สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 292 ปล่อยวางได้จริงเหรอ
บทที่ 292 ปล่อยวางได้จริงเหรอ
“ฮ่าๆ เสี่ยวหว่าน เธอบอกว่าเดินช็อปปิ้ง คืนคำไม่ได้นะ!” ทันใดนั้นคนคนหนึ่งบนเตียงก็เด้งขึ้นมา
เย้นหว่านตกใจยกหนึ่ง มองกู้จื่อเฟยผมยาวยุ่งเหยิง ถึงนึกได้เมื่อคืนพวกเธอกอดกันไว้หลับไปด้วยกัน
เธอตบๆ หน้าอก “จื่อเฟย เธอเป็นกระต่ายตื่นตูม เกือบทำฉันตกใจตายแล้ว!”
“หึๆ” กู้จื่อเฟยหัวเราะ อ้าแขนทั้งคู่กอดเย้นหว่านไว้ “ฉันไม่สนๆ เธอบอกว่านัดกับฉันไปเดินช็อปปิ้งแล้ว ถ้ากล้ามาแอบอ้างเพื่อเอาตัวรอด ฉันจะกลายเป็นเลสเบี้ยนจัดการเธอซะ!”
ขณะพูด หล่อนก็แทะบนไหล่
เย้นหว่านรีบผลักศีรษะของหล่อนไว้ พูดอย่างจำใจ “ได้ ช็อปปิ้ง ฉันยังไม่เดินได้รึไง?”
“อืม เสี่ยวหว่านเธอดีที่สุดเลย ฉันไปอาบน้ำแต่งหน้าแล้วนะ” กู้จื่อเฟยดีใจดึงผ้าห่มออก ลุกขึ้นวิ่งไปที่ห้องน้ำ
เย้นหว่านมองภาพด้านหลังของหล่อน มุมปากฉีกรอยยิ้มบางๆ ขึ้น
ในความจริงเธอรู้ว่าเดิมทีกู้จื่อเฟยไม่ได้อยากเดินช็อปปิ้ง เพียงแค่เห็นเธออยู่บ้านกลัดกลุ้มมาหลายวัน จึงอยากหาวิถีทางพาเธอออกไปสูดอากาศสดชื่นเท่านั้นเอง
ก็ดี ออกไปเดินช็อปปิ้ง พรุ่งนี้ก็ทำงานแล้ว ถึงตอนนั้นตั้งใจทำงาน ไม่นานต้องลืมทุกอย่างได้แน่
เย้นหว่านคิดแล้วก็ลุกจากเตียงไปล้างหน้า หาเสื้อผ้าที่ชอบเปลี่ยน
อีกทางหนึ่ง คฤหาสน์เก่า
จูเหลียนอีงนั่งบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่น อึมครึมอย่างมาก
หลายวันขนาดนี้ หลีเฉินไม่กลับมา ตอนนี้โทรศัพท์หาเสี่ยวหว่าน เสี่ยวหว่านก็ไม่กลับมา นี่พวกเขาเป็นอะไรกันแล้ว?
คงไม่ใช่เกิดปัญหาหรอกมั้ง?
จูเหลียนอีงคิดอยู่ เสียงฝีเท้าดังขึ้น
ผู้ดูแลบ้านวิ่งเข้ามาอย่างลนลาน พูดอย่างเคารพนบน้อม “คุณนายใหญ่ครับ ได้ยินข่าวว่าคนของตระกูลเย้นปรากฏตัว มาที่นี่แล้ว อยากตามหาเย้นหว่าน”
จูเหลียนอีงสีหน้าอึมครึม การกระทำของพวกเขาคาดไม่ถึงจะเร็วขนาดนี้
ดูแล้วเรื่องงานแต่งนี้เลื่อนอีกไม่ได้แล้ว
หล่อนเอ่ยปากสั่ง “กำหนดช่วงแต่งงาน จัดพิธีแต่งงานทันที เดี๋ยวนายไปจัดเตรียมการ”
ผู้ดูแลบ้านพยักหน้ารับคำสั่ง “ครับ คุณนายใหญ่”
“เดี๋ยวก่อน” จูเหลียนอีงนึกอะไรได้ พูดเสริมไป “นายไปค้นหาสักหน่อย วันนี้คุณเย้นไปเดินช็อปปิ้งที่ไหน เตรียมรถให้ฉันด้วย ฉันจะเข้าไปรับเธอด้วยตัวเอง”
ในสายโทรศัพท์เมื่อสักครู่ หล่อนจะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่าเย้นหว่านจงใจหลบหน้า?
