สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 337 ดูแลปรนนิบัติอย่างพิถีพิถัน
บทที่ 337 ดูแลปรนนิบัติอย่างพิถีพิถัน
“เชี่ย!”
ป่ายฉีพูดไม่ออกทั้งใบหน้า มองเย้นโม่หลินเหมือนกับมองสัตว์ประหลาด
พูดตามตรง เขากับเย้นโม่หลินเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กจนโต แต่ไอ้ผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนเจ้าชายตั้งแต่เด็กๆ เย็นชาและสง่างาม ทำเรื่องอะไรทำในแบบของตัวเองไม่สนใจคนอื่นมาโดยตลอด และมีความเอาแต่ใจตัวเองมากที่สุด
เขาไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำ ว่าเย้นโม่หลินจะตามใจใคร จะวนเวียนอยู่รอบๆตัวใคร
แต่ตอนนี้ เขาเห็นมันด้วยตาของเขาเอง เย้นโม่หลินผู้สง่างามคนนั้น เดินเข้ามาตรงหน้าของเย้นหว่านอย่างหน้าไม่อาย เพียงแค่เพื่อเข้าใกล้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เย้นโม่หลินเลิกคิ้ว และดวงตาของเขาก็เย็นชาและอันตรายในทันที
“ต่อหน้าน้องสาว อย่าพูดคำหยาบ”
ป่ายฉี “…”
มากเกินไปแล้วนะ! ใช้วิธีการต่างๆ แบบไม่ได้เล่ห์ ก็เอาด้วยกลเช่นนี้เพิ่มความมีตัวตนอยู่ต่อหน้าเย้นหว่าน ทำให้เหมือนเขาดูเป็นสุภาพบุรุษแบบนั้นแหละ
เขาไม่พูดคำหยาบ แต่ตอนที่ฆ่าคน ล้วนแต่ไม่มีสิ่งสกปรกติดอยู่เลย!
เย้นหว่านนั่งในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยไม่ทราบถึงการเผชิญหน้าและการเบียดกันระหว่างชายทั้งสองคนนี้
อารมณ์ของเธอไม่ค่อยดี มึนงงเล็กน้อย และไม่ได้อยากให้ความสนใจกับสิ่งต่างๆมากเกินไป
เมื่ออาหารตั้งโต๊ะแล้ว เธอก็เริ่มรับประทานอาหาร
เห็นเพียงบางสิ่งที่ดูเหมือนจะอร่อย กลิ่นและรสชาติครบถ้วน แต่เมื่อทานเข้าปาก กลับรู้สึกจืดชืดมากๆ และยากที่จะกลืนลงคอ
เย้นหว่านทานไปแค่สองคำ ก็วางส้อมลงแล้ว
เย้นโม่หลินมองเธอด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรไปเหรอ ไม่อร่อยเหรอ?”
เย้นหว่านพยักหน้า “เป็นเชฟชาวต่างชาติที่ทำสินะ ฉันอาจจะไม่ค่อยชิน”
ขณะที่พูด เธอกำลังจะลุกขึ้นยืน และเดินออกจากที่นั่งไป
เย้นโม่หลินกล่าวว่า “เสี่ยวหว่าน เดี๋ยวก่อน”
เขากวักมือเรียก และทันทีที่เห็นสาวใช้หลายคน เดินมาทีละคนพร้อมจานอาหาร
อาหารเหล่านี้วางไว้ตรงด้านหน้าของเย้นหว่าน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นอาหารเช้าจีน
เย้นหว่านตะลึง และมองไปที่เย้นโม่หลินด้วยความประหลาดใจ
เย้นโม่หลินอธิบายว่า “ฉันไม่ค่อยคุ้นในความชอบ และรสนิยมอาหารของเธอมากนัก ดังนั้นฉันจึงให้พ่อครัวทำอาหารมากมาย เธอสามารถเลือกอาหารที่เธอชอบได้ ถ้าเมนูนี้ไม่อร่อย ก็ค่อยเปลี่ยนอีกครั้ง”
เย้นหว่านตะลึง คิดไม่ถึงไปทั้งใบหน้า
นี่หมายความว่า หรือว่าจริงๆแล้วในครัวจัดเตรียมพ่อครัวไว้หลายสิบคน และอาหารทั้งหมดนั้นทำในเวลาเดียวกันออกมา ล้วนแต่กำลังเข้าแถวรอ ตราบใดที่เธอไม่ชอบก็เธอจะเปลี่ยนทันที
