหน้าเธอ ใกล้จนเกือบจะจูบเข้าแล้ว
คิ้วตาที่สะอาดดูดีของชายหนุ่ม แม้กระทั่งรูขุมขนที่ละเอียด ล้วนปรากฏตรงหน้าเธออย่างชัดเจน
หัวใจของกู้จื่อเฟยที่กำลังเต้นอยู่ ทันใดนั้นก็เต้นระรัว
ฉินฉู่กลับไม่รู้สึกตัวว่าเข้ามาใกล้เกินไปเลยสักนิด และกะพริบตาดอกพีชคู่นั้น ทำตัวน่ารักกับกู้จื่อเฟย
“จื่อเฟย เธอเห็นแก่ที่พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เธอต้องบอกฉันนะ”
เขาเข้ามาใกล้ ไอร้อนของคำพูดล้วนกระโจนมาบนหน้าของกู้จื่อเฟยแล้ว
กู้จื่อเฟยรู้สึกว่าลมหายใจตนเองแทบหยุดลง
แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยเจอคนที่หน้าหนาไร้ยางอายขนาดนี้ คาดไม่ถึงจะทำแอ๊บแบ๊วอย่างไม่อาย
“นายออกไปเลยนะ ฉันไม่บอกนายหรอก”
กู้จื่อเฟยผลักเขาทีหนึ่งอย่างฉับพลัน ตนเองยังขยับหลังเว้นระยะห่างบ้าง รู้สึกถึงอากาศสดใหม่โดยรอบ ไอร้อนบนหน้าเธอถึงค่อยๆ ลดลงมาหน่อย
เธอแบมือออกทางเขา “เอามือถือให้ฉัน”
“ทำไมเธอถึงทื่อขนาดนี้ล่ะ บอกมาเธอก็ไม่เสียเปรียบเท่าไรหรอก”
ฉินฉู่บ่นอย่างกลัดกลุ้ม จากนั้นหยิบมือถือมาอย่างสมเหตุสมผล อ่านต่อไปอีก
ยังส่งข้อความหนึ่งไปให้เย้นหว่าน
กู้จื่อเฟย: ได้คำตอบแล้วรึยัง? ชอบรึเปล่า?
กู้จื่อเฟยมองเห็นเนื้อหาที่ฉินฉู่ส่งไป ชั่วขณะนั้นโกรธจนกระอักเลือด
เขาช่างไม่รู้จักอายเอาเสียเลย ถามจากเธอตรงนี้ไม่ได้ ยังปลอมเป็นเธอส่งข้อความหาเย้นหว่านอีก
เย้นหว่านยังไม่รู้อะไรทั้งนั้น ตอบมาแล้ว ไม่ใช่ให้ฉินฉู่รู้แล้วเหรอ
กู้จื่อเฟยโมโหแทบแย่ พุ่งเข้าไปกดฉินฉู่ล้มลงบนโซฟา เธอจับข้อมือของเขาไว้ นั่งคร่อมอยู่บนเอวของเขา
เธอจ้องมองเขาอยู่ พูดอย่างดุร้าย
“ซื่อสัตย์หน่อย เอามือถือให้ฉัน!”
โดนกระโจนใส่กะทันหัน ฉินฉู่อึ้งไปทั้งตัว
เขามองผู้หญิงที่ขี่บนตัวของตนเองอย่างตะลึงมาก มุมปากหดๆ พักหนึ่ง เขาถึงพูดสองสามคำออกจากในปาก
“เธออยากขึ้นฉันเหรอ?”
ทันใดนั้นคนอื่นในห้องอาหารก็เงียบเสียงลงมา ล้วนทำหน้าตกใจมองไปทางทั้งสองคน
อย่างไรก็เป็นพวกเขาออกมาดื่มเหล้ากันดีๆ รวมตัวกัน ทำไมพริบตาเดียวสองคนนี้ถึงนัวเนียอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งอยู่บนคนหนึ่งอยู่ล่างแบบนี้ได้?
ดังนั้นพวกเขาอยากออกไป ยกลานสะสางให้พวกเขาเหรอ?
ชั่วขณะนั้นหน้าของกู้จื่อเฟยแดงกลายเป็นมะเขือเทศ อับอายจนอยากหาถ้ำมุดเข้าไป
“นายมันหน้าไม่อาย!”
เธอด่าไปอย่างโมโห แย่งมือถือกลับมาแล้วหันหน้าวิ่งไป
ฉินฉู่ยังคงรักษาท่วงท่ากึ่งนอนอยู่บนโซฟา ยังไม่ลืมตะโกนไปประโยคหนึ่ง “เธอไม่ขึ้นแล้วเหรอ?”
กู้จื่อเฟย “……” คนนี้ทำไมไม่ไปตาย
เธอไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว รีบร้อนพุ่งตรงออกไปนอกห้องอาหาร
ในห้องอาหาร สายตาทุกคนมองฉินฉู่อย่างแปลกประหลาด เต็มไปด้วยการสังเกต ทั้งยังมีดูถูกอยู่ด้วย
เย้นเหวินหนานบ่น “ฉินฉู่ นับวันนายยิ่งlow แม้แต่คนใกล้ตัวยังจะกินเลย”
แวบหนึ่งฉินฉู่กระโดดขึ้นมาจากโซฟา ไม่ยุติธรรมอย่างมาก
“ฉันต่างหากที่เป็นผู้เสียหายที่โดนกระโจนใส่คนนั้นมั้ย?”
ทุกคน “ดูไม่เห็นออก”
เย้นเหวินหนานพยักหน้า “นายดูเหมือนเสพสุขมาก”
ฉินฉู่ “……” ใช่เหรอ?
ถึงแม้ว่าปกติกู้จื่อเฟยจะไม่สนใจไยดี แต่เมื่อสักครู่ท่วงท่าที่ขี่บนตัวของเขา ดูขึ้นมาความจริงยังเป็นบุคลิกลักษณะองอาจ ทำให้เขารู้สึกว่าการถูกเธอผลักล้มมาเหมือนว่าจะคุ้มค่า
น่าเสียดาย
ทำไมเธอถึงไม่ทำต่อไปล่ะ?
ฉินฉู่ส่ายหน้าแล้ว “ทำเรื่องถึงกลางคันแล้วยอมแพ้ ไม่ดี ไม่ดี”
เย้นเหวินหนาน “……”
“หน้าไม่อายจริงๆ”
เขาก็ไม่อยากมองฉินฉู่แล้ว
ฉินฉู่เพิกเฉิยสายตาดูถูกของเย้นเหวินหนานทันที และกลับมาที่อารมณ์เมื่อสักครู่หน่อย นึกถึงเรื่องที่สำคัญกว่า
เขารีบหยิบมือถือออกมา โทรศัพท์หาโห้หลีเฉิน
ในสายนั้น หลังจากรอสักพัก โห้หลีเฉินถึงรับโทรศัพท์
เสียงเย็นชาแบบเคย “เรื่องอะไร?”
“หลีเฉิน จะบอกเรื่องใหญ่นายอย่างหนึ่ง! พี่สะใภ้หัวใจหวั่นไหวแล้ว!”