เวลานี้หล่อนออกหน้าด้วยตนเอง เย้นหว่านน่าจะไว้หน้าให้หล่อนสักครั้ง
“ได้ครับ” ผู้ดูแลบ้านรีบถอยออกไป
จูเหลียนอีงถึงหยิบมือถือออกมา ต่อสายไปหาโห้หลีเฉิน
ไม่นานโทรศัพท์ก็ต่อสายติด ในมือถือเสียงโห้หลีเฉินที่เคารพแบบเดิมลอยมา “คุณย่า”
ตอนนี้จูเหลียนอีงไม่แน่ใจว่าเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นกับสองคนนี้หรือไม่ คิดแล้วยังตัดสินใจยังไม่บอกแผนการของหล่อนกับโห้หลีเฉิน
หล่อนเอ่ยปาก “ตอนกลางวันหลานกลับมาสักหน่อย มีเรื่องสำคัญมากอย่างปรึกษากับหลาน”
“คุณย่าครับ เรื่องอะไร? สองวันนี้ผมยุ่งนิดหน่อย” เสียงของโห้หลีเฉินเหนื่อยล้าอยู่บ้าง
ตั้งแต่คืนนั้นที่ออกมาจากบ้านกู้จื่อเฟย เขาก็ทุ่มเททั้งกายใจไปกับงาน นอกจากนอนหลับ ก็เกือบไม่มีเวลาหยุดพัก
เพราะพอหยุดลงมา เขากลับคิดถึงเย้นหว่านผู้หญิงที่สมควรตายคนนั้นอย่างควบคุมไม่ได้!
จูเหลียนอีงย่อมไม่บอกโห้หลีเฉินเป็นธรรมดาว่าเป็นเรื่องการแต่งงาน หล่อนบอกไปทันที
“ทำไม ตอนนี้ย่าเรียกหลานกลับมา ต้องนัดล่วงหน้าด้วยเหรอ?”
โห้หลีเฉินได้ยินผู้อาวุโสโกรธ จึงเก็บอารมณ์กลับคืน “คุณย่า ไม่ใช่อย่างนั้น งั้นฟังคุณย่าแล้วครับ ตอนเที่ยงผมจะหาเวลาว่างกลับไป”
จูเหลียนอีงถึงพยักหน้าอย่างพอใจ “อืม ดี ย่าจะให้ห้องครัวทำอาหารที่หลานชอบไว้”
กลัวโห้หลีเฉินจะเปลี่ยนใจ พูดจบหล่อนก็วางสายโทรศัพท์ทันที
พอดีเวลานี้ผู้ดูแลบ้านค้นหาข่าวเรียบร้อย เดินเข้ามารายงาน
“คุณนายใหญ่ครับ ยืนยันตำแหน่งของคุณเย้นแล้ว และเตรียมรถพร้อมแล้วครับ”
“ดี งั้นเดี๋ยวออกเดินทาง อย่าลืมบอกที่ห้องครัว ข้าวเที่ยงทำเยอะๆ สักหน่อย” จูเหลียนอีงนึกถึงว่านานมากแล้วที่ไม่ได้ทานข้าวกับเด็กสองคนนี้ ในใจเต็มไปด้วยความใฝ่ฝัน
ถ้าหลังพวกเขาแต่งงานกัน มีลูกที่น่ารักอีกสักคน นั่นคงคึกคักมาก
เวลานี้เย้นหว่านเดินช็อปปิ้งกับกู้จื่อเฟย
ตอนนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดู ในร้านค้ามีเสื้อผ้าแบบใหม่มากมาย
กู้จื่อเฟยลองหลายชุดมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ในมือถือถุงสองใบ
แม้แต่เย้นหว่าน ไม่ได้ทะเลาะกับหล่อนยังซื้อไปสองชุด
ถึงแม้ว่าสำหรับเธอเสื้อผ้านั้นจะไม่ได้ถึงขั้นที่กู้จื่อเฟยบอกว่าอลังการงานสร้างขนาดนั้นก็ตาม
เห็นกู้จื่อเฟยอยากเข้าร้านเสื้อผ้าอีกแห่งหนึ่ง เย้นหว่านรีบดึงหล่อนไว้ “จื่อเฟย นี่เธออยากจะซื้อจนหมดตัวเหรอ?”
กู้จื่อเฟยพยักหน้าอย่างไม่ลังเลสักนิด “ใช่สิ ยากที่จะได้ออกมาช็อปปิ้งกับเธอนะ แน่นอนว่าต้องซื้อๆๆ อย่างมีความสุข เธอก็ด้วย ซื้อชุดใหม่มากๆ หน่อย รองเท้าใหม่ ดีที่สุดตั้งแต่หัวจรดเท้าเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เริ่มต้นชีวิตใหม่”
พูดถึงตรงนี้ สายตาของกู้จื่อเฟยตกลงที่ผมของเย้นหว่าน พูดแนะนำ
“ถ้าไม่อย่างนั้นเธอเปลี่ยนทรงผมเถอะ? ฉันรู้สึกว่ารูปหน้าเธอดูดี ทำผมสั้นก็สวยมากเลย”
“ไม่ได้ ฉันไม่ชอบผมสั้น” เย้นหว่านรีบดักไว้ กลัวกู้จื่อเฟยลากเธอไปร้านทำผมเข้าจริงๆ
โดยเฉพาะเพื่อนรักคนนี้ ถึงแม้จะดีแค่ไหน แต่หลายครั้งก็บุ่มบ่าม หัวร้อน
กู้จื่อเฟยเห็นเธอลนลาน จึงหัวเราะ “แค่ล้อเล่นกับเธอเอง เสี่ยวหว่าน พวกเรานั่งพักอยู่ที่นี่สักหน่อยเถอะ”
ที่นี่เป็นร้านเครื่องดื่มข้างทางพอดี
เย้นหว่านเดินมาเหนื่อยบ้างจริงๆ เธอพยักหน้า นั่งลงกับกู้จื่อเฟย
กู้จื่อเฟยสั่งน้ำผลไม้สดสองแก้ว บวกกับเค้กมัทฉะสองชิ้น ถึงนั่งลงที่นั่ง
แต่ทว่ารอยยิ้มบนหน้าหล่อนก็หายไป แทนที่ด้วยความจริงจัง
หล่อนมองเย้นหว่านพลางถาม “เสี่ยวหว่าน นี่ผ่านมาเจ็ดวันแล้ว เธอรู้สึกยังไงบ้าง?”
