สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 298 แสงริบหรี่ในความสิ้นหวัง
บทที่ 298 แสงริบหรี่ในความสิ้นหวัง
“ความเจ็บของหล่อนในตอนนี้ เจ็บไปเท่าหนึ่งในร้อยของหลีเฉินมั้ย? ฉันจะให้หล่อนกับหลีเฉินรู้สึกเจ็บเหมือนกัน ให้หล่อนรู้ว่าหลีเฉินในห้องผ่าตัดกำลังทนรับความเจ็บทรมานอย่างไรกัน”
ขณะพูด คุณลุงก็ตบที่หน้าของเย้นหว่านอย่างหนักอีกทีหนึ่ง
ดวงตาของเย้นหว่านแม้กระทั่งเริ่มลาย มองสิ่งของไม่ค่อยชัด มุมปากของเธอเลือดสดออกมานิดๆ อย่างควบคุมไม่อยู่
บนแก้มเจ็บแบบร้อนผ่าว
แต่สายตาของเธอกลับยังคงชาอยู่ แม้กระทั่งสายตาล้วนมองที่ห้องผ่าตัดอย่างตาไม่กะพริบ
ราวกับขอเพียงเธอสามารถลืมตาไว้ได้ ยังมีชีวิตอยู่ ความเจ็บและการเหยียดหยามทั้งหมดอย่างอื่นล้วนไม่มีทางสั่นไหวเธอได้สักนิด พลังสมาธิทั้งหมดของเธออยู่เพียงที่ตัวของโห้หลีเฉิน
ถ้าไม่สามารถยืนยันได้ว่าเขาพ้นขีดอันตราย เส้นที่ตึงนั้นในใจเย้นหว่านคงไม่มีทางผ่อนคลายลง
การตอบสนองของเธอกลับกระตุ้นพฤติกรรมดุร้ายของคุณลุง
เขายิ่งตียิ่งแรงขึ้น มือนั้นยกขึ้นสูง อยากตีไปทางหน้าของเย้นหว่าน
“แอ๊ด……”
เวลานี้ ประตูห้องผ่าตัดเปิดทันใด
เย้นหว่านที่เหน็บชาเหมือนท่อนไม้นั้น แวบหนึ่งมีชีวิตขึ้น รีบร้อนพุ่งไปทางหน้าประตู แก้มบวมแดงอยู่ มาถึงด้านหน้าของหมอเป็นคนแรก
เสียงของเธอสั่นด้วยความประหม่า “คุณหมอ โห้หลีเฉินเป็นยังไงบ้างคะ?”
หมอสีหน้าเคร่งขรึม ในมือถือกระดาษแผ่นหนึ่งไว้
“คุณเป็นญาติของคนไข้หรือเปล่า? อาการคนไข้ไม่ดีนัก พวกเรากำลังช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ แต่ว่าต้องเซ็นหนังสืออาการป่วยในขั้นอันตราย”
หนังสือแจ้งอาการป่วยถึงขั้นอันตราย?
หลายคำนี้ เสมือนฟ้าผ่าฟาดมาบนตัวของเย้นหว่าน
เธอรอมานานขนาดนั้นด้วยความอกสั่นขวัญแขวน รอมาแล้วกลับได้รับคำพูดพวกนี้
เธอไม่กล้าแม้กระทั่งคิดว่าผู้ชายที่แข็งแกร่งและอ่อนโยนขนาดนั้น ถ้าไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ถ้าไม่ได้เจอเขาอีก เธอจะทำอย่างไร
ความรู้สึกที่อาจจะสูญเสียแบบนั้น ทำให้เธอเกือบคลุ้มคลั่ง
“เป็นไปไม่ได้! หลีเฉินจะไม่เป็นอะไร! คุณหมอ คุณจำเป็นต้องช่วยชีวิตเขาให้ฉัน ไม่ว่าต้องแลกกับอะไร ไม่อย่างนั้นพวกคุณทุกคนต้องตายชดใช้ให้ฉัน”
จูเหลียนอีงตะคอกอย่างโกรธแค้น บนหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยใบนั้น เวลานี้เต็มไปด้วยความดุร้ายและภูมิฐาน เบ้าตาแดงก่ำโหดร้ายจนทำให้คนหวาดกลัว
หมอคนนั้นมือที่ถือหนังสือแจ้งอาการป่วยขั้นอันตรายสั่นแล้วสั่นอีก บนหน้าผากเหงื่อตกทันที
หมอรีบพูดขึ้น “คุณนายใหญ่ตระกูลโห้ พวกเราจะต้องพยายามสุดกำลังแน่ เพียงแค่……”
“พยายามสุดกำลังก็รีบไสหัวไปช่วยเขาสิ! อย่ามาอืดอาดอยู่ข้างนอก ต้องการอุปกรณ์อะไร เลือด ถึงแม้ต้องเปลี่ยนอวัยวะภายใน ตระกูลโห้ก็สามารถหาออกมาให้คุณได้เดี๋ยวนี้ ฉันมีเพียงเงื่อนไขเดียว ช่วยเขาให้รอด!”