กลัวว่าอาหารพวกนี้จะมีมากกว่างานเลี้ยงในแมนจูอีก!(เปรียบเปรยว่าอาหารมีมากมายกว่าในงานเลี้ยงที่มีผู้คนเยอะแยะในชนเผาแมนจูของจีน)
มุมปากของเธอกระตุกเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีจริงๆ แต่ว่าในใจ มีความอบอุ่นอีกอย่างที่ไหลเข้ามา
หลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครสนใจเธอมากขนาดนี้ ความรู้สึกที่เกาะกุมหัวใจและรักเอ็นดูเช่นนี้ก็คือพี่ชายในตำนานสินะ
แม้ว่าจะดูเกินจริงไปหน่อย แต่ก็ดูเหมือนว่า จะแย่อะไร
“ฉันค่อนข้างชอบกับข้าวอาหารจีน แบบเผ็ดนิดหน่อย”
เย้นหว่านพูดกับเย้นโม่หลินด้วยตัวเอง
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมา ที่ริเริ่มที่จะบอกอะไรบางอย่างกับเขา
เย้นโม่หลินดีใจเป็นที่สุด โบกมืออย่างรวดเร็ว และเอ่ยสั่ง “เปลี่ยน กับข้าวเผ็ดนิดหน่อย ที่เหมาะสำหรับอาหารเช้า”
ไม่นาน ก็มีสาวใช้ต่อแถวเดินเข้ามา เปลี่ยนอาหารทั้งหมดบนโต๊ะตรงหน้าของเย้นหว่าน
เกือบทั้งหมดล้วนแต่เป็นอาหารที่เธอชอบทาน
ถ้าที่นี่ไม่ใช่ภัตตาคารที่สวยงามและหรูหรา เธอดูเหมือนจะรู้สึกว่า ยังอยู่ในบ้านของตัวเอง
“จุ๊จุ๊ ฉันก็ได้เปิดหูเปิดตาแล้วว่า แท้ที่จริงแล้วเมื่อก่อนเฮียไม่ได้เย็นชา แต่เป็นเพราะไม่มีน้องสาว”
ป่ายฉีจุ๊จุ๊อย่างประหลาดใจ และเกือบจะรู้สึกว่าเย้นโม่หลินตรงหน้าถูกทิ้งไปแล้ว
เริ่มตั้งตารอนิดๆหน่อยๆแล้ว ถ้าตัวเองมีน้องสาว จะกลายเป็นตามใจน้องสาวอย่าบ้าคลั่งด้วยหรือเปล่านะ?
ช่างมันเถอะ ลืมไปว่าพ่อแม่ก็ไม่มี เขาจะมีน้องสาวได้อย่างไร
คิดมากเกินไปแล้ว
เย้นโม่หลินกวาดสายตาไปที่ป่ายฉีอย่างเย็นชา น้ำเสียงหยิ่งผยองเป็นที่สุด “นายก็อิจฉาฉันไปเถอะ”
ป่ายฉี “…”
อาหารมื้อนี้ทานไม่ได้อีก อวดน้องสาว แย่กว่าคู่รักท่สวีทกันอีก
ในสายตาของเย้นโม่หลินเต็มไปด้วยความคาดหวัง เย้นหว่านหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการเปลี่ยนเมนูอาหาร หรือเพราะตรงนี้มีความรักของพี่ชาย แม้ว่าเย้นหว่านจะยังไม่รู้สึกอยากอาหารมากนัก แต่ก็รู้สึกว่าอาหารเหล่านี้อย่างน้อยสามารถกลืนลงคอได้
หลังจากทานอาหารเสร็จ เย้นโม่หลินก็รินน้ำหนึ่งแก้วด้วยตัวเอง และเอายาไปให้เย้นหว่าน
“กินยา”
เย้นหว่านตกตะลึง และเกรงใจเล็กน้อย “เรื่องพวกนี้ ฉันสามารถทำเองได้”
ทั้งหมดล้วนแต่รบกวนเย้นโม่หลิน เธอไม่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก และเธอก็ยังสามารถมองออกว่า เย้นโม่หลินเป็นคนที่เหมือนพระเจ้าเย่อหยิ่งเช่นนั้น ได้รับการดูแลจากทุกๆคนจนโต เรื่องแบบนี้กลัวว่าจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาทำ
เย้นโม่หลินส่ายศีรษะ น้ำเสียงทอดถอนใจเล็กน้อย
“ฉันอยากทำเพื่อเธอมากกว่านี้ เมื่อก่อน ฉันไม่มีโอกาสดูแลเธอเลย”