“อะไรเป็นยังไงบ้าง?” เย้นหว่านถามอย่างมึนงง
กู้จื่อเฟยพูดตามตรง “แน่นอนว่าโห้หลีเฉินไง เธอปล่อยมือได้จริงมั้ย?”
เย้นหว่านได้ยินโห้หลีเฉินสามคำนี้อีกครั้ง สีหน้ามืดมน จากนั้นบอก
“เธอเห็นสภาพหลายวันนี้ของฉันเหมือนท่าทางปล่อยวางไม่ได้เหรอ?”
“เหมือน!” กู้จื่อเฟยพูดคำหนึ่งออกมาอย่างหนักแน่น ไม่รอเย้นหว่านตอบ หล่อนวิเคราะห์แบบมุมมองผู้ชม
“เสี่ยวหว่าน ฉันเป็นเพื่อนสนิทเธอที่สุด ดังนั้นถึงอยากวิเคราะห์เธอสักหน่อย หวังว่าเธอฟังจบแล้วจะไม่โกรธ
อันดับแรกนะ โห้หลีเฉินเป็นผู้ชายที่ดีเลิศและสมบูรณ์แบบจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดูออกว่าเขาสนใจเธอมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นคืนนั้นคงไม่ตามมาหาถึงที่กลางดึกหรอก
ถ้าเธอเดินไปด้วยกันกับเขาได้ ฉันจะอวยพรจากใจจริงเลย
จากนั้นล่ะ เหมือนแบบที่เธอคิดไว้ในใจ เธอกับโห้หลีเฉินมีระยะห่างกันจริง คบกันกับเขาต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรค ความยากลำบากมากมายแน่ หลายปีนี้ หลังแต่งงานล้วนไม่มั่นคงกัน อย่าว่าแต่โห้หลีเฉินผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้เลย
ดังนั้นนะ ฉันอยากบอกกับเธอว่าถ้าปล่อยวางได้จริง ต่อไปหาคนที่ธรรมดาหน่อย แฟนที่เหมาะสมกับเธอ ก็จะดีมาก
สรุปไม่ว่าสุดท้ายเธอจะตัดสินใจอย่างไร ฉันล้วนยืนอยู่ด้านหลังเธอเสมอ สนับสนุนเธอ อยู่เคียงข้างเธอ”
กู้จื่อเฟยพูดตั้งมากมาย แต่ละคำล้วนเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจริงของหล่อน
เย้นหว่านรู้ว่ากู้จื่อเฟยทำเพราะหวังดีต่อเธอ
คำพูดเหล่านี้ พูดได้ถูก
เธอยื่นมือมากุมมือของหล่อนไว้ พูดเสียงที่ละมุน
“จื่อเฟย เธอเห็นแล้ว คืนนั้นฉันกับโห้หลีเฉินพูดกันชัดเจนที่สุด ฉันว่าต่อไปพวกฉันคงไม่มีโอกาสเจอหน้ากันอีกแล้ว
ถึงแม้จะมี เขาก็คงไม่สนใจฉันอีก ดังนั้นฉันกับเขาคงไม่อาจเดินไปด้วยกันได้
ที่เธอพูดก็ถูก ต่อไปฉันควรจะหาคนที่เหมาะสมกับฉัน แบบเรียบง่าย ใช้ชีวิตที่สงบ
แต่ว่านั่นเป็นเรื่องในอนาคต ฉันอยากจะเป็นโสดไปด้วยกันกับเธอ เป็นพวกคนโสดที่มีความสุข”
กู้จื่อเฟยได้ยินคำพูดจริงใจของเย้นหว่าน ถือว่าวางใจลงมาได้ในที่สุด
ถึงแม้หลายวันมานี้เย้นหว่านไม่ได้ร้องไห้แล้ว และไม่ได้จิตใจหงอยเหงาเศร้าซึม แต่หล่อนกลัวว่าเธอจะอึดอัดใจตาย ถึงตั้งใจพาเธอมาเดินเล่นซื้อของ
ตอนนี้ได้ยินความคิดของเธอ หล่อนไม่ต้องกังวลเธอว่าจะคิดไม่ตกแล้ว
หล่อนกำลังเอ่ยปาก เสียงที่คาดไม่ถึงกลับดังขึ้นมา