“ครับ ครับๆ”
หมอไม่กล้าพูดอะไรอีก หนังสือแจ้งอาการป่วยขั้นหนักก็ไม่กล้าให้ใครเซ็นแล้ว รีบไสหัวกลับไปห้องผ่าตัดอีก
หนังสือแจ้งอาการป่วยขั้นหนักนี้เป็นหลักประกันของหมอเอง ถ้าคนไข้เกิดเหตุไม่คาดคิด หมอไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัวคนทั่วไป ทว่าเป็นตระกูลโห้
ท่าทีนั้นของจูเหลียนอีงสามารถพูดได้ว่าชัดเจนมาก ถ้าโห้หลีเฉินเกิดเรื่องอะไรขึ้น นั้นพวกเขาแพทย์กลุ่มนี้ก็ล้วนต้องตายตามไปหมด
หนังสือแจ้งอาการป่วยขั้นหนักนี้ เซ็นไปก็ไม่มีประโยชน์
พวกเขาอยากรอด จำเป็นต้องทุ่มสุดแรงช่วยชีวิตโห้หลีเฉินไว้
ประตูห้องผ่าตัดไม่นานก็ปิดสนิทอีก เหมือนการแลกเปลี่ยนความตรงกันข้ามสองทาง พอปิดลง ก็กั้นโลกทั้งสองไว้
เย้นหว่านมองประตูนั้นน้ำตาคลอ หัวใจตึงแน่นถึงขั้นสุดอีกครั้งหนึ่ง
ในสมองประกายหนังสือแจ้งอาการป่วยขั้นหนักฉบับนั้นกลับไปกลับมา
ตอนนี้อาการของโห้หลีเฉินย่ำแย่มาก ย่ำแย่มาก
เขาแข็งแกร่งขนาดนั้น คงไม่เป็นอะไรมั้ง? คงไม่หรอกมั้ง
เธอกำลังปลอบใจตนเอง เวลานี้ ประตูห้องผ่าตัดกับถูกผลักออกอีกครั้งหนึ่ง
หมอที่เลือดเต็มตัววิ่งออกมา บนหน้าที่เผยความลนลานและหวาดกลัวอย่างชัดเจน
“คนไข้เขา เขาเสียเลือดมาก อัตราสัญญาณชีพลดลง เกรงว่า เกรงว่า……”
“ช่วยเขา! ช่วยชีวิตเขา!”
จูเหลียนอีงได้ยินคำพูดนี้ ชั่วขณะนั้นได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ตะคอกอย่างฮึกเหิม
แต่ร่างกายของหล่อนยังสั่นสะเทือนอย่างควบคุมไม่ไหว ยืนก็ยืนไม่นิ่ง เหลือเพียงลมหายใจขึ้นลง ดวงตาเบิกโตไม่เชื่อผลลัพธ์อันนั้น
หมอยืนแข็งทื่อ สีหน้าอึดอัดใจมาก พูดไม่ออกสักคำเดียวอีก
ไม่สามารถรักษาสถานการณ์ได้
เขาอยากบอก กลับไม่กล้าบอก
เย้นหว่านเข้าใจความหมายของหมอที่ไม่ได้พูดจบ พวกเขาหมดความสามารถหมดกำลังแล้ว
โห้หลีเฉิน ช่วยไม่ได้แล้ว?
ความหมายนี้ปรากฏอยู่ภายในสมองของเย้นหว่าน เหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ค้ำจุนเธอไว้ พังถล่มลงทันที
เธอหมอบนั่งที่พื้นฉับพลัน ในสมองว่างเปล่า
“เป็นเธอ เป็นเธอนังคนเลว ทำร้ายหลีเฉินแล้ว!”
