สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 285 ถึงบ้านแล้ว
บทที่ 285 ถึงบ้านแล้ว
เธอมองท่าทางที่จริงจังนั้นของโห้หลีเฉิน หัวใจยิ่งเต้นสับสน
ผู้ชายคนนี้ ทำไมมักจะทำเรื่องที่คลุมเครือแบบนี้ ยั่วเย้าเธอจนจะไม่ไหวแล้วนะ
ไม่ได้ ไม่ได้ ดูต่อไปแบบนี้ไม่ได้ เธอต้องอดใจไม่ไหวอยากกระโจนใส่เขาแน่
เย้นหว่านรีบย้ายสายตาหนี ไม่กล้าไล่โห้หลีเฉินไปอีก ได้แต่ไปเก็บของอย่างอื่นของเธอ
ข้าวของของเธอไม่มากนัก ยังมีความช่วยเหลือของโห้หลีเฉินด้วย ไม่นานเท่าไรก็เก็บเสร็จแล้ว
ถึงแม้โห้หลีเฉินจะไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทว่าความสามารถติดตัวมาแต่เกิดเต็มร้อย พอทำออกมาดูเข้าท่า
หลังทานอาหารกลางวัน ทุกคนรวมตัวกันที่โถงใหญ่ เตรียมพร้อมเดินทาง
ตอนที่เย้ยหว่านมาถึงโถงใหญ่ เพื่อนร่วมงานคนอื่นล้วนเอากระเป๋าเดินทางมาถึงแล้ว ส่วนทีมงานของเมืองเจียงต่างมารอส่งพวกเขากันหมด
แต่เย้นหว่านกลับไม่เห็นฉูรั่วไป๋
ดวงตาเธอประกาย หมดหวังอยู่บ้าง หลังจากผ่านเรื่องเมื่อเช้ามา เกรงว่าฉูรั่วไป๋คงไม่อยากมาส่งแล้ว เป็นไปได้ว่าคงไม่อยากเจอเธออีก
หลังจากการกล่าวลาซึ่งกันและกันของคนทั้งสองเมือง อาลัยอาวรณ์จนไม่อยากกันอย่างไร ก็ต้องออกไปแล้ว
คนของโห้ถิงกรุ๊ปล้วนขึ้นรถบัสคันนั้นแบบตอนมา ตอนที่เย้นหว่านมาก็นั่งคันนี้มา เธอคิดจะตามขึ้นไป
พึ่งเดินมาสองก้าว กลับถูกโห้หลีเฉินจับข้อมือไว้
“นั่งรถของฉัน”
น้ำเสียงของเขาไม่ง่ายที่จะปฏิเสธ
ในเวลาเดียวกัน เว่ยชีขับรถแลมโบกินีมีระดับรุ่นลิมิเต็ดคันนั้นมา จอดตรงหน้าของรถบัสอย่างมั่นคง
นี่คืออยากปฏิบัติต่อเธอเป็นพิเศษต่อสาธารณชนสินะ
เย้นหว่านถูกคนมากขนาดนั้นมองอยู่ จึงเขินอายนิดๆ
“ความจริงฉันกับทุกคนนั่งรถบัสกลับไปด้วยกันก็ได้นะ”
โห้หลีเฉินไม่ให้ทางเลือกเธอปฏิเสธอีก ดึงเธอไว้ เดินไปทางแลมโบกินีโดยตรงอย่างเผด็จการ
จากนั้นผลักกระเป๋าเดินทางไปด้านหน้า เว่ยชีรีบรับเข้ามาอย่างฉับไว นำกระเป๋าเดินทางของทั้งสองคนวางใส่ท้ายกระโปรงรถ
วางกระเป๋าเดินทางเรียบร้อย คนยังโดนเขาจับไว้ เย้นหว่านไม่ตามไปขึ้นรถไม่ได้แล้ว
แต่พอเธอเงยหน้าก็เห็นสายตาที่อิจฉาของเพื่อนร่วมงานเหล่านั้น ชั่วขณะนั้นแก้มยิ่งแดงขึ้น รีบมุดศีรษะเข้าไปในรถ แล้วหลบขึ้นมา
เธอยังไม่คุ้นชินที่จะมีเรื่องคลุมเครือแบบนี้กับโห้หลีเฉินต่อหน้าผู้คนจริงๆ
โห้หลีเฉินตามหลังขึ้นรถมา ร่างสูงใหญ่นั่งมาด้านข้างของเย้นหว่าน ตำแหน่งนั้นเป็นระยะห่างที่ใกล้มากๆ เสื้อผ้าของทั้งสองเกือบติดด้วยกัน
