สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 322 ทำไมคุณถึงรีบร้อนขนาดนั้น
บทที่ 322 ทำไมคุณถึงรีบร้อนขนาดนั้น
“จริงๆแล้วฉันตั้งใจมากๆเลยนะ”
ขณะที่เย้นหว่านพูด ก็ยื่นมือออกไปเพื่อปลดกระดุมเสื้อคนไข้ของโห้หลีเฉิน ท่าทางที่จริงจังของเช่นนั้น ดูเหมือนจะมาแทนที่งานทั้งหมดของคุณหมอแล้ว
สีหน้าของโห้หลีเฉินเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า เดิมทีเขาไม่อยากให้เย้นหว่านเห็นบาดแผลของเขาและทำให้เธอกลัว แต่ถ้าเธอทายาให้เขาอีกครั้งด้วยตัวเอง มันจะไม่เพียงแค่มองเห็นแล้ว แต่ได้มองเห็นอย่างดูละเอียดและชัดเจน
จนปัญญา โห้หลีเฉินคว้าข้อมือของเย้นหว่านไว้
“คุณยืนอยู่ข้างๆ และให้หมอจัดการให้ผม”
เมื่อเห็นโห้หลีเฉินเอ่ยปากพูด เย้นหว่านก็ก้าวถอยหลังไปสองก้าวทันที เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับคุณหมอออกมา
เธอพูดว่า “ฉันจะเป็นผู้ช่วยให้พวกคุณเอง”
โห้หลีเฉินจนปัญญา “ไม่จำเป็น คุณแค่นั่งลงก็พอแล้ว”
“แต่ฉันอยากทำอะไรเพื่อคุณสักหน่อยนี่นา”
เย้นหว่านยืนอยู่ข้างชั้นวางยา และรีบไปแย่งอุปกรณ์ที่คุณหมอต้องการใช้อย่างคล่องแคล่ว
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอ ดูเหมือนว่าเธอได้ศึกษาอย่างเป็นพิเศษมานานแล้ว
ดวงตาของโห้หลีเฉินกะพริบแสงเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขามองไม่เห็นความตั้งใจของเย้นหว่านที่มีต่อเขา แต่เขาก็รู้ว่า ที่เธอกระตือรือร้นขนาดนี้เป็นเพราะอะไร
ช่วงเวลานี้ โห้หลีเฉินใช้ให้เย้นหว่านไปซื้ออาหารเช้า เย้นหว่านก็ถือโอกาสทำตามสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เห็นบาดแผลของโห้หลีเฉิน
แต่ว่าวันนี้ ยืนอยู่ไม่ไกล เธอมองเห็นบาดแผลบนร่างกายของเขาอย่างชัดเจน มองเห็นในสายตาทั้งหมด
เพียงแวบเดียว หัวใจของเธอก็หดตัวลงแล้ว
ได้เตรียมการมาเป็นเวลานานนับไม่ถ้วนแล้ว แต่ตอนที่ได้เห็นมันด้วยตาของตัวเองนั้น เย้นหว่านก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ มีของเหลวอุ่นๆพุ่งเข้ามานัยน์ตา ใกล้ที่จะหล่นร่วงลงมา
บาดเจ็บที่สาหัสเช่นนี้ โห้หลีเฉินจะไม่เจ็บปวดได้อย่างไร
โห้หลีเฉินมองไปที่สีหน้าของเย้นหว่าน ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย และพูดเสียงต่ำว่า
“ทนดูไม่ได้ก็อย่าดูเลย”
“ฉัน ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันโอเค”
เย้นหว่านกัดฟัน และยกยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าอย่างยากลำบาก
รอยยิ้มนั้น ไม่ได้เห็นว่าดูดีมากกว่าร้องไห้สักเท่าไหร่
โห้หลีเฉินมองเธอตรงๆ แต่ทว่ากลับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เธอห่วงใยเขา และสงสารเขา เขาสามารถมองออกได้
เธอเคยพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่าเธอไม่ชอบเขา ตอนนี้ ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ล่ะ?