คุณป้าใหญ่ด่าอย่างโมโห ถีบมาที่ตัวเย้นหว่านทีหนึ่ง
ร่างกายของเย้นหว่านไม่มีเรี่ยวแรงตั้งนานแล้ว แวบเดียวจึงล้มลงบนพื้น บนร่างกายมีความเจ็บลอยมา
และคำพูดที่ทำร้ายเธอที่สุดก็คือทำร้ายแล้วสามคำนี้
โห้หลีเฉินจะตายเหรอ?
เขาจะตายแล้วเหรอ?
ถ้าบนโลกใบนี้ไม่มีโห้หลีเฉินคนนี้อีกต่อไป โลกใบนั้นยังมีความหมายอีกเหรอ?
เขาคล้ายกับเป็นที่พักพิงเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ของเธอ
หัวใจเย้นหว่านหดเย็บเป็นพักๆ ราวกับจะขาดอากาศตายไป เดิมทีไม่มีทางยอมรับผลลัพธ์นี้ได้
ในระเบียงทางเดิน เวลานี้เป็นเสียงก่นด่าตั้งนานแล้ว
ถึงแม้เป็นจูเหลียนอีง ก็ค้ำหยันไม่ไหว เหมือนกับชั่วขณะนั้นแก่หง่อมลงสิบปี ผมหงอกและริ้วรอยที่เต็มหน้านั้น รักษาบุคลิกต่อไปไม่ได้อีก หน้าซีดเผือดเหมือนคนแก่วัยไม้ใกล้ฝั่งอย่างแท้จริง
เย้นหว่านเบ้าตาแดงก่ำ เจ็บปวดแสบอย่างรุนแรง แต่น้ำตาของเธออย่างไรก็ไม่ร่วงลงมา
เธอไม่เชื่อว่าโห้หลีเฉินจะตาย
เขาแข็งแกร่งขนาดนั้น จะต้องไม่ตายแน่นอน
เธอจะไม่ให้เขาตาย ไม่เด็ดขาด!
“คุณหมอ ฉันขอร้องคุณนะ ช่วยเขาหน่อย ช่วยเขาด้วยเถอะ! เขาเป็นโห้หลีเฉินนะ พลังชีวิตของเขาเข้มแข็งมากที่สุด ขอเพียงพวกคุณพยายามดึงเขาไว้ เขาต้องมีชีวิตต่อไปได้แน่”
เย้นหว่านไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น จับขากางเกงของหมอไว้ก่อน อ้อนวอนอย่างขมขื่น
หมอก็แข็งทื่อไปทั้งตัวอย่างแรง เทียบกับการประกาศการตายหลายปีนี้มา สิ่งที่เขาหวาดกลัวที่สุดก็คือตอนนี้
คนที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัดนั่นคือโห้หลีเฉิน เจ้าตัวเป็นผู้สืบทอดของตระกูลโห้ที่อำนาจอิทธิพลสูงสุด ถ้าเขามีเรื่องอะไร ชีวิตพวกเขาทั้งกลุ่มนี้คงต้องห้อยติดเข้าไปด้วย
แต่ว่ามีวิธีอะไรได้อีกเหรอ? พวกเขาพยายามใช้ทุกอย่างที่เรียนมา ก็ไม่มีทางช่วยผู้ชายคนนี้ให้มีชีวิตรอดได้
“ขอโทษครับ พวกเราพยายามสุดแรงแล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ยื้อชีวิตขั้นสุดท้าย นอกจากเป็นฮัวโต๋มีชีวิตอยู่ ไม่มีใครช่วยเขาได้อีกแล้ว”
ฮัวโต๋มีชีวิต?
เย้นหว่านตะลึงฉับพลัน
ทันใดนั้นเธอนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาได้
ถึงแม้หมอเหล่านี้ล้วนเป็นอาจารย์ใหญ่ผู้เชี่ยวชาญอันดับต้นของโลก แต่ว่าป่ายฉีเป็นตำนานทั้งวงการแพทย์ ในตำนาน มีตัวตนที่มีเลือดเนื้อกระดูก เทียบกับฮัวโต๋ในเทพนิยายนั้น สามารถแย่งคนมาจากในมือของพญามัจจุราช
ถ้าเป็นเขา บางทีอาจสามารถช่วยชีวิตโห้หลีเฉินได้
เย้นหว่านเหมือนหาแสงริบหรี่ในความสิ้นหวังเจอ แวบเดียวเธอก็ลุกยืนจากที่พื้น พุ่งออกจากในฝูงชนวิ่งไปทางด้านนอก
ระดับความเร็วทั้งไวทั้งรีบ ไม่ได้สนใจบาดแผลและความเจ็บที่โดนตีบนตัวเธอเลยสักนิด