พระเจ้าทรงทราบดีว่าเขาเสียใจในภายหลังมากเพียงใดกับหลายปีที่ผ่านมา
หัวใจของเย้นหว่านขยับเล็กน้อย ถ้าตอนแรกเธอเติบโตในตระกูลเย้น เหมือนว่าเธอในตอนนี้ทุกๆอย่างอาจจะแตกต่างไปจากเดิมแล้ว และจะไม่มีวันได้พบกับโห้หลีเฉิน
เมื่อนึกถึงผู้ชายคนนั้น หัวใจของเย้นหว่านก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่สบายตัวอีกครั้ง
เธอกัดฟัน พยายามอดกลั้นความรู้สึกหายใจลำบากลงไป กินยาแล้วกลืนลงคอ
ทุกอย่างมันจบลงแล้ว สิ่งในตอนนี้ที่เธอต้องทำ ก็คือพยายามลืม ลืมเขาให้ได้
เย้นโม่หลินจ้องไปที่เย้นหว่าน และขมวดคิ้วอย่างเป็นทุกข์ เมื่อเห็นความเศร้าระหว่างคิ้วของเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดว่า “เสี่ยวหว่าน ต่อจากนี้ไปเธอก็อยู่ที่นี่เถอะนะ?”
เย้นหว่านตะลึงเล็กน้อย อยู่ที่นี่เถอะนะ?
เธอมีพี่ชายแล้ว งั้นที่นี่ ก็คือบ้านของเธอแล้ว? แต่การกลับบ้านอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้เธอไม่คุ้นเคยอย่างมาก
เธอลังเลเล็กน้อย
เย้นโม่หลินเอ่ยอีกครั้งว่า “เธออยู่กับเพื่อนที่นั่นจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ฉันก็ไม่วางใจ ที่นี่คือบ้านของเธอ ไม่ช้าก็เร็วเธอจะต้องมาอยู่ที่นี่ และจะอาศัยไปตลอดชีวิต”
เป็นบ้านของเธอ เป็นสถานที่ที่เธอสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต และเธอไม่ต้องย้ายออกไปอีก
หลังจากที่ย้ายบ้านตั้งสองหรือสามครั้งอย่างติดต่อกัน ก็ไม่มีที่ให้อยู่ ทำให้เย้นหว่านเกิดเงาจิตใต้สำนึก และกลัว ที่จะย้ายบ้านอีก
“อืม” หลังจากนั้นไม่นาน เย้นหว่านก็พยักหน้า
เย้นโม่หลินดีใจมากๆ ตื่นเต้นจนอยากจะกอดเย้นหว่าน แต่เมื่อมองไปที่สีหน้าที่เย็นชาของเย้นหว่านนั้น เขาก็ยื่นมือกลับมาอีกครั้งอย่างดื้อๆ
ไม่รีบ ค่อยเป็นค่อยไป
“ฉันให้คนไปเอากระเป๋าเดินทางทั้งหมดของเธอมา”
เย้นโม่หลินยืนขึ้นและวางแผนเตรียมการ
เย้นหว่านวางถ้วยยาลง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปย้ายเอง”
“ไม่ได้ สุขภาพของเธอยังไม่หายดี เธอไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้”
“ฉันอยากเก็บสิ่งของของฉันเอง ในวันข้างหน้าจะได้หาง่าย”
เย้นโม่หลินลังเลไปสักพัก ถึงจะตัดสินใจว่า “ฉันไปกับเธอเอง”
ท่าทีของเขาหนักแน่น น้ำเสียงยังคงนุ่มนวล แต่ด้วยกลิ่นอายที่ไม่สามารถโต้แย้งได้
เย้นหว่านอยากจะพูดอะไร แต่ก็พูดไม่ออก
แม้ว่าความสัมพันธ์จะสั้น แต่เย้นโม่หลินก็อ่อนโยนอย่างมาก ตามใจ แต่เธอกลับรู้ว่า เย้นโม่หลินเป็นคนที่มีอำนาจมากเช่นกัน เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ
นี่อาจจะเป็นนิสัยของผู้นำ
อย่างไรก็ตามนี่เรื่องเล็กน้อย และเย้นหว่านก็ไม่มีอารมณ์ที่จะคิดเล็กคิดน้อยอะไรมากเกินไป นอกจากนี้ ถ้าเขาอยากไปด้วย ก็คือไม่วางใจเธอ