ในใจของเธอ เขามีจุดยืนอยู่ตำแหน่งไหนกันแน่…
“คุณหนูเย้น รบกวนหยิบยาทาให้หน่อยครับ”
คุณหมอรักษาหลักหันศีรษะไปมองเย้นหว่าน และเรียกเธอด้วยเสียงเบา
เย้นหว่านถึงจะได้กลับมามีสติ และรีบพูดไปว่า “ได้ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ขณะที่พูด เธอก็ไปที่รถเข็นยาเพื่อหยิบยาทา แต่ทว่าเธอไม่ได้หยิบทายาหลอดนั้นโดยตรง เธอกลับพลิกมือหนึ่งครั้ง และแทนที่ด้วยยาหลอดนั้นที่ป่ายฉีให้เธอ
ด้านบนมีฉลากเดียวกันแปะอยู่ มองดูคล้ายๆกับเป็นยาชนิดเดียวกัน
เดิมทีคนอื่นส่งมอบยาเข้าไปนั้น จะมีคนดูแลและตรวจสอบส่วนกลางอยู่ แต่เมื่อผู้ส่งมอบยาเหล่านี้เป็นเย้นหว่าน ก็เลยกลับตกอยู่ในมือของคุณหมอรักษาหลักโดยตรง
คุณหมอรักษาหลักถือหลอดยานั้น นิ้วมือแกร่งแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ สีหน้าประหม่าเล็กน้อย
ยาหลอดนี้ ในโลกทางการคุณหมอ ถือว่าเป็นยาวิเศษที่ยังไม่ได้กำเนิด
คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะมีโอกาสได้ใช้มันสักครั้ง นี่เป็นสิ่งที่รุ่งโรจน์ที่สุด ในประวัติศาสตร์การเป็นหมอของเขาเลย
แต่ว่าน่าเสียดาย ทว่าไม่สามารถบอกให้คนนอกรู้ได้ ดังนั้นต้องแอบทำอย่างเงียบๆ
คุณหมอรักษาหลักใช้มันอย่างระมัดระวัง และไม่สิ้นเปลืองเลยสักนิดเดียว ทายาทั้งหมดให้โห้หลีเฉินอย่างระมัดระวังและรอบคอบ
เย้นหว่านเห็นว่ายาทาหลอดนี้ได้ถูกใช้ทาแล้ว หินก้อนใหญ่ที่แขวนอยู่ในใจ ก็ค่อยๆร่วงหล่นลงอย่างเงียบๆ
แม้ว่าจะแอบทำลับหลังโห้หลีเฉิน ตราบใดที่เขาสามารถหายได้เร็วขึ้น เรื่องอื่นๆก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่คุณหมอรักษาหลักทายาเสร็จแล้วนั้น ก็ส่งมันกลับไปยังเย้นหว่าน เย้นหว่านก็ถือโอกาสใช้วิธีการชั่วร้าย ล้างแผลตัวเดิม และนำตัวยาเก็บไปซ่อนไว้
ยาเหล่านี้เข็นออกไป จะถูกทำลาย และในวันพรุ่งนี้ก็จะล้างแผลตัวใหม่มา
แต่ว่าป่ายฉีให้เธอมาแค่หลอดเดียว ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนใหม่ไม่ได้
เย้นหว่านทำสิ่งที่ลับๆล่อๆเช่นนี้เป็นครั้งแรก และหลังจากที่ล้างแผลให้โห้หลีเฉินเรียบร้อยแล้วนั้น เธอก็มีเหงื่อออกมาเต็มหน้า
โห้หลีเฉินโบกมือเรียกเธอ “มานี่”
เย้นหว่านเดินไปที่ข้างเตียงอย่างเชื่อฟัง และถูกโห้หลีเฉินดึง ให้มานั่งข้างๆเขา
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืน และค่อยๆเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของเธออย่างช้าๆ
“แค่เป็นผู้ช่วย คุณก็เหนื่อยจนเป็นถึงเช่นนี้ เป็นเพราะร่างกายของคุณอ่อนแอมากเกินไปแล้ว หรือว่ามีเรื่องที่ทำให้รู้สึกละอายใจอะไรหรือเปล่า?”
เย้นหว่านถูกพูดเช่นนี้จนแก้มแดงระเรื่อ และความรู้สึกใจฝ่อมากขึ้นโดยฉับพลัน
เธอรีบแก้ตัวโดยทันที “เปล่าซะหน่อย ฉันก็แค่ ก็แค่…ครั้งแรกไม่ค่อยชำนาญ ครั้งต่อไปฉันก็หายแล้ว”
โห้หลีเฉินหรี่ตาลง “ต่อจากนี้ไปเวลาผมล้างแผล คุณก็จะมาตลอดเหรอ?”
“อืม”
เย้นหว่านพยักหน้าอย่างแน่วแน่ เธอมาถึงจะสามารถใช้ยาได้อย่างราบรื่น
โห้หลีเฉินใช้สายตามองไปที่เธอตรงๆ ลึกและซับซ้อน หลังจากนั้นไม่นาน เขาถึงจะใช้น้ำเสียงต่ำมากๆ พูดออกมาสองสามคำ
“คุณอยากให้ผมหายเร็วๆงั้นเหรอ?”
“แน่นอนสิ!”