เย้นหว่านรีบขยับตัวไปทางหน้าต่าง ดึงระยะห่างกับเขาออกนิดๆ ขนาดนั้น
แก้มของเธอยังคงแดงอย่างรุนแรง หันหน้าไว้ มองทางนอกหน้าต่างแบบตรงๆ
โห้หลีเฉินมองท่าทางนี้ของเย้นหว่านแล้วไม่ถือสา เม้มริมฝีปากสั่งการ “ออกรถ”
“ครับ คุณผู้ชาย”
เว่ยชีสตาร์ทรถ ขับไปข้างหน้าด้วยความคงที่
ส่วนคนที่รถบัสด้านหลังยังขึ้นกันไม่ครบหมด แต่เห็นได้ชัดมากว่าโห้หลีเฉินไม่ได้มีความหมายอยากรอพวกเขา
ในสายตาของเขาคนที่สนใจ แต่ไหนแต่ไรมีเพียงเย้นหว่านคนเดียวเท่านั้น
เย้นหว่านมองไปทางด้านนอกจากกระจกรถ มองเห็นโรงแรมที่พักมาอยู่นานช่วงหนึ่งแห่งนี้ นับวันยิ่งไกลออกไป
ส่วนคนที่เมืองเจียงเหล่านั้น นับวันยิ่งเปลี่ยนไปเป็นตัวเล็กลง
ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่ได้มองเห็นฉูรั่วไป๋เลย
อารมณ์ของเธอเก็บกดอยู่บ้าง และตกต่ำ เป็นเพราะเศร้าอาลัยสถานที่ที่พักมานานขนาดนี้อยู่บ้าง และเสียใจอยู่บ้าง ตอนที่จากไป แม้แต่คำร่ำลายังไม่ทันได้พูดกับฉูรั่วไป๋สักคำ
ช่วงเวลานี้ฉูรั่วไป๋ช่วยเหลือเธอมากมายจริงๆ ดีต่อเธอมาก เธอเห็นเขาเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ คนหนึ่งด้วยใจจริงมาตั้งแต่แรก
น่าเสียดาย……
โห้หลีเฉินมองสีหน้าเย้นหว่านในสายตา ขมวดคิ้วเล็กน้อย ภายในใจไม่ค่อยสบายเท่าไร
เขาพูดเสียงทุ้ม “ในเมื่อปฏิเสธเขาไปแล้ว ยังเสียใจอะไร?”
น้ำเสียงของเขามีความอิจฉาพอสมควรอย่างเลี่ยงไม่ได้
สำหรับเขาอารมณ์แบบนี้ของเย้นหว่าน หมายถึงยังสนใจต่อฉูรั่วไป๋ตั้งแต่ต้นจนจบ
เขาไม่ชอบให้ในใจของเธอมีตำแหน่งของผู้ชายคนอื่น ไม่ได้เลยสักนิดเดียว
เย้นหว่านมองนอกหน้าต่างแบบใจลอย ไม่ได้คิดมาก เหมือนระบายความรู้สึก ตอบไปโดยจิตใต้สำนึก
“มีบางคน มีบางความรู้สึก ก็ไม่ใช่ความรัก แต่กลับสำคัญมากเช่นกัน ฉูรั่วไป๋เขาเป็นเพื่อนที่ฉันใส่ใจมาก”
เป็นเพื่อนที่ใส่ใจมาก ดังนั้นเธอถึงผิดหวังที่เสียไป ถึงได้เสียใจ
นี่ไม่เกี่ยวกับความรัก
โห้หลีเฉินคิ้วที่ขมวดอยู่ถึงได้คลายออกนิดๆ แต่ยังคงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร
แม้กระทั่งเขาอยากขุดฉูรั่วไป๋ออกมาจากในใจเย้นหว่าน นำความทรงจำทั้งหมดของเย้นหว่านที่เกี่ยวกับฉูรั่วไป๋กำจัดทิ้งให้หมด จะให้เขาเป็นเพื่อนแบบนี้ได้อย่างไร
แต่……
ถึงที่สุดโห้หลีเฉินก็ทนทำเรื่องใดๆ ต่อเย้นหว่านไม่ได้
ได้แต่ทำให้ชาตินี้ฉูรั่วไป๋ไม่มีโอกาสเจอเย้นหว่านได้
ความเร็วของแลมโบกินีไวมาก ไม่นานก็หายลับไปจากสายตาหน้าประตูโรงแรมนี้
คนอื่นๆ ค่อยๆ ขึ้นรถบัสกันหมดแล้ว โบกมือร่ำลา รถบัสขับออกไปไกล
คนที่เมืองเจียงมองตามพวกเขาจากไป จากนั้นถึงได้แยกย้ายกันกลับไป
หน้าประตูโรงแรมเต็มไปด้วยกลิ่นอายจากลา ไม่นานก็แยกย้าย ไม่มีภาพผู้คนอีก
แต่กลับไม่มีใครมองเห็นว่าบนระเบียงทางเดินที่หลบมุมอยู่ล่างตึกที่หนึ่ง มีภาพคนสูงโปร่งยืนอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ
เป็นฉูรั่วไป๋
ไม่รู้ว่าเขายืนอยู่นานแค่ไหน ตรงดิ่งเหมือนเปลี่ยนมาเป็นหินอย่างนั้น
สายตาของเขามองทางที่เย้นหว่านจากไปมาตลอด ความมืดสลัวด้านใน หมดหวังจนดึงคลื่นกระเพื่อมใดๆ ไม่ขึ้น
“เสี่ยวหว่าน ลาก่อน”
เขาอ้าริมฝีปากอย่างยากลำบาก พ่นคำกล่าวลาออกมา เบามากๆ
…………
ตอนเช้าเย้นหว่านถูกปลุกให้ตื่น เนื่องจากตื่นเช้า เธอจึงไม่ได้นอนจนอิ่ม หลังจากขึ้นรถ พอแบกอารมณ์ที่ซับซ้อนตกต่ำ กลับหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา คาดไม่ถึงกลับมาถึงเมืองหนานแล้ว
เย้นหว่านมองคฤหาสน์ด้านนอกหน้าต่าง แก้มแดงเล็กน้อย อายอยู่บ้าง
เธอเป็นหมูเหรอ คาดไม่ถึงหลับมาตลอดทาง
โห้หลีเฉินอ้อมตัวรถเข้ามา ดึงประตูรถเปิดให้เย้นหว่านด้วยตนเอง เขายื่นมือออกไปทางเธอ
“กลับบ้านแล้ว”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่ม เหมือนน้ำพุปะทะก้อนหินกังวานไพเราะ
ส่วนคำว่าบ้านที่เขาบอกนั้น ยิ่งเหมือนเอาค้อนน้อยๆ ทุบบนหัวใจของเย้นหว่าน
บ้านเหรอ?
คำนี้ทำให้คนใจสั่นไหว
แต่ที่นี่เป็นเพียงสถานที่พักชั่วคราวของเธอไม่ใช่เหรอ
เย้นหว่านอารมณ์ซับซ้อน เม้มริมฝีปาก หลบออกจากมือของโห้หลีเฉินที่ยื่นมา เดินออกมาจากในรถ
มือของโห้หลีเฉินค้างอยู่กลางอากาศ เกินคาดอยู่หน่อย
สายตาล้ำลึกของเขามองเย้นหว่านอยู่ ไม่ได้พูดอะไรมาก คิดว่าเธอเพียงแค่พึ่งกลับมา ยังไม่ได้คุ้นเคย
โห้หลีเฉินรับกระเป๋าเดินทางจากในมือของเว่ยชีเข้ามาทั้งหมดแบบเป็นธรรมชาติมาก
“นายเลิกงานได้แล้ว”
โห้หลีเฉินบอกไป
“ครับ คุณผู้ชาย”
เว่ยชีมองโห้หลีเฉินและเย้นหว่านอย่างความหมายลึกซึ้ง เขาเลิกงานเร็วขนาดนี้ แน่นอนรู้ดีว่าต้องเหลือช่องว่างตามลำพังให้พวกเขาสองคน
เขาที่เป็นก้างขวางคอนี้ ย่อมต้องถอยออกไปเองอย่างรู้ตัวดี
โห้หลีเฉินลากกระเป๋าเดินทางสองใบอย่างเป็นธรรมชาติเป็นพิเศษไปด้านหน้าก่อน ก่อนจะเดินไปด้านในคฤหาสน์
เย้นหว่านยืนอยู่ด้านหลังเขา มองเขาที่เป็นแบบนี้ ในใจมีความรู้สึกที่พูดไม่ถูก
แปลกประหลาดอยู่บ้าง
โห้หลีเฉินทำแบบนี้ ดูขึ้นมาเหมือนสามีที่พึ่งไปเที่ยวกลับมา ขนกระเป๋าให้เธอ กลับมาบ้านด้วยกันกับเธอ
แต่ว่าในใจเย้นหว่านกลับเหมือนมีก้อนหินทับไว้ ลำบากใจมาก