เย้นหว่านพยักหน้ายืนยัน ดวงตาอย่างกระตือรือร้นและจริงจัง
เธอหวังว่าโห้หลีเฉินจะหายเร็วๆมากกว่าใครๆ จะได้รับความเจ็บปวดน้อยลงหน่อย
เมื่อเห็นความรู้สึกที่แท้จริงในดวงตาของเย้นหว่าน ดวงตาของโห้หลีเฉินก็หรี่ลง จนกระทั่งไม่เต็มใจที่จะคิดไปถึงเรื่องเลวร้ายอย่างเล็กน้อย
บางที เธออาจจะแค่กังวลเกี่ยวกับร่างกายของเขาเท่านั้นเอง
ส่วนตอนที่เขาหายดีแล้วนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้น…
โห้หลีเฉินไม่รู้ว่าในใจของเย้นหว่านตัดใจไม่ลงหรือเปล่า แต่ว่าคำพูดนี้ ทว่าเขาถามออกไปไม่ได้——
เนื่องจากเย้นหว่านได้เฝ้าดูทุกครั้งในการทายา ตอนที่กินยาก็เป็นเธอที่เตรียมยาไว้แล้วค่อยให้โห้หลีเฉิน เมื่อเห็นโห้หลีเฉินกินยา มองด้วยตาเปล่าก็มองเห็นว่ารับบาดแผลของโห้หลีเฉินดีขึ้นแล้ว
เดิมทีบาดแผลนั้นแย่มากจนไม่สามารถมองดูได้ แต่สองวันต่อมา เย้นหว่านก็พบว่า เริ่มมีแผลเป็นแล้ว
แม้แต่คุณหมอรักษาหลักก็ยังถอนหายใจออกมาเป็นการส่วนตัว นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์เลยจริงๆทักษะทางการคุณหมอของป่ายฉีนั้นช่างชั่วร้ายมากเกินไปแล้ว(เยี่ยมยอด)
เมื่อเห็นโห้หลีเฉินดีขึ้นแล้ว หัวใจของเย้นหว่านก็ค่อยๆปล่อยวางลง
ด้วยวิธีนี้ ผ่านไปอีกสองสามวัน โห้หลีเฉินก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว และเธอวางแผน ที่จะเซอร์ไพรส์เขาในวันที่เขาออกจากโรงพยาบาล
ช่วงเวลาที่ออกจากโรงพยาบาลก่อนเวลาที่กำหนดนี้ ทำให้เย้นหว่านทั้งดีใจและไม่เป็นธรรมชาติเพราะเซอร์ไพรส์คิดไว้ทั้งหมด ครั้งนี้ที่เธอเริ่มเตรียมตัว เวลาไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น
เธอจำเป็นต้องรีบไปทำ
แถมยังต้องทำลับหลังโห้หลีเฉินด้วย
ด้วยเหตุนี้ เย้นหว่านเห็นว่าบาดแผลของโห้หลีเฉินดีขึ้นแล้ว และหลังจากที่สามารถทำกิจกรรมง่ายๆบนพื้นดินตามปกติได้แล้ว เธอก็ไม่ได้ใช้เวลาเฝ้าดูยี่สิบสี่ชั่วโมงในห้องคนไข้อีกต่อไปแล้ว โดยเธอยุ่งอยู่กับการเตรียมของเซอร์ไพรส์
อารมณ์ของโห้หลีเฉินแย่ขึ้นมากกว่าเดิมลงทุกๆวัน
ตั้งแต่ที่เขาใช้ยาของป่ายฉี ร่างกายก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เดิมทีเฝ้าดูเขาอยู่ทั้งวัน ดูแลเขามาโดยตลอดอย่างเย้นหว่าน เป็นเวลานานที่ไม่ได้เห็นตัวคนนั้นอีกแล้ว
เมื่อเธอกลับมา ก็ไม่เคยบอกให้เธอไปทำอะไรอีกต่อไปแล้ว
โห้หลีเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า เมื่อก่อนเธอเคยดูแลเขาอย่างพิถีพิถันขนาดนั้น เพียงแค่อาการบาดเจ็บของเขา ตอนนี้หายดีแล้ว จิตใจของเธอก็ไม่ได้อยู่ที่เขาอีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล เธอวิ่งออกไปตลอดทั้งวันโดยไม่มีใครเห็น รอให้เขาออกจากโรงพยาบาล เธอก็จะหายไปจากสายตาของเขาโดยสิ้นเชิงใช่หรือไม่?
เดิมทีเขายังคงคิดว่า เธอจะตัดใจไม่ลงหรือเปล่า แต่พอดูจากตอนนี้ เธอจะตัดใจไม่ลงสักที่ที่ไหนกัน?
เธอกระตือรือร้นที่ให้เขาใช้ยาของป่ายฉี เพียงแค่อยากที่จะทิ้งเขาให้เร็วๆ
เขาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ยังคิดว่าผู้หญิงคนนี้มีเขาอยู่ในใจ
“เพล้ง”
โห้หลีเฉินสีหน้าเย็นชา นำอาหารทั้งหมดทุบบนโต๊ะ
บนพื้นมีอาหารตกลงเต็มไปหมด สาวใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ข้างๆตกใจจนเงียบเป็นเป่าสาก กดคอยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่กล้าขยับ
ในช่วงสองวันที่มานี้ ปรนนิบัติรับใช้คุณโห้ยิ่งลำบากมากขึ้น พวกเธอสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าก่อนหน้านี้เย้นหว่านใช้ชีวิตอย่างไรในการดูแลโห้หลีเฉิน